Google Analytics 4

ร่วมแชร์เป็นธรรมทานนะครับ

ความรักที่ไม่เป็นทุกข์-ผิดหวังกับความรัก

ธัมมโชติ รวมธรรมะน่าสนใจจากพระไตรปิฎกด้วยภาษาง่ายๆ เพื่อคนรุ่นใหม่

เนื้อหาประกอบด้วย


ความรักที่ไม่เป็นทุกข์

ผู้คนทั้งหลายเกือบจะทั้งหมดในโลกนี้ล้วนอยากมีหรือแสวงหาความรักด้วยกันทั้งนั้นนะครับ เพราะเขาเหล่านั้นคิดว่าความรักจะนำมาซึ่งความสุข แต่จะมีสักกี่คนที่มีความสุขจากความรักได้อย่างแท้จริงโดยไม่มีความทุกข์มาเจือปนด้วยเลย ทั้งในขณะเริ่มต้น ท่ามกลาง และที่สุด (ซึ่งจุดสิ้นสุดของการอยู่ร่วมกันของผู้ที่มีความรักนั้นจะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นะครับ ไม่ว่าจะเป็นการจากเป็นคือทั้งสองฝ่ายล้วนยังมีชีวิตอยู่ หรือจากตายคือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายต้องตายจากกันไป)

ความรักนั้นมีหลายรูปแบบนะครับ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็ทำให้มีความสุข ความทุกข์ที่แตกต่างกันออกไป ความรักที่ทำให้เป็นทุกข์คือความรักที่ประกอบไปด้วยความยึดมั่นถือมั่น ยึดมั่นว่าเป็นของๆ เรา เป็นคนรักของเรา เขาจะต้องมีเราคนเดียวตลอดไป อย่าได้ไปชายตามองคนอื่นเลย เขาจะต้องรักเราและอยู่กับเราตลอดไป จะต้องเป็นไปตามที่ใจเราปรารถนา ฯลฯ

ถ้าไม่อยากเป็นทุกข์ก็ต้องรักโดยไม่มีความยึดมั่นถือมั่นนะครับ มีแต่ความเมตตา ปรารถนาดีต่อเขาด้วยใจจริง แต่ไม่ยึดมั่นว่าเขาจะต้องเป็นอย่างที่เราปรารถนา หรือคาดหวังจะให้เป็น ต้องรักในส่วนที่ดีของเขา ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับหรือทำใจในส่วนที่ไม่ดีของเขาด้วยนะครับ อย่าคาดหวังว่าจะได้พบกับคนที่สมบูรณ์แบบ เพียบพร้อมไปทุกกระเบียดนิ้ว

และต้องยอมรับความจริงว่าสิ่งต่างๆ ล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย แม้ร่างกายและจิตใจของเราเองยังเอาแน่อะไรไม่ได้เลย แล้วจะไปหวังอะไรกับคนอื่นครับ วันนี้ ตอนนี้ดี ใครจะรับรองได้ว่าอีก 1 นาทีข้างหน้าจะยังดีอยู่เหมือนเดิม การไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ไม่อยู่ในอำนาจ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ก็มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่หวังได้

ถ้ายอมรับความจริงเหล่านี้และทำใจได้อย่างแท้จริง สามารถรักได้โดยปราศจากความยึดมั่นถือมั่น มีจิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาที่บริสุทธิ์ รักเพื่อจะให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทน ไม่ใช่รักเพื่อจะรับ แต่รักเพื่อจะให้คนที่เรารักมีความสุข ก็จะไม่ต้องเป็นทุกข์ใจเพราะความรักนั้นครับ (ความรู้สึกเช่นนี้มักจะไม่เรียกกันว่าความรัก แต่จะเรียกว่าความเมตตา เพราะโดยทั่วไปแล้วความรักมักจะประกอบไปด้วยความยึดมั่นถือมั่นนะครับ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส* ย่อมเกิดแต่ของที่รัก เป็นมาแต่ของที่รัก" - ดูเปรียบเทียบกับพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ที่ เล่ม : ๑๓ หน้า : ๔๓๓ ข้อ : ๓๕๓) แต่ถ้าทำใจเช่นนั้นไม่ได้ การอยู่คนเดียวก็น่าจะมีความสุขมากกว่านะครับ

ดังคำที่ว่า:
[๒๙๖] ..... ความเยื่อใยย่อมมีแก่บุคคลผู้เกี่ยวข้องกัน
ทุกข์นี้ย่อมเกิดขึ้นตามความเยื่อใย
บุคคลเล็งเห็นโทษอันเกิดแต่ความเยื่อใย
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น .....


(ขัคควิสาณสูตรที่ ๓ พระไตรปิฎก พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ - ธรรมบท - อุทาน)


(ดูเปรียบเทียบกับพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ที่ เล่ม : ๒๕ หน้า : ๕๐๗ ข้อ : ๓๖)


โสกะ - ความโศก
ปริเทวะ - ความร่ำไรรำพัน, ความคร่ำครวญ, ความรำพันด้วยเสียใจ, ความบ่นเพ้อ
โทมนัส - ความเสียใจ, ความเป็นทุกข์ใจ
อุปายาส - ความคับแค้นใจ, ความสิ้นหวัง

ธัมมโชติ



ตอบคำถามเรื่อง : ผิดหวังกับความรัก


ผิดหวังเรื่องความรัก

ผู้สนใจท่านหนึ่งได้เมล์มาถามปัญหาเกี่ยวกับเรื่องผิดหวังกับความรัก ทางผู้ดำเนินการเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านอื่นๆ ด้วย จึงขออนุญาตนำมาลงเอาไว้ ณ ที่นี้นะครับ เนื่องจากมีเนื้อหาสัมพันธ์กัน ดังนี้


คำถาม

ผิดหวังในความรัก ทำอย่างไรให้รู้สึกเป็นกลางได้เร็วๆ ไม่มีอะไรเสียหาย แต่เสียใจ ไม่รุนแรง เพราะเผื่อใจไว้แล้ว แต่ลึกมาก และรู้สึกว่าเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมาเจอกัน มาทำให้เกิดเหตุการณ์ในรูปแบบอย่างนี้ ทั้งๆ ที่จริงก็พยายามเลี่ยงมาตลอดแล้ว แต่ในที่สุดก็หนีไม่พ้น ต้องพูดคุยผูกพันกัน อย่างนี้มาจากไหน ทำไมเลี่ยงไม่ได้

นั่งและเดินจงกรม หรือ แม้แต่สวดมนต์ก็ไม่สามารถทำให้ใจสงบอย่างที่เคยทำได้ ทำอย่างไรดีคะ ใช้เหตุผลวิเคราะห์ ก็ยอมรับความจริงนะคะ ว่ามันน่าจะลงเอยแบบนี้ ถึงเป็นเหตุผลที่พยายามเลี่ยงไงคะ แต่อย่างที่เรียนให้ทราบ ไม่เข้าใจว่าทำไมเลี่ยงไม่พ้น แต่ใจมันแย่มากๆ ทรมานค่ะ

ขอบคุณค่ะ


ตอบ

สวัสดีครับ

ขอบคุณครับที่ให้ความสนใจเว็บไซต์ ธัมมโชติ

ชีวิตก็อย่างนี้แหละครับ มีสมหวัง แล้วก็มีผิดหวัง มีสุข แล้วก็มีทุกข์ เป็นเรื่องธรรมดาของโลก วิธีแก้ไขความทุกข์ที่เกิดขึ้นนี้ เท่าที่นึกออกตอนนี้ก็มีดังนี้ครับ
  1. ยอมรับความจริงของโลกว่าโลกธรรม 8 อย่างนี้เป็นเรื่องธรรมดาของโลก (คือ ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ ได้รับการสรรเสริญ ถูกนินทา เป็นสุข เป็นทุกข์) ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกก็ต้องทำใจ และยอมรับความจริงข้อนี้ครับ

  2. คิดว่าความผิดหวังครั้งนี้ก็มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ทำให้ได้เรียนรู้โลกเพิ่มขึ้นอีกพอสมควร เป็นการฝึกฝนจิตใจให้เข้มแข็งขึ้นเพื่อการเผชิญชีวิตในโอกาสต่อๆ ไปนะครับ

  3. คิดว่าการที่ผิดหวังในตอนนี้นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะถ้าตอนนี้ยังคบกันด้วยดีอยู่ แล้วถลำลึกไปกว่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วไปผิดหวังในวันข้างหน้า คิดดูว่าจะเป็นทุกข์มากกว่านี้กี่เท่าครับ

  4. เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสโดยการใช้ความทุกข์ในครั้งนี้ให้เป็นพลังในการทำความเพียรเพื่อความพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิงในโอกาสต่อๆ ไปนะครับ (เจริญวิปัสสนากรรมฐาน) คือใช้เรื่องนี้เป็นข้อมูลในการพิจารณาให้เห็นความไม่น่ายินดีของโลก แล้วน้อมใจไปในพระนิพพานที่พ้นจากความวุ่นวายต่างๆ เพราะถ้าตราบใดยังอยู่ในโลก ก็ต้องเจอกับความทุกข์สารพัดรูปแบบเป็นระยะๆ ตลอดไปนะครับ

  5. อย่าไปนึกโกรธหรือเกลียดคนที่ทำให้ผิดหวังนั้น เพราะจะทำให้เป็นทุกข์เพราะไฟโทสะอีกกองหนึ่งครับ ควรนึกขอบคุณเขาที่เป็นครูสอนให้เราได้เรียนรู้ชีวิตให้ดีขึ้นอีก วันหน้าวันหลังจะได้ไม่พลาดจนต้องเป็นทุกข์อีก แล้วทำใจให้เป็นกลางๆ จะได้หมดเวรต่อกันโดยเร็วนะครับ

  6. คิดว่าคนที่เป็นทุกข์กว่าเรายังมีอีกมากนะครับ ทั้งในเรื่องความรักและเรื่องอื่นๆ ที่เราเจอนี้เป็นเรื่องที่เล็กน้อยกว่าคนอื่นมาก ลองคิดดูนะครับ บางคนท้องโดยหาพ่อให้ลูกไม่ได้ บางคนต้องทนทุกข์เพราะสามีมีคนอื่นอีก บางคนเจอปัญหาหมดตัวล้มละลาย บางคนทนทุกข์กับโรคเอดส์ บางคนถูกข่มขืน บางคนลูกเสียชีวิต บางคนครอบครัวมีปัญหาทะเลาะกันทุกวัน ฯลฯ

  7. หาอะไรทำ อย่าปล่อยให้ว่าง จะได้ไม่มีเวลาคิดมากครับ

  8. หาเพื่อนคุย

  9. พยายามกำจัดสิ่งที่จะกระตุ้นให้นึกถึงเขาออกไปครับ เช่น ของขวัญ ของฝาก จัดห้องจัดบ้านพักใหม่ หลีกเลี่ยงสถานที่ที่เคยเจอกัน

  10. นึกถึงคนที่เรารักและรักเราอย่างจริงใจให้มากๆ นะครับ เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง พยายามอย่าไปนึกถึงคนที่ทำให้เราเสียใจเลยนะครับ

  11. ลองดูเรื่องความรักที่ไม่เป็นทุกข์ ที่ด้านบนประกอบด้วยนะครับ เผื่อจะช่วยได้

  12. สิ่งใดถ้าคิดถึงแล้วทำให้เป็นทุกข์ไปโดยเปล่าประโยชน์ ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ คิดไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาได้ มีแต่จิตใจจะแย่ลง ก็อย่าไปคิดถึงสิ่งนั้นเลยนะครับ คิดว่าจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดได้อย่างไรดีกว่านะครับ

    คนเราแต่ละคนจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสักกี่ปีก็ไม่รู้ จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ อย่าปล่อยให้เรื่องแค่นี้มาทำให้ชีวิตที่เหลือ (ซึ่งไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานเท่าไหร่) ต้องแย่ไปเลยนะครับ ไม่คุ้มกันเลย
ถ้าตราบใดที่ยังปล่อยวางหรือลืมเรื่องนี้ไม่ได้ ก็ยากที่ใจจะสงบลงได้ครับ เพราะความรักก็สงเคราะห์ได้ในกามฉันทนิวรณ์ (ดูเรื่องนิวรณ์ 5 และวิธีแก้ไข ในหมวดสมถกรรมฐาน (สมาธิ) ประกอบนะครับ) ความโกรธ ความเสียใจ ความทุกข์ใจทั้งหลายก็สงเคราะห์ได้ในพยาปาทนิวรณ์ เมื่อนิวรณ์เกิดขึ้น สมาธิก็ไม่สามารถเกิดได้ครับ

ต้องค่อยๆ ปล่อยวาง ทำใจให้สบายๆ คิดเสียว่าที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไป อย่าให้อดีตมาทำร้ายปัจจุบัน มาเริ่มต้นกันใหม่แล้วทำปัจจุบันให้ดีขึ้นดีกว่า แล้วใจก็จะค่อยๆ สงบขึ้นเรื่อยๆ เองครับ

ถ้าทำใจยังไม่ได้แล้วใช้วิธีพยายามบีบบังคับใจ ก็เหมือนพยายามจับม้าพยศให้นิ่ง มันก็มีแต่จะดิ้นรนขัดขืนขึ้นไปใหญ่ครับ ต้องใช้น้ำเย็นเข้าลูบ คือการค่อยๆ พิจารณาแล้วปล่อยวางครับ

ทำใจเย็นๆ อย่าหวังอะไรมาก หรือไม่ต้องหวังเลยได้ยิ่งดีนะครับ คือคิดเพียงว่าทำวันนี้ให้ดีแล้วอนาคตก็จะดีเอง โดยไม่ไปหวังอะไรกับอนาคต แล้วคอยสังเกต คือมีสติอยู่กับสิ่งที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน แล้วสมาธิก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ เองครับ ถ้ายิ่งหวังก็จะยิ่งห่างจากสมาธิ เพราะใจจะไม่อยู่กับปัจจุบันอย่างแท้จริง

ค่อยๆ พิจารณาทำใจไปนะครับ ถ้าไม่ไหวก็หาเพื่อนคุย หรือหาอะไรทำให้ยุ่งๆ เข้าไว้ จะได้ไม่คิดมาก สักพักก็ดีขึ้นเองหละครับ

ปล่อยวางให้ได้เร็วๆ นะครับ ชีวิตยังมีสิ่งดีๆ อีกมาก เรื่องนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของชีวิตครับ ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต อย่าคิดอะไรมากเลย


ธัมมโชติ

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น