Google Analytics 4

ร่วมแชร์เป็นธรรมทานนะครับ

เล่มที่ ๔๓-๔ หน้า ๑๖๒ - ๒๑๕

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓-๔ อภิธรรมปิฎกที่ ๑๐ ปัฏฐาน ภาค ๔



พระอภิธรรมปิฎก
ธัมมานุโลม ทุกปัฏฐาน
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร

นฌานปัจจัย มี ๖ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๒๘๗] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (ย่อ)

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๒๘๘] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ (ย่อ)

(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)
๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๘๙] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ระคน
กับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย (ย่อ) มี ๓ วาระ
(เหมือนกับปฏิจจวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๖๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับ
จิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูป
ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(พึงเพิ่มข้อความจนถึงมหาภูตรูป) (๑)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิต
และมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์ทำ
จิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) มี ๓ วาระ (๓)
[๒๙๐] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่
ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็น
สมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑
ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒
ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ระคนกับจิต
มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ รูปที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำขันธ์ที่ระคนกับจิตมี
จิตเป็นสมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น รูปที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็น
สมุฏฐานทำขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
จิตทำขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
(ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๓ วาระ) (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
ทำสภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และรูปที่ระคนกับจิต
มีจิตเป็นสมุฏฐานทำขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็น
สมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ
พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๖๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
อารัมมณปัจจัย
[๒๙๑] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ระคน
กับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
(เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่ระคน
กับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่
จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ
จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิต
และมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคต
ด้วยจักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ
สัมปยุตตขันธ์ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐาน
ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
ทำสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๑ วาระ) (๓)
[๒๙๒] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่
ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ
จักขายตนะและทำจักขุวิญญาณให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็น
สมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑
ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒
ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๖๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ระคนกับจิต
มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำ
จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ จิตทำขันธ์
ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ
พึงเพิ่มเป็น ๑ วาระ) (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
ทำสภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑
ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒
ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๑ วาระ ย่อ) (๓)
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๒๙๓] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
[๒๙๔] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ระคน
กับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย (โดยนัยนี้ พึง
เพิ่มเป็น ๙ วาระ ในปัจจยวารพึงเพิ่มปัญจวิญญาณ เฉพาะ ๓ วาระ มีโมหะ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๖๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๙๕] นเหตุปัจจั มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๓ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และนิสสยวารพึงทําอย่างนี้)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๖๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๙๖] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคน
กับขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐาน ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตเกิดระคนกับขันธ์ที่
ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐาน ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
เกิดระคนกับสภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๒ และจิตเกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐาน ...
เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่
ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์เกิดระคน
กับจิต ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรมที่
ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและเกิด
ระคนกับจิต ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑) (ย่อ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๖๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๒๙๗] เหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๕ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
[๒๙๘] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเพราะนเหตุปัจจัย (ย่อ เฉพาะ ๓ วาระ มีโมหะ)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๒๙๙] นเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๕ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวารพึงทําอย่างนี้)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๖๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๓๐๐] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่ระคนกับจิตและมีจิต
เป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่ม
บทที่เป็นมูล) เหตุที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่จิตและจิตต-
สมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เหตุที่ระคน
กับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ จิต และจิตตสมุฏฐานรูป
โดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
อารัมมณปัจจัย
[๓๐๑] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภ
ขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐาน ขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานจึง
เกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐาน
จิตจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็น
สมุฏฐาน จิตและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะออกจาก
มรรคแล้ว พิจารณามรรค ฯลฯ พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู
ฯลฯ (ย่อ พึงเพิ่มให้เหมือนกับอารัมมณปัจจัยในจิตตสหภูทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน
มี ๙ วาระ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๖๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อธิปติปัจจัย
[๓๐๒] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ
และสหชาตาธิปติ มี ๓ วาระ (พึงเพิ่มอธิปติปัจจัยเป็น ๒ วาระ) (๓)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ
และสหชาตาธิปติ มี ๓ วาระ (พึงเพิ่มอธิปติปัจจัยเป็น ๒ วาระ) (๓)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอธิปติปัจจัย
มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ (พึงเพิ่มอธิปติปัจจัยอย่างเดียวเท่านั้น มี ๙ วาระ
พึงเพิ่มเหมือนจิตตสหภูทุกะไม่มีข้อแตกต่างกัน)
อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๓๐๓] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอนันตรปัจจัย (มี ๙ วาระ เหมือนกับ
จิตตสหภูทุกะ) เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ เป็นปัจจัยโดยสหชาต-
ปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย
มี ๙ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
(เหมือนกับปัจจยวาร) เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย (มี ๙ วาระ เหมือนกับ
จิตตสหภูทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
ปุเรชาตปัจจัยเป็นต้น
[๓๐๔] สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง
คือ อารัมมณปุเรชาตะ และวัตถุปุเรชาตะ มี ๓ วาระ (เหมือนกับจิตตสหภูทุกะ
ไม่มีข้อแตกต่างกัน)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๗๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปัจฉาชาตปัจจัย (เหมือนกับจิตตสหภูทุกะ
ไม่มีข้อแตกต่างกัน ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ มี ๒ วาระ สภาวธรรมที่มีมูลเดียว
มี ๑ ฆฏนา) เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัยเป็นต้น
[๓๐๕] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับจิตต-
สหภูทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน สหชาตะ และนานาขณิกะ มี ๓ วาระ) เป็นปัจจัย
โดยวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับ
ข้อความในจิตตสหภูทุกะ กวฬิงการาหารมีอย่างเดียวเท่านั้น)

เป็นปัจจัยโดยอินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

วิปปยุตตปัจจัย
[๓๐๖] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ
และปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ
ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ
และปุเรชาตะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๗๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ระคนกับจิต
และมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณโดย
วิปปยุตตปัจจัย ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่ระคนกับ
จิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือสหชาตะ และปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์
โดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์โดย
วิปปยุตตปัจจัย ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตต-
ขันธ์โดยวิปปยุตตปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือสหชาตะ และปัจฉาชาตะ (ย่อ)
อัตถิปัจจัย
[๓๐๗] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ
และปัจฉาชาตะ (ย่อ)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย
(เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๗๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ
ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ (ปัจจัยนี้เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย พึงเพิ่ม
ปุเรชาตปัจจัยที่ย่อไว้ทั้งหมด พึงขยายให้พิสดาร) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ
และปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ
จิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์โดยอัตถิปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัย
แก่ขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ (ปัจจัยนี้เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย ไม่มีข้อแตกต่างกัน) (๒)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิ-
ปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ จิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์โดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ (ปัจจัยนี้เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย) (๓)
[๓๐๘] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิต
เป็นสมุฏฐาน เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดย
อัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ และจักขุวิญญาณเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ
และจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๗๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ โดยอัตถิปัจจัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและหทัยวัตถุเป็นปัจจัย
แก่ขันธ์ ๒ โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่ม
เป็น ๒ วาระ) (๑)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย
มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่
จักขุวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่ระคน
กับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และจิตเป็นปัจจัยแก่รูปที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและมหาภูตรูปเป็น
ปัจจัยแก่รูปที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ที่ระคนกับจิต
มีจิตเป็นสมุฏฐานและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอัตถิปัจจัย (ในปฏิสนธิขณะ
พึงเพิ่มเป็น ๓ วาระ)
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และจิตเป็นปัจจัยแก่
กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน จิตและกวฬิงการา-
หารเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน จิตและรูปชีวิตินทรีย์
เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิต
เป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ และจักขายตนะเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ และจักขุวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วย
กายวิญญาณ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๗๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และจิตเป็นปัจจัย
แก่ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๑ ที่ระคน
กับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ และจิตโดยอัตถิปัจจัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๓)
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๓๐๙] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๗๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร

วิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ
๒. ปัจจนียุทธาร
[๓๑๐] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสย-
ปัจจัย และกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่
ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณ-
ปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๓)
[๓๑๑] สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย
อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
และปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ระคน
กับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๗๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
[๓๑๒] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิต
เป็นสมุฏฐาน เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย
สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิต
เป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย (๓)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๓๑๓] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

โนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๓๑๔] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๓ วาระ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๗๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๔. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานสหภูทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๑ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๓๑๕] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัย มีปัจจัยละ ๙ วาระ พึงเพิ่มบทอนุโลมมาติกา)
จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ จบ
๖๔. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานสหภูทุกะ
๑. ปฏิจจวาร
เหตุปัจจัย
[๓๑๖] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและเกิดพร้อมกับจิต
อาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและเกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและ
เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(แม้ทุกะนี้ ก็เหมือนกับจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานสหภูทุกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๗๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๖๕. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานานุปริวัตติทุกะ
๑. ปฏิจจวาร
เหตุปัจจัย
[๓๑๗] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและเป็นไปตามจิตอาศัย
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและเป็นไปตามจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและเป็นไปตามจิต
เกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(แม้ทุกะนี้ ก็เหมือนกับจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานานุปริวัตติทุกะ จบ
๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๓๑๘] สภาวธรรมที่เป็นภายในอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในเกิดขึ้นเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่เป็นภายในอาศัยจิตเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปที่เป็นภายนอกอาศัยจิตเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายใน
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปที่เป็น
ภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยจิตเกิดขึ้น (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๗๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๓๑๙] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอก
เกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปที่
เป็นภายนอกอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
หทัยวัตถุอาศัยขันธ์เกิดขึ้น ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายในอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตอาศัยขันธ์ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตและกฏัตตารูปที่
เป็นภายในอาศัยขันธ์ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยหทัยวัตถุที่
เป็นภายนอกเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอก
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ จิตและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่
เป็นภายนอกเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ จิตและ
กฏัตตารูปที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
[๓๒๐] สภาวธรรมที่เป็นภายในอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่เป็นภายใน
อาศัยจิตและสัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่
เป็นภายนอกและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยจิตและมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปที่เป็น
ภายนอกอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอกและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
กฏัตตารูปที่เป็นภายนอกอาศัยจิตและมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่
เป็นภายนอกอาศัยจิตและหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๘๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก อาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายใน
และที่เป็นภายนอกเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และ
กฏัตตารูปที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอกและอาศัย
จิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
อารัมมณปัจจัย
[๓๒๑] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายในอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตอาศัยขันธ์ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
จิตอาศัยขันธ์ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอก
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภาย
นอกเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และจิตอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอก อาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอกและ
อาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑
ที่เป็นภายนอกและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอกอาศัยจิตและหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ (ย่อ) (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๘๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๓๒๒] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๕ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๕ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

สัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๕ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๕ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๘๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๓๒๓] สภาวธรรมที่เป็นภายในอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูปที่เป็นภายในอาศัยจิต
เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตที่เป็นอเหตุกะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
ที่เป็นอเหตุกะ สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปที่เป็นภายนอกอาศัยจิตเกิดขึ้น โมหะ
ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยจิตที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและ
ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูป
ที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยจิตเกิดขึ้น (๓)
[๓๒๔] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็น
ภายนอกเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ
(พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายในอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็นภายนอกเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
จิตและกฏัตตารูปที่เป็นภายในอาศัยขันธ์ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่
เป็นอเหตุกะ จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอก
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ จิตและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่ไม่มีเหตุซึ่งเป็นภายนอกเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๘๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
อเหตุกะ ขันธ์ ๒ จิตและกฏัตตารูปที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยขันธ์ ๑
ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
[๓๒๕] สภาวธรรมที่เป็นภายในอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูป
ที่เป็นภายในอาศัยจิตและสัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มี
เหตุซึ่งเป็นภายนอกและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยจิตที่เป็นอเหตุกะและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปที่เป็นภายนอกอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอกและอาศัยจิต
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูปที่เป็นภายนอกอาศัยจิตและ
มหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ที่เป็นภายนอกอาศัยจิตและ
หทัยวัตถุเกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่
สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและอาศัยจิตเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายใน
และที่เป็นภายนอกเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอก
และอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
นอารัมมณปัจจัย
[๓๒๖] สภาวธรรมที่เป็นภายในอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในเกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่เป็นภายในอาศัยจิตเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในเกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป
ที่เป็นภายนอกอาศัยจิตเกิดขึ้น (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๘๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในเกิดขึ้น
เพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกอาศัยจิตเกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่เป็นภายนอกอาศัยขันธ์ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น หทัยวัตถุ
อาศัยขันธ์ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความ
จนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายในอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่เป็นภายในอาศัยขันธ์ที่เป็น
ภายนอกเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอก
เกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่เป็นภายใน
และที่เป็นภายนอกอาศัยขันธ์ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้น (๓)
[๓๒๗] สภาวธรรมที่เป็นภายในอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่เป็น
ภายในอาศัย จิตและสัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก
เกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่เป็นภายนอกและ
อาศัยจิตเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตและมหาภูตรูปเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ
พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในและ
ที่เป็นภายนอกเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่
เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยจิตและสัมปยุตตขันธ์เกิดขึ้น ฯลฯ (ย่อ) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๘๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
นฌานปัจจัย
[๓๒๘] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในเกิดขึ้น
เพราะนฌานปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจักขุวิญญาณเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัย
กายวิญญาณ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดขึ้นเพราะ
นฌานปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณเกิดขึ้น ...
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ที่เป็นภายนอก ฯลฯ
ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ สําหรับเหล่าอสัญญสัตตพรหม
ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นภายในอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดขึ้นเพราะ
นฌานปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณเกิดขึ้น ฯลฯ
กายวิญญาณอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายนอก
เกิดขึ้นเพราะนฌานปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจักขุวิญญาณอาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคต
ด้วยจักขุวิญญาณเกิดขึ้น ...อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย
กายวิญญาณ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกอาศัยสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก
เกิดขึ้นเพราะนฌานปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วย
จักขุวิญญาณและอาศัยจักขุวิญญาณเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วย
กายวิญญาณ (พึงผูกเป็นจักกนัย)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๓๒๙] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๘๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๕ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๓๓๐] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ (ย่อ)

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๓๓๑] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๕ วาระ
สมนันตรปัจจัย ” มี ๕ วาระ
สหชาตปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ (ย่อ)

(แม้สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๘๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๓๓๒] สภาวธรรมที่เป็นภายในทำสภาวธรรมที่เป็นภายในให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกทำสภาวธรรมที่เป็นภายนอกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอก
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ
จนถึงมหาภูตรูปภายใน) ขันธ์ที่เป็นภายนอกทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นภายในทำสภาวธรรมที่เป็นภายนอกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตทำขันธ์ที่เป็นภายนอกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกทำสภาวธรรมที่เป็นภายนอกให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑
ที่เป็นภายนอกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ จิตและสัมปยุตตขันธ์
ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๓)
[๓๓๓] สภาวธรรมที่เป็นภายในทำสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปที่เป็น
ภายในทำจิตและสัมปยุตตขันธ์ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกทำสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปทำขันธ์ ๑ ที่เป็น
ภายนอกและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปทำจิตและมหาภูตรูป
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่เป็นภายนอกทำจิตและหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
(ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๓ วาระ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๘๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกทำสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และ
กฏัตตารูปที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกทำขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอกและทำจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
อารัมมณปัจจัย
[๓๓๔] สภาวธรรมที่เป็นภายในทำสภาวธรรมที่เป็นภายในให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ
ทำกายายตนะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกทำสภาวธรรมที่เป็นภายในให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะ
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณทำจักขายตนะและทำ
จักขุวิญญาณให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ สัมปยุตตขันธ์ทำ
จิตให้เป็น ปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกทำสภาวธรรมที่เป็นภายในให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ทำ
จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกทำสภาวธรรมที่เป็นภายนอกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัยได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์ที่เป็นภายนอกทำหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
สภาวธรรมที่เป็นภายในทำสภาวธรรมที่เป็นภายนอกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตทำขันธ์ที่เป็นภายนอกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกทำสภาวธรรมที่เป็นภายนอกให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๑ วาระ ฯลฯ) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๘๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๓. ปัจจยวาร
[๓๓๕] สภาวธรรมที่เป็นภายในทำสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำขันธ์ที่สหรคตด้วย
จักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ
ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกทำสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคต
ด้วยจักขุวิญญาณทำจักขายตนะและจักขุวิญญาณให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒
ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอก
และทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ที่เป็นภายนอกทำจิต
และทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกทำสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจักขุวิญญาณ
ทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ...
ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ย่อ) (๓)
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร

[๓๓๖] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ l/r
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระl/r
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระl/r
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระl/r
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระl/r
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระl/r
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระl/r
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระl/r
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระl/r


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๙๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๓. ปัจจยวาร

ปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๓๓๗] สภาวธรรมที่เป็นภายในทำสภาวธรรมที่เป็นภายในให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
เพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูปที่เป็นภายใน
ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ย่อ)
(พึงทําเป็น ๙ วาระอย่างนี้ พึงเพิ่มปัญจวิญญาณด้วย เฉพาะ ๓ วาระ มีโมหะ)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๓๓๘] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๙๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร

นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และนิสสยวารพึงทำอย่างนี้)
๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
[๓๓๙] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นภายในเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์เกิดระคนกับจิต ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์
เกิดระคนกับจิต (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นภายนอกเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอก ... เกิดระคนกับ
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่เป็นภายใน เกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นภายนอกเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตเกิดระคนกับขันธ์ที่เป็นภายนอก ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๙๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็น
ภายนอกเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตเกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอก
... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เป็นภายนอก
และระคนกับจิต ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (ย่อ)

เหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๕ วาระ)

อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ (พึงเพิ่มบทอนุโลม)

สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เป็นภายในเพราะนเหตุปัจจัย
(พึงเพิ่มเป็น ๕ วาระอย่างนี้ เฉพาะ ๓ วาระ มีโมหะ)

นเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๕ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ (พึงเพิ่มบทปัจจนียะ)

(การนับ ๒ อย่างนอกนี้ และสัมปยุตตวาร พึงทำอย่างนี้)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๙๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๓๔๐] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอก
โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ เหตุที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปที่เป็นภายนอกโดยเหตุปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอก เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดยเหตุปัจจัย
ได้แก่ เหตุที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่จิตโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ เหตุที่
เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่จิตและกฏัตตารูปที่เป็นภายในโดยเหตุปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอก เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
จิตและจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ เหตุที่เป็นภายนอก
เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ จิตและกฏัตตารูปที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกโดย
เหตุปัจจัย (๓)
อารัมมณปัจจัย
[๓๔๑] สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภจิต จิตจึงเกิดขึ้น (พึงอ้างบทที่เป็นมูล)
เพราะปรารภจิต ขันธ์ที่เป็นภายนอกจึงเกิดขึ้น (พึงอ้างบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภจิต
จิตและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอกโดย
อารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้วพิจารณากุศลนั้น
ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๙๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
จึงเกิดขึ้น บุคคลพิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน
ฯลฯ พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค พิจารณาผล พิจารณานิพพาน
นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผล และ อาวัชชนจิต โดยอารัมมณปัจจัย
พระอริยะพิจารณากิเลสที่เป็นภายนอก ซึ่งละได้แล้ว พิจารณากิเลสที่ข่มได้แล้ว
รู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น บุคคลเห็นแจ้งรูป ฯลฯ หทัยวัตถุ และขันธ์ที่เป็นภายนอก
โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียง
ด้วยทิพพโสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่เป็นภายนอกด้วย
เจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะเป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ ฯลฯ
อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯลฯ รูปายตนะเป็น
ปัจจัย แก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณโดยอารัมมณปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ
ฯลฯ ขันธ์ที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสา-
นุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณ-
ปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดยอารัมมณ-
ปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถแล้วพิจารณากุศลนั้น ยินดี
เพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น จิตจึงเกิดขึ้น บุคคล
พิจารณากุศลที่เคยสั่งสมไว้ดีแล้ว ฯลฯ ออกจากฌานแล้วพิจารณาฌาน ฯลฯ
(ย่อ พึงเพิ่มข้อความทั้งหมด) พระอริยะรู้กิเลสที่เคยเกิดขึ้น ฯลฯ บุคคลเห็นแจ้งรูป
ฯลฯ หทัยวัตถุ ฯลฯ โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะ
ปรารภความยินดีเพลิดเพลินรูปเป็นต้นนั้น จิตจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ
ฯลฯ (ย่อ) รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ
ขันธ์ที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติ-
ญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ บุคคลให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ
แล้วพิจารณากุศลนั้น ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินกุศลนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๙๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
จิตและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (ย่อ พึงเพิ่มข้อความทั้งหมด) บุคคลเห็นแจ้งขันธ์
ที่เป็นภายนอก โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภ
ความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้น จิตและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วย
ทิพพจักขุ ฯลฯ (ย่อ) รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิต
โดยอารัมมณปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายในโดยอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
อธิปติปัจจัย
[๓๔๒] สภาวธรรมที่เป็นภายใน เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดย
อธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําขันธ์ที่เป็นภายใน
และจิตให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น จิตจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายใน เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอกโดยอธิปติปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ และสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําจิตให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ขันธ์ที่
เป็นภายนอกจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมคือจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (พึงอ้างบทที่เป็นมูล)
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําจิตที่เป็นภายในให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น
จิตและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอก เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอกโดย
อธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๙๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ บุคคลให้ทาน ฯลฯ มี ๓ วาระ (สําหรับวาระ
แม้ทั้ง ๓ พึงเพิ่มอธิปติปัจจัยทั้ง ๒) (๓)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายในโดยอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (สําหรับวาระแม้ทั้ง ๓ มีอธิปติปัจจัยเพียง
อย่างเดียวเท่านั้น)
อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๓๔๓] สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ จิตที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่จิตที่เกิดหลัง ๆ โดยอนันตปัจจัย
มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่เป็นภายนอก เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอกโดย
อนันตรปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายนอกซึ่งเกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่
เกิดหลัง ๆ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลมเป็นปัจจัยแก่โคตรภู ฯลฯ มี ๓ วาระ
(สําหรับวาระแม้ทั้ง ๓ ก็เหมือนกับวาระเดียวกัน)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายในโดยอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ

เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับปัจจยวาร)

อุปนิสสยปัจจัย
[๓๔๔] สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดย
อุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะและ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๙๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่เป็นภายนอก เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอก
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ
และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธาแล้วให้ทาน ฯลฯ มีมานะ ถือทิฏฐิ
อาศัยศีล ฯลฯ เสนาสนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ทําลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ
เป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ ผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (พึงทําให้ครบทั้ง ๓ วาระ
พึงเพิ่มคำว่า จิตและสัมปยุตตขันธ์ด้วย)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายในโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย
[๓๔๕] สภาวธรรมที่เป็นภายใน เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายใน
โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ กายโดยเป็นสภาวะ
ไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น
จิตจึงเกิดขึ้น
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายใน เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอกโดย
ปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ กายโดยเป็นสภาวะ
ไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดี ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ
ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๙๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ กายโดยเป็นสภาวะ
ไม่เที่ยง ฯลฯ เพราะปรารภจักษุเป็นต้นนั้น จิตและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์
ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์โดยปุเรชาตปัจจัย (๓)
[๓๔๖] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอก
โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งรูป ฯลฯ โผฏฐัพพะ ฯลฯ หทัย
วัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ
ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นภายนอกโดย
ปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดยปุเรชาตปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งรูป ฯลฯ โผฏฐัพพะ ฯลฯ
หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ เพราะปรารภการเห็นแจ้งรูปเป็นต้นนั้น
จิตจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งรูป ฯลฯ โผฏฐัพพะ ฯลฯ
หทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ เพราะปรารภรูปเป็นต้นนั้น จิตและ
สัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๑๙๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์โดย
ปุเรชาตปัจจัย (๓)
[๓๔๗] สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เป็นภายในโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิต ฯลฯ กายายตนะและ
หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยปุเรชาตปัจจัย รูปายตนะและจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่
จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะและกายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดย
ปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายนอกโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
ได้แก่ จักขายตนะและหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นภายนอกโดยปุเรชาตปัจจัย
ฯลฯ กายายตนะและหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นภายนอกโดยปุเรชาตปัจจัย
รูปายตนะและจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณโดย
ปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะและกายายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคต
ด้วยกายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายในและที่เป็นภายนอกโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะ
และวัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์
โดยปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ กายายตนะและหทัยวัตถุ ฯลฯ รูปายตนะและจักขายตนะ
เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์โดยปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ
ฯลฯ (๓)
ปัจฉาชาตปัจจัยและอาเสวนปัจจัย
[๓๔๘] สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดย
ปัจฉาชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายในเป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเป็นภายในโดยปัจฉาชาตปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๐๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเป็นภาย
นอกโดยปัจฉาชาตปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล)
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเป็น
ภายในและเป็นภายนอกโดยปัจฉาชาตปัจจัย (พึงเพิ่มเป็น ๙ วาระอย่างนี้)
เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย (พึงเพิ่มเป็น ๙ วาระ)
กัมมปัจจัยและวิปากปัจจัย
[๓๔๙] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอก
โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็น
วิบากซึ่งเป็นภายนอกและกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดยกัมมปัจจัย
มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่จิตโดยกัมมปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่จิตที่เป็นวิบากและ
กฏัตตารูปที่เป็นภายในโดยกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ จิต และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๐๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก จิต
และกฏัตตารูปที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกโดยกัมมปัจจัย (๓) เป็นปัจจัยโดย
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย
[๓๕๐] สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดย
อาหารปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ อาหารที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป
ที่เป็นภายในโดยอาหารปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายใน เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอกโดยอาหารปัจจัย
ได้แก่ อาหารที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดย
อาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ อาหารที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
กฏัตตารูปที่เป็นภายนอกโดยอาหารปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ในปฏิสนธิขณะ
อาหารที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปที่เป็นภายในและที่
เป็นภายนอกโดยอาหารปัจจัย (๓)
[๓๕๑] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอก
โดยอาหารปัจจัย ได้แก่ อาหารที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ กวฬิงการาหารที่เป็น
ภายนอกเป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นภายนอกโดยอาหารปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดยอาหารปัจจัย
ได้แก่ อาหารที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ
อาหารที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่จิตและกฏัตตารูปที่เป็นภายในโดยอาหารปัจจัย
กวฬิงการาหารที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นภายในโดยอาหารปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกโดยอาหารปัจจัย ได้แก่ อาหารที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
จิต และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ อาหารที่เป็นภายนอก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๐๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ จิต และกฏัตตารูปที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก
โดยอาหารปัจจัย กวฬิงการาหารที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นภายในและ
ที่เป็นภายนอกโดยอาหารปัจจัย (๓)
[๓๕๒] สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
เป็นภายในโดยอาหารปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ อาหารที่เป็นภายในและที่
เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เป็นภายในโดยอาหารปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายนอกโดยอาหารปัจจัย ได้แก่ อาหารที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็น
ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ
อาหารที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปที่
เป็นภายนอกโดยอาหารปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายในและที่เป็นภายนอกโดยอาหารปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ อาหารที่เป็น
ภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปที่เป็นภายใน
และที่เป็นภายนอกโดยอาหารปัจจัย (๓)
อินทรียปัจจัย
[๓๕๓] สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดย
อินทรียปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์ที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป
ที่เป็นภายในโดยอินทรียปัจจัย จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ
กายินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอกโดยอินทรียปัจจัย
ได้แก่ อินทรีย์ที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดย
อินทรียปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์ที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
กฏัตตารูปที่เป็นภายนอกโดยอินทรียปัจจัย จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคต
ด้วย จักขุวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคต
ด้วยกายวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๐๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก
โดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์ที่เป็นภายในเป็นปัจจัย
แก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกโดยอินทรียปัจจัย
จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ ฯลฯ กายินทรีย์เป็นปัจจัย
แก่กายวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์โดยอินทรียปัจจัย (๓)
[๓๕๔] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอก
โดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ อินทรีย์ที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยอินทรียปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์ที่เป็นภายนอกเป็น
ปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปที่เป็นภายนอกโดยอินทรียปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์
เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เป็นภายนอกโดยอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดยอินทรียปัจจัย
ได้แก่ อินทรีย์ที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอินทรียปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ
อินทรีย์ที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่จิตและกฏัตตารูปที่เป็นภายในโดยอินทรียปัจจัย
รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เป็นภายในโดยอินทรียปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกโดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ อินทรีย์ที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
จิต และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอินทรียปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์ที่เป็นภายนอก
เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ จิต และกฏัตตารูปที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก
โดยอินทรียปัจจัย รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกโดยอินทรียปัจจัย (๓)
[๓๕๕] สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เป็นภายในโดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์ที่เป็นภายในและที่
เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เป็นภายในโดยอินทรียปัจจัย จักขุนทรีย์และ
อุเปกขินทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์และ
สุขินทรีย์ ฯลฯ กายินทรีย์และทุกขินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยอินทรีย-
ปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๐๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายนอกโดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ อินทรีย์ที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัย
แก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอินทรียปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์ที่
เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปที่เป็น
ภายนอกโดยอินทรียปัจจัย จักขุนทรีย์และอุเปกขินทรีย์เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคต
ด้วยจักขุวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย ฯลฯ กายินทรีย์และสุขินทรีย์ ฯลฯ กายินทรีย์
และทุกขินทรีย์เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายในและที่เป็นภายนอกโดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์ที่เป็น
ภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปที่เป็นภายใน
และที่เป็นภายนอกโดยอินทรียปัจจัย จักขุนทรีย์และอุเปกขินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์โดยอินทรียปัจจัย กายินทรีย์ ฯลฯ (๓)
ฌานปัจจัยเป็นต้น
[๓๕๖] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอก
โดยฌานปัจจัย มี ๓ วาระ

เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ

วิปปยุตตปัจจัย
[๓๕๗] สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดย
วิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ จิตเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เป็นภายในโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยวิปปยุตตปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๐๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเป็น
ภายในโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอกโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ
ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเป็น
ภายนอกโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่
เป็นภายในและที่เป็นภายนอกโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์
ฯลฯ กายายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์โดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเป็น
ภายในและเป็นภายนอกโดยวิปปยุตตปัจจัย (๓)
[๓๕๘] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอก
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปโดย
วิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ ขันธ์เป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์โดยวิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นภายนอกโดยวิปปยุตตปัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๐๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเป็น
ภายนอกโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป
ที่เป็นภายในโดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเป็น
ภายในโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
(ย่อ) (๓)
[๓๕๙] สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เป็นภายในโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็น
ปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เป็นภายในโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ... ที่เกิดภายหลัง (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายนอกโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายใน
และที่เป็นภายนอกโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก ฯลฯ
(ย่อ) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๐๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อัตถิปัจจัยเป็นต้น
[๓๖๐] สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดย
อัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ จิตเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เป็นภายในโด
ยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ กายโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ
(ปัจจัยนี้เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
ปัจฉาชาตะ (พึงเพิ่มให้เหมือนกับปัจฉาชาตปัจจัย) (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอกโดยอัตถิปัจจัย
มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกันซึ่งเป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอัตถิปัจจัย (ย่อ) (๒)
(อัตถิปัจจัยในที่นี้ สหชาตะในที่ทุกแห่งพึงทําให้เหมือนกับปัจจยวาร ทํา
ปุเรชาตะให้เหมือนกับปุเรชาตปัจจัย ทําปัจฉาชาตะให้เหมือนกับปัจฉาชาตปัจจัย
ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก
โดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
(ย่อ) (๓)
[๓๖๑] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอก
โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ (พึงขยายให้พิสดารทั้งหมด) (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดยอัตถิปัจจัย
มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ (ย่อ) (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๐๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
[๓๖๒] สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่
เป็นภายในโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่
จักขุวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เป็น
ภายในโดยอัตถิปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ
กายายตนะและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอัตถิปัจจัย รูปายตนะและจักขายตนะ
เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะและกายายตนะเป็นปัจจัยแก่
กายวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่
เกิดก่อนซึ่งเป็นภายในโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายในที่เป็นภายนอกและกวฬิงการาหารเป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งเป็นภายในโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เป็นภายในที่เป็นภายนอกและรูปชีวิตินทรีย์เป็น
ปัจจัยแก่กฏัตตารูปที่เป็นภายในโดยอัตถิปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายนอกโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ จักขายตนะ และ
จักขุวิญญาณเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ (สหชาตะเหมือนกับ
ปัจจยวาร ไม่มีข้อแตกต่างกัน เหมือนกับข้อความตอนต้นนั่นเอง พึงจําแนกหมด
ทุกบทโดยนัยแห่งฆฏนาแรก) (๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๐๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายในและที่เป็นภายนอกโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ
ปัจฉาชาตะ อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ และจักขุวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย (ย่อ พึงจําแนกหมดทุกบท
โดยนัยแห่งฆฏนาแรก) (๓)
เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย
เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย
เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย

[๓๖๓] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๕ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๑๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร

วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

อนุโลม จบ
๒. ปัจจนียุทธาร
[๓๖๔] สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายใน
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย และ
ปัจฉาชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอกโดยอารัมมณ-
ปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอก
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย และ
ปัจฉาชาตปัจจัย (๓)
[๓๖๕] สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายนอกโดย
อารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย
กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๑๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๖. อัชฌัตติกทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในโดยอารัมมณ-
ปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย กัมมปัจจัย
อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็น
ภายนอกโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย กัมมปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๓)
[๓๖๖] สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เป็นภายในโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็น
ภายนอกโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เป็นภายในและที่เป็นภายนอกเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เป็นภายใน
และที่เป็นภายนอกโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๓)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร

[๓๖๗] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)

โนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ

๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ

[๓๖๘] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๓ วาระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๑๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๗. อุปาทาทุกะ ๑. ปฏิจจวาร

นอนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ

(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๓ วาระ)

นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ

๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม

[๓๖๙] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ

(พึงเพิ่มบทอนุโลมมาติกา) ฯลฯ

อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ

อัชฌัตติกทุกะ จบ
๖๗. อุปาทาทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๓๗๐] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอุปาทายรูป
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๑๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๗. อุปาทาทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ขันธ์ ๓ และกฏัตตารูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอุปาทายรูป
เกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ มหาภูตรูป ๒
อาศัยมหาภูตรูป ๒ เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็น
อุปาทายรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็น
อุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นอุปาทายรูปและที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัยสภาวธรรมที่ไม่
เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่
เป็นอุปาทายรูปและที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้น
ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอุปาทายรูปและที่ไม่
เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอุปาทายรูปและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
อารัมมณปัจจัย
[๓๗๑] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอุปาทายรูป
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นอุปาทายรูป
อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูป อาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้น
เพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้น ฯลฯ
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๑๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๗. อุปาทาทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูป อาศัยสภาวธรรมที่เป็นอุปาทายรูปและที่ไม่
เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๓
อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอุปาทายรูปและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒
ฯลฯ (๑)
อธิปติปัจจัย
[๓๗๒] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูป
เกิดขึ้นเพราะอธิปติปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูป
อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้น ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้น
เพราะอธิปติปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่เป็น
อุปาทายรูปเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เป็นอุปาทายรูปและที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัยสภาวธรรมที่ไม่
เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้นเพราะอธิปติปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ และจิตตสมุฏฐานรูปที่
เป็นอุปาทายรูปและที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้น
ฯลฯ อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)

เพราะอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
เพราะสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
เพราะสหชาตปัจจัย มี ๕ วาระ

อัญญมัญญปัจจัย
[๓๗๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัยสภาวธรรมที่เป็นอุปาทายรูป
เกิดขึ้นเพราะอัญญมัญญปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่ไม่เป็นอุปาทายรูป
อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูปอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เป็นอุปาทายรูปเกิดขึ้น
เพราะอัญญมัญญปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่เป็นอุปาทายรูป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๔๓ หน้า :๒๑๕ }

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น