รวมเทคนิคแต่งบล็อกและเว็บไซต์ที่ใช้ในเว็บนี้ เผื่อท่านที่สนใจจะนำไปใช้ประโยชน์บ้างนะครับ (ท่านสามารถคลิกที่สารบัญที่มุมขวาล่างของหน้าจอ ซึ่งจะมีหมวดอื่นๆ ให้เลือกอ่านด้วย)
เทคนิคการแต่งบล็อกและเว็บไซต์ที่รวบรวมไว้ในหน้านี้เป็นเทคนิคที่ได้จากการค้นหาในอินเตอร์เน็ตหลายๆ แหล่งข้อมูลนะครับ ซึ่งบางเทคนิคก็นำมาใช้โดยตรง บางเทคนิคก็นำมาปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกับเว็บนี้มากขึ้น เพื่อไม่เป็นการสูญเปล่าจึงได้รวบรวมมาแสดงเอาไว้เพื่อความสะดวกของผู้สนใจที่อาจนำไปใช้กับเว็บไซต์หรือบล็อกของท่านได้ครับ
เนื้อหาในหน้านี้ :
- วิธีทำให้ blogger แสดงวิดเจ็ต หรือ Gadget ในโทรศัพท์มือถือ
- วิธีทำลิ้งค์ไปจุดที่ต้องการภายในหน้าเว็บ หรือ anchor link
- วิธีทำหน้าลิ้นชัก หรือ slide overlay
- วิธีทำหน้า popup overlay
- วิธีทำปุ่มเพิ่ม/ลดขนาดตัวหนังสือ
- วิธีทำเมนูลอยตรึงไว้ด้านล่าง
วิธีทำให้ blogger แสดงวิดเจ็ต หรือ Gadget ในโทรศัพท์มือถือ
ปกติแล้วเวลาเราเพิ่ม Gadget ใน blogger Gadget นั้นจะแสดงเฉพาะในคอมพิวเตอร์เท่านั้นนะครับ ถ้าเราดูในโทรศัพท์มือถือก็จะไม่เห็น Gadget นั้น แต่ถ้าเราต้องการให้ Gadget นั้นแสดงในสมาร์ทโฟนด้วยโดยที่ผู้อ่านไม่ด้องใช้วิธีเรียกดูเว็บไซต์เวอร์ชั่นเดสก์ท็อปในสมาร์ทโฟนก็สามารถทำได้ดังนี้ครับ- เข้าไปที่เมนูแม่แบบของ blogger
- คลิกที่รูปเฟืองใต้ช่องมือถือ
- เลือกติ๊กที่ "ใช่ แสดงเทมเพลตมือถือบนโทรศัพท์มือถือ"
- ที่ใต้คำว่า "เลือกเทมเพลตมือถือ" เลือก "ที่กำหนดเอง"
- คลิกบันทึก
- จากนั้นคลิกที่ "แก้ไข HTML"
- ตรงหน้าแก้ไข template นี้ก็หา Gadget ที่เราต้องการให้แสดงทางโทรศัพท์มือถือนะครับ เพื่อความรวดเร็วสามารถคลิกที่ "ข้ามไปที่วิดเจ็ต" แล้วเลือก Gadget ที่เราต้องการได้เลย
- ดูบรรทัดที่หน้าตาประมาณนี้นะครับ
<b:widget id='HTML7' locked='false' title='slide share' type='HTML' version='1' visible='true'>
สังเกตที่ id จะแสดงประเภทของ Gadget ตามด้วยตัวเลขลำดับ และที่ title จะเป็นชื่อของ Gadget ที่เราตั้งเอาไว้ตอนสร้าง Gadget นะครับ - ที่บรรทัดนี้เราต้องเพิ่มคำสั่งให้แสดง Gadget บนโทรศัพท์มือถือเข้าไปนะครับ ซึ่งมีได้ 2 แบบคือ
- ให้แสดงทั้งในคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ใช้คำสั่ง
mobile='yes' - ให้แสดงเฉพาะในสมาร์ทโฟนเท่านั้นไม่แสดงในคอมพิวเตอร์ ใช้คำสั่ง
mobile='only' - เสร็จแล้วก็จะได้หน้าตาประมาณนี้นะครับ
<b:widget id='HTML7' locked='false' mobile='yes' title='slide share' type='HTML' version='1' visible='true'>
หรือ
<b:widget id='HTML7' locked='false' mobile='only' title='slide share' type='HTML' version='1' visible='true'> - จากนั้นก็คลิก "บันทึกเทมเพลต"
- คลิก "กลับ" ได้เลยครับ
วิธีทำลิ้งค์ไปจุดที่ต้องการภายในหน้าเว็บ หรือ anchor link
เพื่อความสะดวกสำหรับผู้อ่านในการกระโดดไปจุดที่ต้องการในหน้าเว็บ เราสามารถสร้างจุดอ้างอิงขึ้นมา แล้วทำลิ้งค์ให้กระโดดไปที่จุดนั้นได้ดังนี้ครับ- เข้าไปที่หน้าสำหรับแก้ไข HTML code ก่อนนะครับ ต้องเป็นหน้าที่แสดงเป็น HTML code ที่มีโค้ดต่างๆ แสดงอยู่ในเครื่องหมาย < > ด้วยนะครับ เช่น <p>
สำหรับ blogger ก็เข้าไปที่หน้าสร้างหรือแก้ไขโพสต์ แล้วคลิกที่ปุ่ม HTML นะครับ - สร้างจุดอ้างอิงในตำแหน่งที่ต้องการโดยใส่ข้อความนี้ลงไปนะครับ
<a href="http://anchor/null" id="name"></a>
โดยตรงคำว่า name นั้นก็ใส่ชื่อที่ต้องการลงไปนะครับ ข้อความที่ใส่ลงไปนี้จะไม่แสดงให้เห็นในหน้าเว็บนะครับ จะเป็นเพียงตำแหน่งอ้างอิงสำหรับลิ้งค์เท่านั้น - สร้างลิ้งค์สำหรับคลิกตามปกตินะครับ เพียงแต่ตรงที่อยู่เว็บให้ใส่ที่อยู่เว็บของหน้าที่สร้างจุดอ้างอิงไว้ในข้อ 2. (เป็นหน้าเดียวกันหรือคนละหน้ากับลิ้งค์ก็ได้) แล้วตามด้วยเครื่องหมาย # แล้วตามด้วยชื่อจุดอ้างอิงนั้นนะครับ
เช่นลิ้งค์มาที่หัวข้อนี้ ที่หน้า HTML code ก็จะเป็น
<a href="http://tripitaka-online. blogspot.com/ 2016/05/ webtech .html# ancl">วิธีทำลิ้งค์ไปจุดที่ต้องการภายในหน้าเว็บ หรือ anchor link</a>
ที่หน้าเว็บก็จะเป็น
วิธีทำลิ้งค์ไปจุดที่ต้องการภายในหน้าเว็บ หรือ anchor link - สำหรับการทำลิ้งค์เพื่อขึ้นไปด้านบนสุดของหน้านั้นไม่จำเป็นต้องสร้างจุดอ้างอิงตามข้อ 2. นะครับ สามารถสร้างลิ้งค์ได้เลยโดยในข้อ 3. ใส่ชื่อจุดอ้างอิงเป็น #top
เช่น กลับด้านบน
วิธีทำหน้าลิ้นชัก หรือ slide overlay
ในบางครั้งเราต้องการใส่ส่วนประกอบของหน้าเว็บแต่ไม่อยากให้รกหน้าเว็บหลัก ทางหนึ่งที่สามารถทำได้ก็คือการซ่อนเอาไว้แล้วเรียกออกมาใช้เมื่อต้องการเหมือนการเปิดลิ้นชักนะครับวิธีการทำนั้นประกอบด้วย 2 ส่วนนะครับ คือส่วนของสคริปต์และส่วนของตัวเรียกใช้งาน โดยส่วนของสคริปต์นั้นถ้าใช้กับ blogger ก็ใส่ไว้ใน Gadget ประเภท HTML/จาวาสคริปต์ นะครับ ส่วนตัวเรียกใช้นั้นก็ใส่ตามความเหมาะสมนะครับ
ตัวอย่างส่วนสคริปต์
ค่าต่างๆ ก็ปรับแก้ตามความเหมาะสมนะครับ
<style>
.slideoverlay {
height: 200px;
max-width: 95%;
width: 0;
position: fixed;
z-index: 20;
bottom: 0;
right: 0;
background-color: #eeddbb;
padding-left: 5px;
overflow-x: hidden;
transition: 0.5s;
padding-top: 60px;
}
.slideoverlay .closebtn1 {
position: absolute;
top: 0;
left: 25px;
font-size: 36px;
margin-left: 3px;
}
</style>
<script>
function openslideoverlay() {
document.getElementById("slideoverlay").style.width = "1900px";
}
function closeslideoverlay() {
document.getElementById("slideoverlay").style.width = "0";
}
</script>
<div id="slideoverlay" class="slideoverlay">
<a href="javascript:void(0)" class="closebtn1" onclick="closeslideoverlay()">×</a>
<div>ใส่เนื้อหาของหน้าลิ้นชักตรงนี้</div>
</div>
ตัวอย่างตัวเรียกใช้
ทำได้หลายรูปแบบนะครับ ที่สำคัญคือการเรียกใช้ฟังก์ชั่น openslideoverlay() เช่น<button onclick="openslideoverlay()" type="button">ตัวเรียกใช้</button>
หรือ
<a href="javascript:void(0)" onclick="openslideoverlay()">ตัวเรียกใช้</a>
วิธีทำหน้า popup overlay
เป็นทางเลือกอีกทางสำหรับการแสดงส่วนประกอบของหน้าเว็บแบบเรียกใช้ตามความต้องการนะครับ วิธีนี้จะต่างจากหน้าลิ้นชัก หรือ slide overlay ตรงที่หน้าลิ้นชักนั้นจะโหลดข้อมูลและแสดงผลอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ตอนที่เรียกหน้าเว็บหลักขึ้นมาเลยครับ เพียงแต่ซ่อนเอาไว้ในลิ้นชักเท่านั้นเอง การเรียกใช้จึงเรียกได้ทันทีไม่ต้องรอการโหลดข้อมูลในขณะเรียกใช้ ส่วน popup overlay นั้นจะเรียกข้อมูลเมื่อมีการเรียกใช้งาน ดังนั้นการเรียกแต่ละครั้งอาจต้องใช้เวลาโหลดข้อมูลบ้างวิธีการทำนั้นประกอบด้วย 2 ส่วนนะครับ คือส่วนของสคริปต์และส่วนของตัวเรียกใช้งาน โดยส่วนของสคริปต์นั้นถ้าใช้กับ blogger ก็ใส่ไว้ใน Gadget ประเภท HTML/จาวาสคริปต์ นะครับ ส่วนตัวเรียกใช้นั้นก็ใส่ตามความเหมาะสมนะครับ
ตัวอย่างส่วนสคริปต์
ค่าต่างๆ ก็ปรับแก้ตามความเหมาะสมนะครับ<!doctype html public "-//W3C//DTD XHTML 1.0 Transitional//EN" "http://www.w3.org/TR/xhtml1/DTD/xhtml1-transitional.dtd">
<style>
#popupoverlay {
z-index: 10;
background-color:#BB8D2F;
position:fixed; top:5%; left:10%; width:80%; height:90%; text-align:right; color:#ffffff;color:#0F0;
}
#popupoverlay a:link {
color: #ffffff;
}
#popupoverlay a:visited {
color: #ffffff;
}
.data {
text-align:left; color:#000000;
}
</style>
<script>
function popupoverlay(){
datvar=document.getElementById('popupoverlay');
if(datvar.style.display == "none"){
datvar.style.display = "";
datvar.innerHTML = "<a href='#!' onclick='return popupoverlay();'>X ปิด</a><br/><div class='data'>ใส่เนื้อหาของหน้า popup overlay ตรงนี้ โดยห้ามมีเครื่องหมายฟันหนู (เครื่องหมายคำพูดแบบ 2 ขีด) ในส่วนนี้นะครับ ให้ใช้เป็นแบบขีดเดียวแทน เช่น 'ตัวอย่าง'</div>";
}else{
datvar.style.display = "none";
datvar.innerHTML = '';
}
return false;
}
</script>
<div id="popupoverlay" style="display: none;"></div>
</!doctype>
ตัวอย่างตัวเรียกใช้
ทำได้หลายรูปแบบนะครับ ที่สำคัญคือการเรียกใช้ฟังก์ชั่น popupoverlay() เช่น<button onclick="popupoverlay()" type="button">ตัวเรียกใช้</button>
หรือ
<a href="javascript:void(0)" onclick="popupoverlay()">ตัวเรียกใช้</a>
วิธีทำปุ่มเพิ่ม/ลดขนาดตัวหนังสือ
วิธีการทำนั้นประกอบด้วย 2 ส่วนนะครับ คือส่วนของสคริปต์และส่วนของตัวเรียกใช้งาน โดยส่วนของสคริปต์นั้นถ้าใช้กับ blogger ก็ใส่ไว้ใน Gadget ประเภท HTML/จาวาสคริปต์ นะครับ ส่วนตัวเรียกใช้นั้นก็ใส่ตามความเหมาะสมนะครับตัวอย่างส่วนสคริปต์
<script>
function resizebodyText(multiplier) {
if (document.body.style.fontSize == "") {
document.body.style.fontSize = "1.0em";
}
document.body.style.fontSize = parseFloat(document.body.style.fontSize) + (multiplier * 0.2) + "em";
}
</script>
ตัวอย่างตัวเรียกใช้
<a href="javascript:void(0)" onclick="resizebodyText(-1)"><button type='button'>ลดขนาดอักษร</button></a><a href="javascript:void(0)" onclick="resizebodyText(1)"><button type='button'>เพิ่มขนาดอักษร</button></a>
วิธีทำเมนูลอยตรึงไว้ด้านล่าง
วิธีทำเมนูลอยตรึงไว้ที่ด้านล่างขวาของหน้าต่างอย่างที่ใช้ในเว็บนี้ ทำตาม code ด้านล่างนี้นะครับ ถ้าใช้กับ blogger ก็ใส่ไว้ใน Gadget ประเภท HTML/จาวาสคริปต์ นะครับตัวอย่าง code
ค่าต่างๆ ก็ปรับแก้ตามความเหมาะสมนะครับ link ในตัวอย่างใส่เป็น google กับ facebook เอาไว้ สามารถเพิ่ม/ลดจำนวนได้ตามต้องการนะครับ
<style>
.fmenu {
padding: 5px 10px 2px 5px;
border-radius: 7px 7px 0px 0px;
position: fixed;
z-index: 20;
bottom: 0;
right: 0;
background-color: #b45f06;
font-size: 20px;
font-weight:500;
color:blue;
text-align: center;
vertical-align: top;
overflow-x: hidden;
}
.fmenu a {
color: #ffffff;
}
.fmenubutton {
height:30px;
border-radius: 5px;
font-size:20px;
font-weight:500;
color:blue;
text-align: center;
vertical-align: top;
overflow-y: hidden;
}
</style>
<div id="fmenu" class="fmenu">
<a href="http://www.google.com"><button type='button' class='fmenubutton'>link 1 - google</button></a>
<a href="http://www.facebook.com"><button type='button' class='fmenubutton'>link 2 - facebook</button></a>
<a href="#top"><button type='button' class='fmenubutton'>กลับด้านบน</button></a>
</div>
สาธุ มีประโยชน์มาก ขอบพระคุณครับ
ตอบลบ