Google Analytics 4

ร่วมแชร์เป็นธรรมทานนะครับ

เล่มที่ ๓๒-๕ หน้า ๒๓๖ - ๒๙๔

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒-๕ สุตตันตปิฎกที่ ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑



พระสุตตันตปิฎก
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๙. ติมิรปุปผิยวรรค] ๑๐. ปทุมปุปผิยเถราปทาน
จักทรงช่วยพวกเราให้หลุดพ้น
ทรงสงบเย็นแล้ว จักทรงช่วยพวกเราให้สงบเย็น
[๔๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้รดน้ำต้นโพธิ์ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการรดน้ำต้นโพธิ์
[๔๙] เมื่อกัปที่ ๓๓ กำลังเป็นไปอยู่
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ ชาติ
พระนามว่าอุทกเสจนะ ทรงเป็นใหญ่ในหมู่ชน
[๕๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโพธิสิญจกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โพธิสิญจกเถราปทานที่ ๙ จบ
๑๐. ปทุมปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปทุมปุปผิยเถระ
(พระปทุมปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๑] ข้าพเจ้าเข้าไปยังสระบัว หักดอกบัวอยู่
ได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ
ผู้มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ
[๕๒] ข้าพเจ้าจับดอกปทุมโยนขึ้นไปในอากาศ (เพื่อบูชา)
ข้าพเจ้าระลึกถึงกรรมชั่วแล้ว จึงบวชเป็นบรรพชิต
[๕๓] ข้าพเจ้าครั้นบวชแล้ว มีกายและใจอันสำรวมดี
ละวจีทุจริต ชำระอาชีวะให้หมดจด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๖ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๙. ติมิรปุปผิยวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๕๔] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๕๕] ในกัปที่ ๑๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๘ ชาติ
พระนามว่าปทุมาภาส
และได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ๔๘ ชาติ
[๕๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปทุมปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปทุมปุปผิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
ติมิรปุปผิยวรรคที่ ๙ จบบริบูรณ์
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. ติมิรปุปผิยเถราปทาน ๒. คตสัญญกเถราปทาน
๓. นิปันนัญชลิกเถราปทาน ๔. อโธปุปผิยเถราปทาน
๕. รังสิสัญญกเถราปทาน ๖. ทุติยรังสิสัญญกเถราปทาน
๗. ผลทายกเถราปทาน ๘. สัททสัญญกเถราปทาน
๙. โพธิสิญจกเถราปทาน ๑๐. ปทุมปุปผิยเถราปทาน

และท่านประกาศคาถาไว้ ๕๖ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๗ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๑. สุธาปิณฑิยเถราปทาน
๑๐. สุธาวรรค
หมวดว่าด้วยพระสุธาปิณฑิยะเป็นต้น
๑. สุธาปิณฑิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุธาปิณฑิยเถระ
(พระสุธาปิณฑิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] สำหรับบุคคลผู้บูชาพระพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือสาวกของพระพุทธเจ้า ผู้ควรบูชา
ผู้ล่วงพ้นกิเลสเป็นเหตุเนิ่นช้า๑
ข้ามความเศร้าโศกและความร่ำไรได้แล้ว
[๒] (และ)สำหรับบุคคลผู้บูชาผู้ควรบูชาเหล่านั้น ผู้เช่นนั้น
ผู้ไม่มีภัยแต่ที่ไหน ๆ ซึ่งนิพพานแล้ว
ใคร ๆ ไม่อาจนับบุญได้ว่า บุญนี้มีประมาณเท่านี้
[๓] การที่บุคคลในโลกนี้ พึงครองความเป็นใหญ่แห่งทวีปทั้ง ๔๒
นั้นก็ยังไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งการบูชานี้เลย
[๔] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใส
ได้ใส่ก้อนปูนขาวไว้ในระหว่างแผ่นอิฐที่พระเจดีย์
แห่งพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ ผู้เป็นนระผู้เลิศ
[๕] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการปฏิสังขรณ์

เชิงอรรถ :
๑ กิเลสเป็นเหตุเนิ่นช้าหมายถึง ตัณหา มานะ ทิฏฐิ (ที.ม.อ. ๒/๓๓๖)
๒ ทวีปทั้ง ๔ หมายถึง ชมพูทวีป อปรโคยานทวีป อุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีป (ขุ.อป.อ. ๒/๓/๑๓๘)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๘ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๒. สุปีฐิยเถราปทาน
[๖] ในกัปที่ ๓๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๓ ชาติ
พระนามว่าปฏิสังขาระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ
[๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุธาปิณฑิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุธาปิณฑิยเถราปทานที่ ๑ จบ
๒. สุปีฐิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุปีฐิยเถระ
(พระสุปีฐิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๘] ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริง เบิกบานได้ถวายตั่งที่สะอาดหมดจด
แด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ ผู้โลกนาถ
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งดวงอาทิตย์
[๙] ในกัปที่ ๓๘ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระราชาพระนามว่ามหารุจิ
มีโภคะไพบูลย์ และที่นอนมีค่ามิใช่น้อย
[๑๐] ข้าพเจ้ามีใจผ่องใส ได้ถวายตั่งแด่พระพุทธเจ้าแล้ว
เสวยผลกรรมของตน ที่ตนได้ทำไว้ดีแล้ว ในครั้งก่อน
[๑๑] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายตั่งไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายตั่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๓๙ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๓. อัฑฒเจลกเถราปทาน
[๑๒] ในกัปที่ ๓๘ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ชาติ
ชาติที่ ๑ พระนามว่ารุจิ ชาติที่ ๒ พระนามว่าอุปรุจิ
และชาติที่ ๓ พระนามว่ามหารุจิ
[๑๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุปีฐิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุปีฐิยเถราปทานที่ ๒ จบ
๓. อัฑฒเจลกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอัฑฒเจลกเถระ
(พระอัฑฒเจลกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๔] ข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจ ถึงอาการน่าสงสารอย่างยิ่ง
ได้ถวายผ้าครึ่งผืนแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าติสสะ
[๑๕] ข้าพเจ้าครั้นถวายผ้าครึ่งผืนแล้ว
บันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอด ๑ กัป
และในกัปทั้งหลายที่เหลือ ข้าพเจ้าได้ทำกุศลไว้แล้ว
[๑๖] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผ้าไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผ้า
[๑๗] ในกัปที่ ๕๑ (นัปจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิ
พระนามว่าสมันตาโอทนะ เป็นใหญ่ในหมู่ชน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๐ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๔. สูจิทายกเถราปทาน
[๑๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอัฑฒเจลกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อัฑฒเจลกเถราปทานที่ ๓ จบ
๔. สูจิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสูจิทายกเถระ
(พระสูจิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๙] เมื่อก่อนข้าพเจ้าได้เป็นช่างทองอยู่ในกรุงพันธุมา
ซึ่งเป็นกรุงที่ล้ำเลิศ ข้าพเจ้าได้ถวายเข็ม
แด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[๒๐] ญาณของข้าพเจ้าเสมอด้วยเพชรล้ำค่า เป็นเช่นนั้นเพราะกรรม
ข้าพเจ้าเป็นผู้ปราศจากราคะ
หลุดพ้นอย่างวิเศษ บรรลุความสิ้นอาสวะ
[๒๑] ข้าพเจ้าค้นคว้าภพทั้งที่เป็นอดีต ปัจจุบัน
และอนาคตทั้งปวงได้ด้วยญาณ
นี้เป็นผลแห่งการถวายเข็ม
[๒๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ พระนามว่าวชิระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๒๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสูจิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สูจิทายกเถราปทานที่ ๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๑ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๕. คันธมาลิยเถราปทาน
๕. คันธมาลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระคันธมาลิยเถระ
(พระคันธมาลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๔] ข้าพเจ้าได้ทำสถูปไม้หอมปกคลุมด้วยดอกมะลิ
ทำให้สมควรแด่พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
[๒๕] พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
เช่นกับทองคำที่ล้ำค่า ทรงรุ่งเรืองดุจต้นราชพฤกษ์
ดุจแท่นบูชาไฟอันสว่างเจิดจ้า
[๒๖] ผู้ประเสริฐดุจพญาเสือโคร่งตัวองอาจ
ดุจพญาไกรสรผู้มีชาติสูง
ผู้เลิศกว่าสมณะทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งมีหมู่ภิกษุห้อมล้อม
[๒๗] ข้าพเจ้ากราบพระยุคลบาทของพระศาสดาแล้ว
บ่ายหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายของหอมและดอกไม้ไว้
[๒๘] ด้วยผลแห่งสักการะที่ทำไว้ในพระพุทธเจ้าโดยพิเศษ
ข้าพเจ้าจึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๙] ในกัปที่ ๓๙ (นัปจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีนามเหมือนกันว่าเทพคันธะ
[๓๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระคันธมาลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
คันธมาลิยเถราปทานที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๒ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๖. ติปุปผิยเถราปทาน
๖. ติปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติปุปผิยเถระ
(พระติปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๑] เมื่อก่อน ข้าพเจ้าเป็นพรานเนื้ออาศัยอยู่ในป่าใหญ่ดงทึบ
เห็นต้นแคฝอยมีใบเขียวสด จึงโปรยดอกไม้ ๓ ดอกบูชา
(ซึ่งเป็นต้นไม้เป็นที่ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี)
[๓๒] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเก็บใบแคฝอยแห้งไปทิ้งในภายนอกแล้ว
อภิวาทต้นแคฝอย เหมือนอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้หมดจดทั้งภายในและภายนอก ผู้หลุดพ้นแล้วไม่มีอาสวะ
[๓๓] ทรงเป็นผู้นำของโลกพระนามว่าวิปัสสี
เฉพาะพระพักตร์แล้ว ก็สิ้นชีวิต ณ ที่นั้น
[๓๔] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้บูชาต้นโพธิ์ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาต้นโพธิ์
[๓๕] ในกัปที่ ๓๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๓ ชาติ
พระนามว่าสมันตปาสาทิกะ มีพลานุภาพมาก
[๓๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติปุปผิยเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๓ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๗. มธุปิณฑิกเถราปทาน
๗. มธุปิณฑิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมธุปิณฑิกเถระ
(พระมธุปิณฑิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๗] ในป่าใหญ่ดงทึบที่เงียบสงัดไม่มีเสียงอื้ออึง
ข้าพเจ้าเห็นพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้ประเสริฐกว่าฤๅษีทั้งหลาย ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
[๓๘] ผู้ดับกิเลสแล้ว ทรงเป็นมหานาค องอาจดุจม้าอาชาไนย
รุ่งโรจน์ดังดาวประกายพรึก ซึ่งหมู่เทวดาและมนุษย์นมัสการแล้ว
[๓๙] ข้าพเจ้ามีความปลื้มใจเป็นอันมาก
ญาณได้เกิดขึ้นในขณะนั้น ข้าพเจ้าได้ถวายน้ำผึ้ง
แด่พระศาสดาผู้เสด็จออกจากสมาธิแล้ว
[๔๐] มีจิตผ่องใสจึงหมอบกราบพระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาค
พระนามว่าสิทธัตถะแล้ว บ่ายหน้าหลีกไปทางทิศตะวันออก
ในกัปที่ ๓๔ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้เป็นพระราชามีนามว่าสุทัสสนะ
[๔๑] ครั้งนั้น น้ำผึ้งไหลออกจากเหง้าบัวลงในโภชนาหารของข้าพเจ้า
ฝนน้ำผึ้งตกลงแล้ว
นี้เป็นผลแห่งบุพกรรม
[๔๒] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายน้ำผึ้งไว้ครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายน้ำผึ้ง
[๔๓] ในกัปที่ ๓๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ
มีนามเหมือนกันว่าสุทัสสนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๔ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๘. เสนาสนทายกเถราปทาน
[๔๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมธุปิณฑิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มธุปิณฑิกเถราปทานที่ ๗ จบ
๘. เสนาสนทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเสนาสนทายกเถระ
(พระเสนาสนทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๕] ข้าพเจ้าได้ถวายเครื่องลาดใบไม้
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
และได้โปรยดอกโกสุมกระทำให้เป็นอุปการะ(ฝา)โดยรอบ
[๔๖] ข้าพเจ้าได้ใช้สอยห้องที่น่ารื่นรมย์มีค่ามากในปราสาท
ดอกไม้มีค่ามากได้ตกลงบนที่นอนของข้าพเจ้า
[๔๗] ข้าพเจ้านอนบนที่นอนอันวิจิตรซึ่งลาดด้วยดอกไม้
และฝนดอกไม้ตกลงบนที่นอนของข้าพเจ้าในขณะนั้น
[๔๘] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายเครื่องลาดใบไม้ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายเครื่องลาด
[๔๙] ในกัปที่ ๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ พระองค์
พระนามว่าฐิตาสันถารกะ
ทรงเป็นใหญ่ในหมู่ชน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๕ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๙. เวยยาวัจจกเถราปทาน
[๕๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเสนาสนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
เสนาสนทายกเถราปทานที่ ๘ จบ
๙. เวยยาวัจจกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเวยยาวัจจกเถระ
(พระเวยยาวัจจกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๑] ได้มีการประชุมใหญ่แห่งพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ข้าพเจ้าได้เป็นไวยาวัจกร ขวนขวายในกิจทุกอย่าง
[๕๒] ข้าพเจ้าไม่มีไทยธรรมที่จะถวาย
แด่พระสุคตผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
มีจิตผ่องใส ได้อภิวาทพระยุคลบาทของพระศาสดา
[๕๓] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำความขวนขวายไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความขวนขวาย
[๕๔] ในกัปที่ ๘ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสุจินติยะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเวยยาวัจจกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เวยยาวัจจกเถราปทานที่ ๙ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๖ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] ๑๐. พุทธุปัฏฐากเถราปทาน
๑๐. พุทธุปัฏฐากเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระพุทธุปัฏฐากเถระ
(พระพุทธุปัฏฐากเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๖] ข้าพเจ้าได้เป่าสังข์บูชาพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
เป็นผู้ขวนขวายบำรุงพระสุคต
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นนิตย์
[๕๗] ท่านจงดูผลการบำรุงพระผู้มีพระภาค
ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก ผู้คงที่
เครื่องดนตรี ๖๐,๐๐๐ ชิ้นแวดล้อมข้าพเจ้าทุกเมื่อ
[๕๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้บำรุงพระผู้มีพระภาค
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบำรุง
[๕๙] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่ามหานิโฆษ มีพลานุภาพมาก
[๖๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระพุทธุปัฏฐากเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
พุทธุปัฏฐากเถราปทานที่ ๑๐ จบ
สุธาวรรคที่ ๑๐ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๗ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๐. สุธาวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค รวมวรรคได้ ๑๐ วรรค
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. สุธาปิณฑิยเถราปทาน ๒. สุปีฐิยเถราปทาน
๓. อัฑฒเจลกเถราปทาน ๔. สูจิทายกเถราปทาน
๕. คันธมาลิยเถราปทาน ๖. ติปุปผิยเถราปทาน
๗. มธุปิณฑิกเถราปทาน ๘. เสนาสนทายกเถราปทาน
๙. เวยยาวัจจกเถราปทาน ๑๐. พุทธุปัฏฐากเถราปทาน

ในวรรคนี้ท่านประกาศคาถาไว้ ๖๐ คาถาบริบูรณ์
อนึ่ง รวมวรรคได้ ๑๐ วรรค คือ

๑. พุทธวรรค ๒. สีหาสนิยวรรค
๓. สุภูติวรรค ๔. กุณฑธานวรรค
๕. อุปาลิวรรค ๖. วีชนีวรรค
๗. สกจิตตนิยวรรค ๘. นาคสมาลวรรค
๙. ติมิรปุปผิยวรรค ๑๐. สุธาวรรค

รวมคาถาได้ ๑,๔๕๕ คาถา
หมวด ๑๐ แห่งวรรคมีพุทธวรรคเป็นต้น จบ
๑๐๐ เรื่อง หมวดที่ ๑ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๘ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๑. ภิกขทายกเถราปทาน
๑๑. ภิกขทายิวรรค
หมวดว่าด้วยพระภิกขทายิเป็นต้น
๑. ภิกขทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระภิกขทายกเถระ
(พระภิกขทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา เสด็จออกจากป่าใหญ่
คือตัณหาเครื่องร้อยรัดมาสู่ความดับ(นิพพาน)
[๒] ข้าพเจ้าได้เห็นแล้วจึงได้มอบถวายภิกษาทัพพีหนึ่ง
แด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
สงบระงับด้วยปัญญา มีความเพียรมาก เป็นผู้คงที่
[๓] ข้าพเจ้าเกิดความปลื้มใจเป็นอย่างมากในพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์
ทรงช่วยมหาชนผู้ตามเสด็จพระยุคลบาทให้สงบเย็น
[๔] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายภิกษา
[๕] ในกัปที่ ๘๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ
มีพระนามว่ามหาเรณุ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๔๙ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๒. ญาณสัญญิกเถราปทาน
[๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระภิกขทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ภิกขทายกเถราปทานที่ ๑ จบ
๒. ญาณสัญญิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระญาณสัญญิกเถระ
(พระญาณสัญญิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ดุจม้าอาชาไนยตัวองอาจ ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ดุจช้างมาตังคะตกมัน ๓ แห่ง
[๘] ทรงทำทิศทั้งปวงให้สว่างไสว ดุจดวงจันทร์ในวันเพ็ญ
เป็นผู้เจริญที่สุดในโลก กำลังเสด็จดำเนินอยู่บนถนน
[๙] ข้าพเจ้าได้เห็นแล้วจึงทำจิตให้เลื่อมใสในพระญาณแล้ว
ประคองอัญชลี มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
[๑๐] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในพระญาณ
[๑๑] ในกัปที่ ๗๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ พระนามว่านรุตตมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๐ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๓. อุปปลหัตถิยเถราปทาน
[๑๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระญาณสัญญิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ญาณสัญญิกเถราปทานที่ ๒ จบ
๓. อุปปลหัตถิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุปปลหัตถิยเถระ
(พระอุปปลหัตถิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๓] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นช่างดอกไม้อาศัยอยู่ในติวรานคร
ได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส ที่ชาวโลกบูชาแล้ว
[๑๔] จึงมีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ถวายดอกไม้(ดอกอุบล)กำหนึ่ง
เพราะอำนาจแห่งกรรมนั้น ข้าพเจ้าอุบัติในภพใด ๆ
[๑๕] ในภพนั้น ๆ ข้าพเจ้าเสวยผลที่น่าปรารถนา
ที่ตนทำไว้ดีแล้วในปางก่อน แวดล้อมด้วยดอกไม้อย่างดี
นี้เป็นผลแห่งการถวายดอกไม้
[๑๖] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๗] เว้นกัปปัจจุบัน นับถอยหลังไป ๙๔ กัป ในครั้งนั้น
ได้เป็นพระราชา ๕๐๐ ชาติ มีพระนามว่านัชชุปมะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๑ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๔. ปทปูชกเถราปทาน
[๑๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุปปลหัตถิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุปปลหัตถิยเถราปทานที่ ๓ จบ
๔. ปทปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปทปูชกเถระ
(พระปทปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๙] ข้าพเจ้าได้ถวายดอกมะลิแด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
และข้าพเจ้ามีจิตร่าเริง จึงโปรยดอกมะลิ ๗ ดอก
ลงที่พระยุคลบาท ด้วยความยินดี
[๒๐] ด้วยผลกรรมนั้น ในวันนี้
ข้าพเจ้าจึงใหญ่เหนือนรชนและเทวดา
ทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้ายอยู่
ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๒๑] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้
[๒๒] ในกัปที่ ๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๓ ชาติ
มีพระนามว่าสมันตคันธะ
ครองแผ่นดิน มีทวีปทั้ง ๔ เป็นขอบเขต เป็นใหญ่ในหมู่ชน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๒ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๕. มุฏฐิปุปผิยเถราปทาน
[๒๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปทปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปทปูชกเถราปทานที่ ๔ จบ
๕. มุฏฐิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมุฏฐิปุปผิยเถระ
(พระมุฏฐิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๔] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นช่างดอกไม้ มีชื่อว่าสุทัสสนะ
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
[๒๕] ข้าพเจ้ามีใจยินดี ถือดอกมะลิไปบูชา
พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้มีพระจักษุบริสุทธิ์ ทรงบรรลุทิพยจักษุ
[๒๖] ด้วยการบูชาพระพุทธเจ้านี้ และด้วยการตั้งจิตไว้มั่น
ข้าพเจ้าจึงไม่ไปเกิดยังทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๒๗] ในกัปที่ ๓๖ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่าเทพอุตตระ มีพลานุภาพมาก
[๒๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมุฏฐิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มุฏฐิปุปผิยเถราปทานที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๓ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๖. อุทกปูชกเถราปทาน
๖. อุทกปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุทกปูชกเถระ
(พระอุทกปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๙] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
รุ่งเรืองดังเปลวไฟ
ดังถ่านบูชาไฟอันสว่างเจิดจ้า
กำลังเสด็จเหาะไปในอากาศ
[๓๐] ข้าพเจ้าได้เห็นแล้วจึงใช้ฝ่ามือกอบน้ำ แล้วซัดขึ้นไปในอากาศ
พระพุทธเจ้าผู้ทรงมีความเพียรมาก
มีพระกรุณาในข้าพเจ้า ทรงรับไว้แล้ว
[๓๑] พระศาสดาพระนามว่าปทุมุตตระ ประทับยืนอยู่ในอากาศ
ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้าแล้ว
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๓๒] ด้วยผลแห่งการถวายน้ำ และด้วยการเกิดปีตินี้
ใน ๑๐๐,๐๐๐ กัป เขาจะไม่ไปเกิดยังทุคติเลย
[๓๓] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ด้วยผลกรรมนั้น ข้าพระองค์ละความชนะและความแพ้ได้แล้ว๑
บรรลุฐานะที่ไม่หวั่นไหว๒
[๓๔] ในกัปที่ ๑๖๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ชาติ มีพระนามว่าสหัสสราช
ครอบครองแผ่นดิน มีทวีปทั้ง ๔ เป็นขอบเขต เป็นใหญ่ในหมู่ชน

เชิงอรรถ :
๑ ดูเชิงอรรถข้อ ๙ หน้า ๒๐๓ ในเล่มนี้
๒ ดูเชิงอรรถข้อ ๙ หน้า ๒๐๓ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๔ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๗. นฬมาลิยเถราปทาน
[๓๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุทกปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุทกปูชกเถราปทานที่ ๖ จบ
๗. นฬมาลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระนฬมาลิยเถระ
(พระนฬมาลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๖] เมื่อพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้เจริญที่สุดในโลก
ผู้คงที่ ผู้สงบระงับ ประทับนั่งบนเครื่องลาดหญ้า
[๓๗] ข้าพเจ้านำดอกอ้อมาผูกเป็นพัดแล้ว
เข้าไปถวายงานพัดพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๓๘] พระสัพพัญญูพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ทรงรับพัดแล้ว ทรงทราบความคิดของข้าพเจ้า
ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า
[๓๙] กายของเราสงบเย็น ความเร่าร้อนก็ไม่มี ฉันใด
จิตของท่านจงหลุดพ้นจากไฟทั้ง ๓ กอง ฉันนั้น
[๔๐] เทวดาบางเหล่าที่อาศัยต้นไม้อยู่
ก็มาประชุมกันทั้งหมด ด้วยหวังว่า
พวกเราจักได้ฟังพระพุทธพจน์ที่จะทำผู้ถวายงานพัดให้ร่าเริง
[๔๑] พระผู้มีพระภาค ประทับนั่งอยู่ ณ ที่นั้น
มีหมู่เทวดาห้อมล้อม เมื่อจะให้ผู้ถวายงานพัดร่าเริง
จึงได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๕ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๘. อาสนุปัฏฐายกเถราปทาน
[๔๒] ด้วยการถวายงานพัดนี้และด้วยการตั้งจิตไว้มั่น
ผู้นี้จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าสุพพตะ ตามพระโคตร
[๔๓] ด้วยผลกรรมที่เหลือนั้น ผู้นี้ถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว
จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่ามาลุตะ ตามพระโคตร
[๔๔] ด้วยการถวายงานพัดนี้และด้วยความยกย่องนับถืออย่างไพบูลย์
ใน ๑๐๐,๐๐๐ กัป ผู้นี้จะไม่ไปเกิดยังทุคติเลย
[๔๕] ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๘ ชาติ พระนามว่าสุพพตะ
ในกัปที่ ๑,๐๒๙ (นับจากกัปนี้ไป)
จักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๘ พระองค์ พระนามว่ามาลุตะ
[๔๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระนฬมาลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
นฬมาลิยเถราปทานที่ ๗ จบ
ภาณวารที่ ๗ จบ
๘. อาสนุปัฏฐายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอาสนุปัฏฐายกเถระ
(พระอาสนุปัฏฐายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๗] ข้าพเจ้าเข้าป่าดงทึบที่เงียบสงัดไม่มีเสียงอื้ออึง
ได้ถวายพระแท่นสีหาสน์
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี ผู้คงที่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๖ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๙. พิฬาลิทายกเถราปทาน
[๔๘] ข้าพเจ้าถือดอกไม้กำหนึ่ง แล้วทำประทักษิณพระองค์
เข้าไปเฝ้าพระศาสดาแล้ว บ่ายหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
[๔๙] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ด้วยผลกรรมนั้น ข้าพระองค์ทำตนให้ดับสนิทได้
ภพทั้งปวงข้าพระองค์ก็ถอนได้แล้ว
[๕๐] ในกัป ๑๑๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพระองค์ได้ถวายทานไว้ครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายพระแท่นสีหาสน์
[๕๑] ในกัปที่ ๑๐๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าสันนิพพาปกะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอาสนุปัฏฐายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
อาสนุปัฏฐายกเถราปทานที่ ๘ จบ
๙. พิฬาลิทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระพิฬาลิทายกเถระ
(พระพิฬาลิทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๓] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าอยู่ ณ ที่อยู่ซึ่งมุงบังด้วยใบไม้
ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
ข้าพเจ้าหิวอาหารแต่ก็นอนเสีย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๗ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๙. พิฬาลิทายกเถราปทาน
[๕๔] ข้าพเจ้าขุดหัวมัน มันอ้อน มันมือเสือ หอม กระเทียม
เก็บผลกระเบา ผลรกฟ้า มะตูม นำมาตระเตรียมไว้
[๕๕] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้า
จึงเสด็จมายังสำนักของข้าพเจ้า
[๕๖] ข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ผู้มหานาค ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ
ทรงองอาจกว่านรชน เสด็จมาใกล้แล้ว
จึงหยิบมันมือเสือมาใส่ลงในบาตร
[๕๗] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคผู้สัพพัญญู ทรงมีความเพียรมาก
เมื่อจะทรงให้ข้าพเจ้ายินดี จึงเสวยมันมือเสือนั้น
ครั้นเสวยเสร็จแล้ว ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า
[๕๘] ท่านทำจิตของตนให้เลื่อมใสแล้ว ได้ถวายมันมือเสือแก่เรา
ท่านจะไม่ไปเกิดยังทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๕๙] จิตดวงสุดท้ายของข้าพเจ้ากำลังเป็นไป
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้ายอยู่
ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๖๐] ในกัปที่ ๕๔ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสุเมขลิมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระพิฬาลิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
พิฬาลิทายกเถราปทานที่ ๙ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๘ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] ๑๐. เรณุปูชกเถราปทาน
๑๐. เรณุปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเรณุปูชกเถระ
(พระเรณุปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖๒] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
มีพระรัศมีรุ่งเรือง ดุจดวงอาทิตย์ทำทิศทั้งปวงให้สว่างไสว
ดุจดวงจันทร์วันเพ็ญ
[๖๓] มีสาวกทั้งหลายห้อมล้อม ดุจแผ่นดินมีสาครห้อมล้อม
ข้าพเจ้าได้เห็นแล้ว จึงถือดอกกากะทิง
พร้อมทั้งเกสรไปบูชาพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
[๖๔] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกกากะทิงพร้อมเกสรบูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๖๕] ในกัปที่ ๔๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าเรณุ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเรณุปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เรณุปูชกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
ภิกขทายิวรรคที่ ๑๑ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๕๙ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๑. ภิกขทายิวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. ภิกขทายกเถราปทาน ๒. ญาณสัญญิกเถราปทาน
๓. อุปปลหัตถิยเถราปทาน ๔. ปทปูชกเถราปทาน
๕. มุฏฐิปุปผิยเถราปทาน ๖. อุทกปูชกเถราปทาน
๗. นฬมาลิยเถราปทาน ๘. อาสนุปัฏฐายกเถราปทาน
๙. พิฬาลิทายกเถราปทาน ๑๐. เรณุปูชกเถราปทาน

มีคาถา ๖๖ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๐ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๑. มหาปริวารเถราปทาน
๑๒. มหาปริวารวรรค
หมวดว่าด้วยพระมหาปริวาระเป็นต้น
๑. มหาปริวารเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมหาปริวารเถระ
(พระมหาปริวารเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
กับภิกษุสงฆ์ ๖๘,๐๐๐ รูป เสด็จเข้าไปยังพันธุมวิหาร
[๒] ข้าพเจ้าออกจากนครแล้วได้ไปที่ทีปเจดีย์
ได้เห็นพระพุทธเจ้า ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
[๓] พวกยักษ์ในสำนักของข้าพเจ้า มีประมาณ ๘๔,๐๐๐ ตน
บำรุงข้าพเจ้าโดยเคารพ ดังหมู่เทวดาชั้นดาวดึงส์
บำรุงพระอินทร์โดยเคารพฉะนั้น
[๔] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าถือผ้าทิพย์ออกจากที่อยู่ไป
ถวายอภิวาทด้วยเศียรเกล้า
และได้ถวายผ้าทิพย์นั้นแด่พระพุทธเจ้า
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
[๕] ช่างน่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ช่างน่าอัศจรรย์ พระธรรมทั้งหลาย
ช่างน่าอัศจรรย์ การที่ข้าพเจ้าได้มาประจวบพระศาสดา
ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า แผ่นดินนี้จึงไหว
[๖] ข้าพเจ้าได้เห็นความอัศจรรย์ซึ่งไม่เคยมี
น่าขนพองสยองเกล้านั้นแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๑ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๒. สุมังคลเถราปทาน
จึงทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
[๗] ข้าพเจ้านั้นครั้นทำจิตให้เลื่อมใสแล้ว
ได้ถวายผ้าทิพย์แด่พระศาสดา
จึงพร้อมทั้งอำมาตย์และบริวารชน
ถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะ อย่างมั่นคง
[๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๙] ในกัปที่ ๑๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ พระนามว่าวาหนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมหาปริวารเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้
มหาปริวารเถราปทานที่ ๑ จบ
๒. สุมังคลเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุมังคลเถระ
(พระสุมังคลเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๑] พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงชนะอย่างประเสริฐ
พระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
เสด็จออกจากพระวิหารแล้วเสด็จเข้าไปยังสระน้ำ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๒ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๒. สุมังคลเถราปทาน
[๑๒] พระผู้มีพระภาคสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงสรงสนานและดื่มแล้ว เสด็จขึ้นทรงผ้าผืนเดียว
ประทับยืนเหลียวดูทิศน้อยใหญ่อยู่ ณ ที่นั้น
[๑๓] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเข้าไปในที่อยู่
ได้เห็นพระผู้มีพระภาค ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
มีจิตร่าเริงเบิกบาน ได้ปรบมือ
[๑๔] ข้าพเจ้าประกอบการฟ้อนรำ
การขับร้องและการประโคมดนตรีมีองค์ ๕
ถวายพระองค์ ผู้รุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์
ส่องแสงเรืองรองดังทองคำ
[๑๕] ข้าพเจ้าเกิดในกำเนิดใด ๆ
คือจะเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
ในกำเนิดนั้น ๆ ข้าพเจ้าเป็นใหญ่เหนือสัตว์ทั้งปวง
ยศของข้าพเจ้าก็ไพบูลย์
[๑๖] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นบุรุษอาชาไนย ข้าพระองค์
ขอนอบน้อมพระองค์ ข้าแต่พระองค์ผู้สูงสุดแห่งบุรุษ
ข้าพระองค์ขอนอบน้อมพระองค์ พระองค์ผู้เป็นพระมุนี
ทรงทำพระองค์ให้ยินดีแล้ว จึงทรงทำผู้อื่นให้ยินดีตาม
[๑๗] ข้าพเจ้าผู้มีวัตรดีงามกำหนดแล้ว นั่งลง ทำความร่าเริง
เข้าไปบำรุงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จึงได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดุสิต
[๑๘] ในกัปที่ ๑๑๖ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๘ ชาติ พระนามว่าเอกจินติตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๓ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๓. สรณคมนิยเถราปทาน
[๑๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุมังคลเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุมังคลเถราปทานที่ ๒ จบ
๓. สรณคมนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสรณคมนิยเถระ
(พระสรณคมนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๐] สงครามของท้าวเทวราชทั้ง ๒ ฝ่าย
ได้ปรากฏประชิดติดกัน เสียงดังกึกก้องได้เป็นไป
[๒๑] พระศาสดาพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ทรงรู้แจ้งโลก
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา ประทับยืนอยู่ในอากาศ
ทรงทำมหาชนให้สังเวชแล้ว
[๒๒] เทวดาทั้งปวงมีใจเบิกบาน ต่างวางเกราะและอาวุธ
พร้อมใจกันถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในขณะนั้น
[๒๓] พระศาสดาผู้ทรงอนุเคราะห์ ทรงรู้แจ้งโลก
ทรงทราบความคิดของข้าพเจ้าแล้ว
ทรงเปล่งอาสภิวาจา๑ ทำมหาชนให้เย็นใจว่า
[๒๔] บุคคลผู้เกิดเป็นมนุษย์ มีจิตประทุษร้าย
เบียดเบียนสัตว์เพียงตัวเดียว
จะต้องเกิดยังอบายภูมิ เพราะจิตประทุษร้ายนั้น

เชิงอรรถ :
๑ อาสภิวาจา หมายถึงวาจาแสดงความเป็นผู้องอาจ วาขาองอาจคือคำประกาศพระองค์ว่าเป็นเอกในโลก
(ที.ม. (แปล) ๑๐/๓๑/๑๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๔ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๓. สรณคมนิยเถราปทาน
[๒๕] เปรียบเหมือนช้างในสนามรบ
เบียดเบียนสัตว์จำนวนมาก
ท่านทั้งหลายจงทำจิตของตนให้เย็นเถิด
อย่าเบียดเบียนกันนักเลย
[๒๖] แม้พวกเสนาของพญายักษ์ทั้ง ๒ ได้สงบสงคราม
และพากันถึงพระผู้มีพระภาคผู้เจริญที่สุดในโลก
ผู้คงที่เป็นอันดี ว่าเป็นสรณะ อย่างมั่นคง
[๒๗] ส่วนพระศาสดา ผู้มีพระจักษุ ทรงให้หมู่ชนยินยอมแล้ว
อันหมู่เทวดาเพ่งดูอยู่ ทรงก้าวย่างพระบาท
ทรงบ่ายพระพักตร์เสด็จหลีกไปทางทิศเหนือ
[๒๘] ข้าพเจ้าได้ถึงพระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้คงที่ ว่าเป็นสรณะเป็นคนแรก
ข้าพเจ้าไม่ไปเกิดยังทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๒๙] ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่ามหาทุนทุภิและพระนามว่ารเถสภะ
[๓๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสรณคมนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สรณคมนิยเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๕ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๔. เอกาสนิยเถราปทาน
๔. เอกาสนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกาสนิยเถระ
(พระเอกาสนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้เกิดเป็นท้าวเทวราชมีนามว่าวรุณ
พร้อมด้วยยาน พลทหารและพาหนะ
เข้าไปบำรุงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
[๓๒] เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นที่พึ่ง
ของสัตว์โลก พระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้สูงสุดแห่งเทวดาและมนุษย์
เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ข้าพเจ้าได้นำดนตรีทั้งปวงไปยังต้นโพธิ์อันอุดม
[๓๓] ข้าพเจ้าประกอบการประโคม
การฟ้อนรำและกังสดาลทุกอย่าง บำรุงต้นโพธิ์อันอุดม
ดุจบำรุงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเฉพาะพระพักตร์
[๓๔] ข้าพเจ้าครั้นบำรุงต้นโพธิ์ซึ่งงอกขึ้นบนพื้นดินนั้นแล้ว
จึงนั่งขัดสมาธิ แล้วได้สิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้นเอง
[๓๕] ข้าพเจ้าปรารภกรรมของตน เลื่อมใสในต้นโพธิ์อันอุดม
ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น ข้าพเจ้าจึงไปเกิดในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
[๓๖] เครื่องดนตรี ๖๐,๐๐๐ ชิ้น แวดล้อมข้าพเจ้า
ผู้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่
ทั้งในเทวดาและมนุษย์ อยู่ทุกเมื่อ
[๓๗] ไฟ ๓ กอง ข้าพเจ้าดับได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าทรงร่างกายอันมีในภพสุดท้าย
อยู่ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๖ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๕. สุวัณณปุปผิยเถราปทาน
[๓๘] ในกัปที่ ๑๐๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๔ ชาติ
มีพระนามว่าสุพาหุ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ
[๓๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกาสนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกาสนิยเถราปทานที่ ๔ จบ
๕. สุวัณณปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุวรรณปุปผิยเถระ
(พระสุวรรณปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๐] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี ผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน ประทับนั่งแสดงอมตบทแก่หมู่ชน
[๔๑] ข้าพเจ้าฟังธรรมของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
ได้ใช้ดอกไม้ทองคำ ๔ ดอก บูชาพระพุทธเจ้า
[๔๒] ดอกไม้ทองคำนั้นกลายเป็นหลังคาทองคำ มุงบังตลอดชุมชน
ในครั้งนั้น รัศมีของพระพุทธเจ้าและรัศมีของทองคำ
รวมกันเป็นแสงสว่างอย่างเจิดจ้า
[๔๓] ข้าพเจ้ามีจิตเบิกบาน มีใจยินดี เกิดโสมนัส
ประนมมือให้ชนเหล่านั้นเกิดปีติ
นำความสุขในปัจจุบันมาให้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๗ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๖. จิตกปูชกเถราปทาน
[๔๔] ข้าพเจ้าทูลวิงวอนและถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้มีวัตรดีงาม ทำความปราโมทย์ให้เกิดขึ้นแล้ว
กลับเข้าสู่ที่อยู่ของตน
[๔๕] ข้าพเจ้ากลับเข้าสู่ที่อยู่แล้ว
ยังระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุดอยู่
ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น ข้าพเจ้าจึงได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดุสิต
[๔๖] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๔๗] ในกัปที่ ๔๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่าเนมิสัมมตะ มีพลานุภาพมาก
[๔๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุวรรณปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุวัณณปุปผิยเถราปทานที่ ๕ จบ
๖. จิตกปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจิตกปูชกเถระ
(พระจิตกปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๙] ข้าพเจ้า๑พร้อมทั้งอำมาตย์และบริวารชนสิงสถิตอยู่ที่ต้นเกด
เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว

เชิงอรรถ :
๑ เกิดเป็นรุกขเทวดา (ขุ.อป.อ. ๒/๔๙/๑๖๐)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๘ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๖. จิตกปูชกเถราปทาน
[๕๐] ข้าพเจ้าเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ได้ไปยังจิตกาธาน
ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิขี ผู้ทรงเป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
ประโคมดนตรี ณ ที่นั้น
โปรยของหอมและดอกไม้ให้ทั่วถึง
[๕๑] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ทำการบูชาที่จิตกาธาน
ไหว้จิตกาธานแล้ว กลับมาวิมานของตน
[๕๒] ข้าพเจ้าเข้าไปในวิมานแล้ว ยังระลึกถึงการบูชาจิตกาธานอยู่
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน ด้วยผลกรรมนั้น
[๕๓] ข้าพเจ้าจึงเสวยสมบัติทั้งในเทวดาและในมนุษย์แล้ว
ละความชนะและความพ่ายแพ้ได้แล้ว๑ บรรลุฐานะที่ไม่หวั่นไหว๒
[๕๔] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาจิตกาธาน
[๕๕] ในกัปที่ ๒๙ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่าอุคคตะ มีพลานุภาพมาก
[๕๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจิตกปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จิตกปูชกเถราปทานที่ ๖ จบ

เชิงอรรถ :
๑-๒ ดูเชิงอรรถข้อ ๙ หน้า ๒๐๕ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๖๙ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๗. พุทธสัญญกเถราปทาน
๗. พุทธสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระพุทธสัญญกเถระ
(พระพุทธสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๗] เมื่อครั้งพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ผู้เลิศในโลก ทรงปลงพระชนมายุสังขาร
แผ่นดินหมื่นจักรวาลทั้งสมุทรสาครก็ไหวแล้ว
[๕๘] แม้วิมานของข้าพเจ้า๑ สูง กว้าง ยาว
สะอาดและงดงาม มีพวงมาลัยเป็นที่ ๕ ก็ยังไหว
เพราะการที่พระพุทธเจ้าทรงปลงพระชนมายุสังขาร
[๕๙] เมื่อวิมานไหวแล้ว ข้าพเจ้าเกิดความสะดุ้งว่า
เกิดเหตุอะไรหนอ แสงสว่างเจิดจ้าได้มีแล้วเพื่อประโยชน์อะไร
[๖๐] ท้าวเวสวัณมา ณ ที่นี้แล้ว ทำมหาชนให้เย็นใจว่า
ภัยที่จะเกิดแก่สัตว์ไม่มี
ท่านทั้งหลายจงมีความตั้งใจเคารพเถิด
[๖๑] ช่างน่าอัศจรรย์ พระพุทธเจ้า
ช่างน่าอัศจรรย์ พระธรรม
ช่างน่าอัศจรรย์ การที่ข้าพเจ้าได้มาประจวบกับพระศาสดา
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้น แผ่นดินก็ไหว
[๖๒] ข้าพเจ้าประกาศพุทธานุภาพแล้ว
จึงบันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดหนึ่งกัป
ในกัปที่เหลือ ข้าพเจ้าได้ทำกุศลไว้แล้ว
[๖๓] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น

เชิงอรรถ :
๑ เกิดเป็นภุมมเทวดา (ขุ.อป.อ. ๒/๕๗/๑๖๑)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๐ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๘. มัคคสัญญกเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในพระพุทธเจ้า
[๖๔] ในกัปที่ ๑๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าสมิตะ
ผู้มีความเพียร มีพลานุภาพมาก
[๖๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระพุทธสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
พุทธสัญญกเถราปทานที่ ๗ จบ
๘. มัคคสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมัคคสัญญกเถระ
(พระมัคคสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖๖] สาวกทั้งหลายของพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
เที่ยวไปในป่า หลงทางจึงเที่ยวไปในป่าใหญ่เหมือนคนตาบอด
[๖๗] บุตรของพระมุนีเหล่านั้นระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระนามว่าปทุมุตตระ ทรงเป็นผู้นำ หลงทางอยู่ในป่าใหญ่
[๖๘] ข้าพเจ้า๑ ลงจากวิมานแล้ว ได้ไปยังสำนักของภิกษุ
บอกทางให้และได้ถวายโภชนาหารแก่ภิกษุเหล่านั้น
[๖๙] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ด้วยกรรมนั้น ข้าพระองค์มีอายุ ๗ ขวบ ก็ได้บรรลุอรหัตตผล

เชิงอรรถ :
๑ เกิดเป็นปัพพตเทวดา (ขุ.อป.อ. ๒/๖๖/๑๖๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๑ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๙. ปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทาน
[๗๐] ในกัปที่ ๑๐๕ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๒ ชาติ
มีพระนามว่าสจักขุ สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ
[๗๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมัคคสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มัคคสัญญกเถราปทานที่ ๘ จบ
๙. ปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัจจุปัฏฐานสัญญกเถระ
(พระปัจจุปัฏฐานสัญญกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึง
กล่าวว่า)
[๗๒] เมื่อพระสุคตพระนามว่าอัตถทัสสี
เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้เกิดยังกำเนิดยักษ์และได้รับยศตามลำดับ
[๗๓] (ข้าพเจ้าคิดว่า)ยศที่เราได้แล้ว เป็นของได้ยากหนอ
เป็นของที่รุ่งเรืองยาก เกิดขึ้นได้ยาก เมื่อโภคะของเรามีอยู่
พระสุคต ผู้มีพระจักษุก็เสด็จดับขันธปรินิพพานเสียแล้ว
[๗๔] สาวกนามว่าสาคร รู้ความดำริของข้าพเจ้าแล้ว
ท่านประสงค์จะช่วยเหลือข้าพเจ้า
จึงมายังสำนักของข้าพเจ้า
[๗๕] ท่านกล่าวว่า ท่านจะเศร้าโศกไปทำไมหนอ
อย่ากลัวเลย ท่านจงประพฤติธรรมเถิด ท่านผู้มีปัญญาดี
พระพุทธเจ้าทรงประทานวิชชาสมบัติแก่ชนทั้งปวงเนือง ๆ ว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๒ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๙. ปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทาน
[๗๖] หากผู้ใด พึงบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก ยังดำรงพระชนม์อยู่ก็ดี
พึงบูชาพระธาตุแม้ประมาณเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดของพระพุทธเจ้า
แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วก็ดี
[๗๗] เมื่อจิตที่เลื่อมใสของผู้นั้นเสมอกัน
บุญก็มีผลมากเสมอกัน
เพราะฉะนั้น ท่านจงสร้างสถูป
บูชาพระธาตุของพระชินเจ้าเถิด
[๗๘] ข้าพเจ้าได้ฟังคำพูดของท่านสาครแล้ว
ได้สร้างพุทธสถูป บำรุงพระสถูปชั้นเลิศของพระมุนีอยู่ ๕ ปี
[๗๙] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์
ผู้เจริญที่สุดในโลก ทรงองอาจกว่านรชน
ด้วยผลกรรมนั้น ข้าพระองค์จึงเสวยสมบัติ
ได้บรรลุอรหัตตผลแล้ว
[๘๐] ในกัปที่ ๑๐๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๔ ชาติ พระนามว่าภูริปัญญา
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๘๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัจจุปัฏฐานสัญญกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้
ปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทานที่ ๙ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๓ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] ๑๐. ชาติปูชกเถราปทาน
๑๐. ชาติปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระชาติปูชกเถระ
(พระชาติปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๘๒] เมื่อพระวิปัสสีโพธิสัตว์ประสูติ ได้มีแสงสว่างเจิดจ้า
แผ่นดินพร้อมทั้งสมุทรสาครและภูเขาก็ไหวแล้ว
[๘๓] อนึ่ง พวกโหราจารย์พยากรณ์ว่า
ผู้นี้จักเป็นพระพุทธเจ้าในโลก
จักเป็นผู้เลิศกว่าสรรพสัตว์ จักรื้อถอนหมู่ชน
[๘๔] ข้าพเจ้าได้ฟังคำของพวกโหราจารย์แล้ว
ได้ทำการบูชาพระชาติกำเนิด๑
ด้วยความดำริว่า การบูชาเช่นกับการบูชาพระชาติกำเนิดไม่มี
[๘๕] ข้าพเจ้าสร้างกุศลแล้ว จึงทำจิตของตนให้เลื่อมใส
ครั้นทำการบูชาพระชาติกำเนิดแล้ว ก็สิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้น
[๘๖] ข้าพเจ้าเกิดในกำเนิดใด ๆ
คือจะเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
ในกำเนิดนั้น ๆ ข้าพเจ้าเป็นใหญ่เหนือสรรพสัตว์
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระชาติกำเนิด
[๘๗] แม่นมทั้งหลายย่อมบำรุงข้าพเจ้า
อยู่ในอำนาจจิตของข้าพเจ้า
แม่นมเหล่านั้นไม่อาจเพื่อทำข้าพเจ้าให้โกรธเคือง
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระชาติกำเนิด
[๘๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำการบูชาไว้ในครั้งนั้น

เชิงอรรถ :
๑ พระชาติกำเนิด หมายถึงพระชาติของพระพุทธเจ้า (ขุ.อป.อ. ๒/๑๖๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๔ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๒. มหาปริวารวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระชาติกำเนิด
[๘๙] ในกัปที่ ๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๔ ชาติ
พระนามว่าสุปาริจริยะ
เป็นใหญ่ในหมู่ชน มีพลานุภาพมาก
[๙๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระชาติปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ชาติปูชกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
มหาปริวารวรรคที่ ๑๒ จบบริบูรณ์
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. มหาปริวารเถราปทาน ๒. สุมังคลเถราปทาน
๓. สรณคมนิยเถราปทาน ๔. เอกาสนิยเถราปทาน
๕. สุวัณณปุปผิยเถราปทาน ๖. จิตกปูชกเถราปทาน
๗. พุทธสัญญกเถราปทาน ๘. มัคคสัญญกเถราปทาน
๙. ปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทาน ๑๐. ชาติปูชกเถราปทาน

ท่านกล่าวรวมคาถาไว้ ๙๐ คาถา ฉะนี้แล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๕ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๑. เสเรยยกเถราปทาน
๑๓. เสเรยยกวรรค
หมวดว่าด้วยพระเสเรยยกะเป็นต้น
๑. เสเรยยกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเสเรยยกเถระ
(พระเสเรยยกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าเป็นผู้คงแก่เรียน ทรงมนตร์
จบไตรเพท ยืนอยู่ในที่กลางแจ้ง
ได้เห็นพระผู้มีพระภาคทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
[๒] เสด็จเที่ยวอยู่ในป่าดุจราชสีห์
ไม่สะดุ้งกลัวดุจพญาเสือโคร่ง ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ดุจช้างมาตังคะตกมัน ๓ แห่ง
[๓] ข้าพเจ้าหยิบดอกไม้ซึก
โยนขึ้นไป(บูชา)ในอากาศ ด้วยพุทธานุภาพ
ดอกไม้ซึกทั้งหลายห้อมล้อมอยู่โดยประการทั้งปวง
[๔] พระผู้มีพระภาคผู้สัพพัญญู ทรงมีความเพียรมาก
ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก ทรงอธิษฐานแล้ว
ดอกไม้ทั้งหลายก็กระจายเป็นเครื่องมุงบังดอกไม้
บูชาพระนราสภะโดยรอบ
[๕] ลำดับนั้น แผ่นดอกไม้นั้นมีขั้วอยู่ข้างใน มีหน้าอยู่ข้างนอก
ทำการมุงบังตลอด ๗ วัน
ต่อแต่นั้นก็อันตรธานไป
[๖] ข้าพเจ้าได้เห็นความอัศจรรย์ซึ่งไม่เคยมี
น่าขนพองสยองเกล้านั้นแล้ว
จึงทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าผู้สุคต ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๖ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๒. ปุปผถูปิยเถราปทาน
[๗] ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น ข้าพเจ้าถูกกุศลมูลตักเตือนแล้ว
จึงไม่ไปเกิดยังทุคติเลย ตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๘] ในกัปที่ ๑,๐๑๕ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๒๕ ชาติ
มีพระนามว่าวิลามาลา มีพลานุภาพมาก
[๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเสเรยยกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เสเรยยกเถราปทานที่ ๑ จบ
๒. ปุปผถูปิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปุปผถูปิยเถระ
(พระปุปผถูปิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๐] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์ มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อกุกกุระ
พราหมณ์ผู้จบมนตร์ อยู่ในท่ามกลางภูเขานั้น
[๑๑] ศิษย์ ๑,๐๑๕ คน แวดล้อมข้าพเจ้าอยู่ทุกเมื่อ
และศิษย์เหล่านั้นเป็นผู้ลุกขึ้นก่อน(ตื่นก่อน) (และนอนทีหลัง)
แกล้วกล้าในมนตร์ทั้งหลาย(มาแจ้งแก่ข้าพเจ้าว่า)
[๑๒] พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก
ขอท่านจงทราบเถิดว่า
พระองค์ทรงเจริญกว่าพวกเรา
พระองค์มีอนุพยัญชนะ ๘๐
มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ
[๑๓] พระชินวร มีพระรัศมีแผ่ไปข้างละหนึ่งวา
รุ่งโรจน์ดังดวงอาทิตย์
พราหมณ์ผู้จบมนตร์ ฟังคำของพวกศิษย์ดังนี้แล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๗ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๓. ปายาสทายกเถราปทาน
[๑๔] จึงออกจากอาศรม ถามถึงทิศกับศิษย์ทั้งหลายว่า
พระผู้มีพระภาคผู้มีความเพียรมาก
ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก ประทับอยู่ ณ ภูมิภาคใด
[๑๕] ข้าพเจ้าเห็นภูมิภาคนั้นแล้ว
จักนมัสการพระชินเจ้า ผู้ที่หาบุคคลเปรียบมิได้
ข้าพเจ้ามีจิตเบิกบาน มีใจยินดี
จึงบูชาพระตถาคตนั้น
[๑๖] มาเถิดศิษย์ทั้งหลาย พวกเราจักไปเฝ้าพระตถาคต
จักกราบไหว้พระยุคลบาทของพระศาสดาแล้ว
จักฟังคำสั่งสอนของพระชินเจ้า
[๑๗] ข้าพเจ้า ออกไปได้วันเดียวก็เกิดเจ็บไข้
ถูกความเจ็บไข้เบียดเบียน จึงเข้าไปนอนที่ศาลา
[๑๘] ข้าพเจ้าประชุมศิษย์ทั้งหมดแล้ว
ได้ถามพวกเขาถึงพระตถาคตว่า
พระคุณของพระผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก
ผู้มีปัญญาเครื่องตรัสรู้อย่างยอดเยี่ยม เป็นเช่นไร
[๑๙] ศิษย์เหล่านั้นถูกข้าพเจ้าถามแล้วได้ตอบตามที่ตนเห็นมา
แสดงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุดนั้น
เฉพาะหน้าของข้าพเจ้าโดยเคารพ
[๒๐] ข้าพเจ้าฟังคำของศิษย์เหล่านั้นแล้ว
จึงทำจิตของตนให้เลื่อมใส
ใช้ดอกไม้สร้างเป็นพระสถูปแล้ว ได้สิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้น
[๒๑] ศิษย์เหล่านั้น เผาร่างกายของข้าพเจ้าแล้ว
ได้ไปในสำนักของพระพุทธเจ้า
ประคองอัญชลี ถวายอภิวาทพระศาสดา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๘ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๓. ปายาสทายกเถราปทาน
[๒๒] ข้าพเจ้าใช้ดอกไม้สร้างเป็นพระสถูปเพื่อพระสุคต
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
จึงไม่ไปเกิดยังทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๒๓] ในกัปที่ ๔๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๖ ชาติ
มีพระนามว่าอัคคิสมะ มีพลานุภาพมาก
[๒๔] ในกับที่ ๒๐,๐๐๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๘ ชาติ
มีพระนามว่าฆฏาสนะ ทรงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
[๒๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปุปผถูปิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปุปผถูปิยเถราปทานที่ ๒ จบ
๓. ปายาสทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปายาสทายกเถระ
(พระปายาสทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๖] พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ
กำลังเสด็จออกจากป่า มีหมู่ภิกษุห้อมล้อม
[๒๗] ข้าพเจ้าประสงค์จะบูชายัญ
จึงคดข้าวปายาสใส่ถาดสำริด
แล้วน้อมนำเครื่องพลีกรรมเข้าไปด้วยมือตนเอง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๗๙ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๓. ปายาสทายกเถราปทาน
[๒๘] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาค ผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน เสด็จขึ้นสู่ที่จงกรมในอากาศซึ่งเป็นทางลม
[๒๙] ข้าพเจ้าได้เห็นความอัศจรรย์ซึ่งไม่เคยมี
น่าขนพองสยองเกล้านั้นแล้ว จึงวางถาดสำริดลง
ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
[๓๐] กราบทูลว่า ข้าแต่พระมหามุนี
พระองค์เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าในโลก
พร้อมทั้งเทวโลกและมนุษยโลก
ขอจงทรงอนุเคราะห์รับข้าวปายาสของข้าพระองค์เถิด
[๓๑] พระผู้มีพระภาคผู้สัพพัญญู ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
เป็นศาสดาผู้ยอดเยี่ยมในโลก
ทรงทราบความดำริของข้าพเจ้าแล้ว จึงทรงรับไว้
[๓๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายข้าวปายาส
[๓๓] ในกัปที่ ๔๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าพุทธะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๓๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปายาสทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปายาสทายกเถราปทานที่ ๓ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๐ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๔. คันโธทกิยเถราปทาน
๔. คันโธทกิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระคันโธทกิยเถระ
(พระคันโธทกิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๕] ข้าพเจ้านั่งอยู่ในปราสาทที่ประเสริฐ
ได้เห็นพระชินเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ทรงเหมือนต้นรกฟ้าที่งดงาม
เป็นพระสัพพัญญู ทรงเป็นผู้นำสูงสุด
[๓๖] พระองค์ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
เสด็จดำเนินไปในที่ไม่ไกลปราสาท
รัศมีของพระองค์สว่างไสว ในเมื่อดวงอาทิตย์อัสดงคตแล้ว
[๓๗] ข้าพเจ้าประคองน้ำหอม
ประพรม(บูชา)พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
แล้วสิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้น ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น
[๓๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ประพรมน้ำหอมไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๓๙] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าสุคันธะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๔๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระคันโธทกิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
คันโธทกิยเถราปทานที่ ๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๑ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๕. สัมมุขาถวิกเถราปทาน
๕. สัมมุขาถวิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัมมุขาถวิกเถระ
(พระสัมมุขาถวิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๑] เมื่อพระวิปัสสีโพธิสัตว์ประสูติ
ข้าพเจ้าพยากรณ์นิมิตและทำหมู่ชนให้เย็นใจว่า
พระโพธิสัตว์นี้จักเป็นพระพุทธเจ้าในโลก
[๔๒] อนึ่ง เมื่อพระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
หมื่นจักรวาลย่อมหวั่นไหว
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๔๓] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
ได้มีแสงสว่างเจิดจ้า
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๔๔] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
แม่น้ำทั้งหลายไม่ไหล
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๔๕] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
ไฟในอเวจีนรกไม่ลุกโพลง
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๔๖] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
หมู่นกไม่สัญจรไปมา
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๒ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๕. สัมมุขาถวิกเถราปทาน
[๔๗] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
กองลมไม่พัด
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๔๘] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
รัตนะทุกชนิดส่องแสงโชติช่วง
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๔๙] อนึ่ง พระผู้มีพระภาคพระองค์ใดประสูติ
ทรงย่างพระบาทไปได้ ๗ ก้าว
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นศาสดา
ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่
[๕๐] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพอประสูติแล้วเท่านั้น
ก็ทรงเหลียวดูทิศทั้งปวง แล้วทรงเปล่งอาสภิวาจา๑
นี้เป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
[๕๑] ข้าพเจ้าทำหมู่ชนให้เกิดสังเวชแล้ว ชมเชย
พระผู้มีพระภาคผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วบ่ายหน้าหลีกไปทางทิศตะวันออก
[๕๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าชมเชยพระพุทธเจ้าไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการชมเชย

เชิงอรรถ :
๑ ดูเชิงอรรถข้อ ๒๓ หน้า ๒๖๔ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๓ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๕. สัมมุขาถวิกเถราปทาน
[๕๓] ในกัปที่ ๙๐ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีพระนามว่าสัมมุขาถวิกะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๔] ในกัปที่ ๘๙ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าปฐวีทุนทุภิ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๕] ในกัปที่ ๘๘ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าโอภาส
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๖] ในกัปที่ ๘๗ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสริตัจเฉทนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๗] ในกัปที่ ๘๖ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าอัคคินิพพาปนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๘] ในกัปที่ ๘๕ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าวาตสมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๕๙] ในกัปที่ ๘๔ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าคติปัจเฉทนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖๐] ในกัปที่ ๘๓ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่ารัตนปัชชละ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๔ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๖. กุสุมาสนิยเถราปทาน
[๖๑] ในกัปที่ ๘๒ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าปทวิกกมนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖๒] ในกัปที่ ๘๑ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าวิโลกนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖๓] ในกัปที่ ๘๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าคิริสาระ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๖๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัมมุขาถวิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัมมุขาถวิกเถราปทานที่ ๕ จบ
๖. กุสุมาสนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกุสุมาสนิยเถระ
(พระกุสุมาสนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖๕] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเกิดเป็นพราหมณ์อยู่ในกรุงธัญญวดี
เป็นผู้เชี่ยวชาญในคัมภีร์พยากรณ์ลักษณะ
คัมภีร์อิติหาสะ และไตรเพทพร้อมด้วยคัมภีร์นิฆัณฑุศาสตร์
และคัมภีร์เกฏุภศาสตร์๑
[๖๖] ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าใจตัวบท เข้าใจไวยากรณ์ ฉลาดในนิมิต
จบไตรเพทบอกมนตร์ให้ศิษย์ทั้งหลาย

เชิงอรรถ :
๑ ดูเชิงอรรถข้อ ๑๗๖ หน้า ๓๑ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๕ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๗. ผลทายกเถราปทาน
[๖๗] ข้าพเจ้าวางดอกอุบล ๕ กำไว้บนหลังของข้าพเจ้า
ประสงค์จะบูชายัญ ในสมาคมบิดามารดา
[๖๘] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ทรงองอาจกว่านรชน
มีหมู่ภิกษุห้อมล้อมเสด็จมาทำทิศทั้งปวงให้สว่างไสว
[๖๙] ข้าพเจ้าปูลาดอาสนะแล้วลาดดอกอุบลนั้น
นิมนต์พระมหามุนี นำเสด็จไปยังเรือนของตน
[๗๐] อามิสใดที่ข้าพเจ้าตระเตรียมไว้ มีอยู่ในเรือนของตน
ข้าพเจ้าเลื่อมใสได้ถวายอามิสนั้นแด่พระพุทธเจ้า
ด้วยมือทั้ง ๒ ของตน
[๗๑] ข้าพเจ้าทราบเวลาว่า พระผู้มีพระภาคเสวยเสร็จแล้ว
จึงได้ถวายดอกอุบลกำหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคผู้สัพพัญญูทรงอนุโมทนาแล้ว
บ่ายพระพักตร์เสด็จหลีกไปทางทิศเหนือ
[๗๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายดอกไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายดอกไม้
[๗๓] ในกัปที่ต่อจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าวรทัสสนะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๗๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกุสุมาสนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กุสุมาสนิยเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๖ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๗. ผลทายกเถราปทาน
๗. ผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระผลทายกเถระ
(พระผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗๕] ข้าพเจ้าเป็นผู้คงแก่เรียน ทรงมนตร์ จบไตรเพท
อยู่ในอาศรมที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
[๗๖] เครื่องบูชาไฟและเมล็ดบัวขาวของข้าพเจ้ามีอยู่
ของทั้งหมดข้าพเจ้าใส่ไว้ในกระจาดแล้ว คล้องไว้ที่ยอดไม้
[๗๗] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้ทรงรู้แจ้งโลก
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา พระองค์ประสงค์จะช่วยข้าพเจ้า
เมื่อจะเสด็จเที่ยวบิณฑบาต จึงเสด็จเข้ามาหาข้าพเจ้า
[๗๘] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ถวายเมล็ดบัวแด่พระพุทธเจ้า
พระองค์ทรงทำปีติให้เกิดแก่ข้าพเจ้า
ทรงนำความสุขมาให้ในปัจจุบัน
[๗๙] พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
ประทับยืนอยู่ในอากาศ ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า
[๘๐] ด้วยการถวายเมล็ดบัวนี้ และด้วยการตั้งเจตนาไว้มั่น
ผู้นี้จะไม่ไปเกิดยังทุคติเลย ตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๘๑] ด้วยกุศลมูลนั้นนั่นแล ข้าพเจ้าได้เสวยสมบัติแล้ว
ละความชนะและความแพ้ได้แล้ว๑ บรรลุฐานะที่ไม่หวั่นไหว๒

เชิงอรรถ :
๑-๒ ดูเชิงอรรถข้อ ๙ หน้า ๒๐๓ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๗ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๘. ญาณสัญญิกเถราปทาน
[๘๒] ในกัปที่ ๑๐๗ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสุมังคละ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๘๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ผลทายกเถราปทานที่ ๗ จบ
๘. ญาณสัญญิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระญาณสัญญิกเถระ
(พระญาณสัญญิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๘๔] ข้าพเจ้าอยู่ในระหว่างภูเขา ที่ภูเขาหิมพานต์
ได้เห็นกองทรายงดงามแล้ว
หวนระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[๘๕] การเปรียบเทียบในพระญาณไม่มี
สงคราม(คือการปรุงแต่ง)ไม่มีแก่พระศาสดา
พระศาสดาทรงรู้ธรรมทั้งปวงแล้ว ตัดสินใจด้วยพระญาณ
[๘๖] ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นบุรุษอาชาไนย
ข้าพระองค์ขอนอบน้อมพระองค์
ข้าแต่พระองค์ทรงเป็นผู้สูงสุดแห่งบุรุษ ขอนอบน้อมพระองค์
ผู้ที่จะเสมอด้วยพระญาณของพระองค์ไม่มี
ตราบเท่าที่พระญาณสูงสุดของพระองค์ยังมีอยู่
[๘๗] ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใสในพระญาณแล้ว
บันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดกัปหนึ่ง
ในกัปทั้งหลายที่เหลือ ข้าพเจ้าทำกุศลไว้แล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๘ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๙. คัณฐิปุปผิยเถราปทาน
[๘๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ความทรงจำไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความทรงจำในพระญาณ
[๘๙] ในกัปที่ ๗๓ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิองค์หนึ่งพระนามว่าปุฬินปุปผิยะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๙๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระญาณสัญญิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ญาณสัญญิกเถราปทานที่ ๘ จบ
๙. คัณฐิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระคัณฐิปุปผิยเถระ
(พระคัณฐิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๙๑] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ ผู้สมควรแก่ทักษิณา
มีหมู่สาวกห้อมล้อม เสด็จออกจากอาราม
[๙๒] ข้าพเจ้าได้เห็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
ผู้ประเสริฐที่สุด หาอาสวะมิได้
จึงมีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ได้ใช้พวงดอกไม้บูชา
[๙๓] ด้วยจิตที่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาค
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่
ข้าพเจ้ามีจิตร่าเริง เบิกบาน ถวายอภิวาทพระตถาคตอีก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๘๙ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๑๐. ปทุมปูชกเถราปทาน
[๙๔] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๙๕] ในกัปที่ ๔๑ นับจากกัปนี้ไป
ได้เป็นกษัตริย์ผู้จักรพรรดิพระนามว่าวรุณะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๙๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔
วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระคัณฐิปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
คัณฐิปุปผิยเถราปทานที่ ๙ จบ
๑๐. ปทุมปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปทุมปูชกเถระ
(พระปทุมปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๙๗] ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมพานต์
มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่าโคตมะ
ดาษดื่นไปด้วยต้นไม้นานาชนิด
เป็นที่อยู่ของหมู่มหาภูต (คือยักษ์)
[๙๘] อาศรมได้สร้างไว้ในท่ามกลางภูเขานั้น
ข้าพเจ้ามีศิษย์ของตนห้อมล้อม
อยู่ในอาศรม (ได้กล่าวกับศิษย์ว่า)
[๙๙] มาเถิดคณะศิษย์ของเรา จงนำดอกปทุมมาให้เรา
เราจักทำการบูชาพระพุทธเจ้า แด่พระผู้มีพระภาค
ผู้เป็นจอมแห่งเทวดาและมนุษย์ ผู้คงที่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๐ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] ๑๐. ปทุมปูชกเถราปทาน
[๑๐๐] ศิษย์เหล่านั้นรับคำที่ข้าพเจ้าสั่งอย่างนี้แล้ว
จึงนำดอกปทุมมาให้ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าทำเครื่องหมายอย่างนั้นแล้ว จึงบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๐๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าประชุมศิษย์ทั้งหลายแล้ว
พร่ำสอนเป็นอย่างดีว่า
เธอทั้งหลายอย่าได้ประมาทเลย
ความไม่ประมาทเป็นเหตุนำความสุขมาให้
[๑๐๒] ข้าพเจ้าครั้นพร่ำสอนศิษย์ทั้งหลายของตน
ผู้อดทนต่อคำสอนอย่างนี้
ประกอบตนในคุณคือความไม่ประมาท
แล้วได้สิ้นชีวิตลงในครั้งนั้น
[๑๐๓] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๐๔] ในกัปที่ ๕๑ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าชลุตตมะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๑๐๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปทุมปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปทุมปูชกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
เสเรยยวรรคที่ ๑๓ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๑ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๓. เสเรยยวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. เสเรยยกเถราปทาน ๒. ปุปผถูปิยเถราปทาน
๓. ปายาสทายกเถราปทาน ๔. คันโธทกิยเถราปทาน
๕. สัมมุขาถวิกเถราปทาน ๖. กุสุมาสนิยเถราปทาน
๗. ผลทายกเถราปทาน ๘. ญาณสัญญิกเถราปทาน
๙. คัณฐิปุปผิยเถราปทาน ๑๐. ปทุมปูชกเถราปทาน

บัณฑิตผู้เห็นแจ้งอรรถรวบรวมคาถาไว้ ๑๐๕ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๒ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๑. โสภิตเถราปทาน
๑๔. โสภิตวรรค
หมวดว่าด้วยพระโสภิตะเป็นต้น
๑. โสภิตเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโสภิตเถระ
(พระโสภิตเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน ทรงแสดงอมตบทแก่หมู่ชนจำนวนมากอยู่
[๒] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้ฟังพระดำรัสของพระองค์
ที่เปล่งออกด้วยอาสภิวาจา๑ แล้วจึงประคองอัญชลี
เป็นผู้มีจิตมีอารมณ์เดียว (กล่าวว่า)
[๓] สมุทรล้ำเลิศกว่าทะเลทั้งหลาย
ภูเขาสิเนรุประเสริฐกว่าภูเขาทั้งหลาย ฉันใด
ชนเหล่าใดเป็นไปตามอำนาจจิต
ชนเหล่านั้นไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งแห่งพุทธญาณ ฉันนั้น
[๔] พระพุทธเจ้าทรงเป็นฤๅษี
ทรงประกอบด้วยพระกรุณา ทรงพักการแสดงธรรมแล้ว
ประทับนั่งอยู่ในท่ามกลางหมู่ภิกษุ
ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
[๕] ผู้ใดสรรเสริญพระญาณในพระพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ผู้นั้นจะไม่ไปเกิดยังทุคติเลยตลอด ๑๐๐,๐๐๐ กัป
[๖] ผู้นั้นจักเผากิเลสทั้งหลายได้แล้ว
เป็นผู้มีจิตมีอารมณ์เดียว มีใจตั้งมั่น มีนามว่าโสภิตะ
เป็นสาวกของพระศาสดา

เชิงอรรถ :
๑ ดูเชิงอรรถข้อ ๒๓ หน้า ๒๖๔ ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๓ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๑๔. โสภิตวรรค] ๒. สุทัสสนเถราปทาน
[๗] ในกัปที่ ๑,๐๕๐ (นับจากกัปนี้ไป)
ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ชาติ
พระนามว่าสมุคคตะ
สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ มีพลานุภาพมาก
[๘] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้ว โดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโสภิตเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โสภิตเถราปทานที่ ๑ จบ
๒. สุทัสสนเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุทัสสนเถระ
(พระสุทัสสนเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๐] ที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำอันกว้างใหญ่
มีต้นเลียบกำลังผลิผลอยู่มากมาย
เมื่อข้าพเจ้าแสวงหาต้นไม้นั้น
จึงได้เห็นพระผู้มีพระภาค ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
[๑๑] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเห็นต้นการะเกดมีดอกบานสะพรั่ง
จึงตัดที่ขั้วแล้ว บูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก (ด้วยกราบทูลว่า)
[๑๒] ข้าแต่พระมหามุนีพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐที่สุด
พระองค์ทรงบรรลุอมตบทที่ไม่จุติด้วยพระญาณใด
ข้าพระองค์ขอบูชาพระญาณนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๒๙๔ }

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น