Google Analytics 4

ร่วมแชร์เป็นธรรมทานนะครับ

เล่มที่ ๓๕-๒ หน้า ๕๘ - ๑๑๔

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕-๒ อภิธรรมปิฎกที่ ๐๒ วิภังค์



พระอภิธรรมปิฎก
วิภังค์
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๓.สัญญาขันธ์
พหุวิธวาร
สัญญาขันธ์หมวดละ ๗ ได้แก่ สัญญาขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี ที่
เป็นอัพยากฤตก็มี ที่เป็นกามาวจรก็มี ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่
นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
สัญญาขันธ์หมวดละ ๗ มีด้วยอาการอย่างนี้
สัญญาขันธ์หมวดละ ๗ อีกหมวดหนึ่ง ได้แก่ สัญญาขันธ์ที่สัมปยุตด้วย
สุขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี ที่เป็น
กามาวจรก็มี ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
ฯลฯ
สัญญาขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่เป็นกามาวจรก็มี
ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
สัญญาขันธ์หมวดละ ๗ มีด้วยอาการอย่างนี้
สัญญาขันธ์หมวดละ ๒๔ ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย สัญญาขันธ์
ที่เป็นกุศล ๑ ที่เป็นอกุศล ๑ ที่เป็นอัพยากฤต ๑ จึงมี
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย สัญญาขันธ์ที่เป็นกุศล ๑ ที่เป็นอกุศล ๑ ที่เป็น
อัพยากฤต ๑ จึงมี
สัญญาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส สัญญาที่เกิดแต่โสตสัมผัส สัญญาที่เกิดแต่ฆาน-
สัมผัส สัญญาที่เกิดแต่ชิวหาสัมผัส สัญญาที่เกิดแต่กายสัมผัส สัญญาที่เกิดแต่
มโนสัมผัส
สัญญาขันธ์หมวดละ ๒๔ มีด้วยอาการอย่างนี้
สัญญาขันธ์หมวดละ ๒๔ อีกหมวดหนึ่ง ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย
สัญญาขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ๑ ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนา ๑ ที่สัมปยุตด้วย
อทุกขมสุขเวทนา ๑ จึงมี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๕๘ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๓.สัญญาขันธ์
ฯลฯ
สัญญาขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี
สัญญาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ สัญญาที่เกิดแต่มโนสัมผัส
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย สัญญาขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ๑ จึงมี
ฯลฯ
สัญญาขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี
สัญญาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ สัญญาที่เกิดแต่มโนสัมผัส
สัญญาขันธ์หมวดละ ๒๔ มีด้วยอาการอย่างนี้
สัญญาขันธ์หมวดละ ๓๐ ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย สัญญาขันธ์ที่
เป็นกามาวจร ๑ ที่เป็นรูปาวจร ๑ ที่เป็นอรูปาวจร ๑ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ ๑ จึงมี
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย สัญญาขันธ์ที่เป็นกามาวจร ๑ ที่เป็นรูปาวจร ๑
ที่เป็นอรูปาวจร ๑ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ ๑ จึงมี
สัญญาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ สัญญาที่เกิดแต่มโนสัมผัส
สัญญาขันธ์หมวดละ ๓๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
สัญญาขันธ์หมวดละมากอย่าง ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย สัญญาขันธ์
ที่เป็นกุศล ๑ ที่เป็นอกุศล ๑ ที่เป็นอัพยากฤต ๑ ที่เป็นกามาวจร ๑ ที่เป็นรูปาวจร
๑ ที่เป็นอรูปาวจร ๑ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ ๑ จึงมี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๕๙ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๓.สัญญาขันธ์
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย สัญญาขันธ์ที่เป็นกุศล ๑ ที่เป็นอกุศล ๑ ที่เป็น
อัพยากฤต ๑ ที่เป็นกามาวจร ๑ ที่เป็นรูปาวจร ๑ ที่เป็นอรูปาวจร ๑ ที่ไม่นับ
เนื่องในวัฏฏทุกข์ ๑ จึงมี
สัญญาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ สัญญาที่เกิดแต่มโนสัมผัส
สัญญาขันธ์หมวดละมากอย่างมีด้วยอาการอย่างนี้
สัญญาขันธ์หมวดละมากอย่าง อีกหมวดหนึ่ง ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็น
ปัจจัย สัญญาขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ๑ ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนา ๑ ที่
สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ๑ จึงมี
ฯลฯ
สัญญาขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่เป็นกามาวจรก็มี
ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย สัญญาขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ ๑ ที่มี
ธรรมภายนอกตนเป็นอารมณ์ ๑ ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ ๑
ที่เป็นกามาวจร ๑ ที่เป็นรูปาวจร ๑ ที่เป็นอรูปาวจร ๑ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ ๑
จึงมี
สัญญาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ สัญญาที่เกิดแต่มโนสัมผัส
สัญญาขันธ์หมวดละมากอย่างมีด้วยอาการอย่างนี้
นี้เรียกว่า สัญญาขันธ์
พหุวิธวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๖๐ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
๔. สังขารขันธ์
ทุกมูลกวาร๑
[๙๒] บรรดาขันธ์ ๕ นั้น สังขารขันธ์ เป็นไฉน
สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุก็มี ที่ไม่เป็นเหตุก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี ที่
เป็นอัพยากฤตก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๔ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นกามาวจรก็มี ที่เป็นรูปาวจร
ก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๕ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขินทรีย์ก็มี ที่
สัมปยุตด้วยทุกขินทรีย์ก็มี ที่สัมปยุตด้วยโสมนัสสินทรีย์ก็มี ที่สัมปยุตด้วย
โทมนัสสินทรีย์ก็มี ที่สัมปยุตด้วยอุเปกขินทรีย์ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๕ มีด้วยอาการอย่างนี้
สังขารขันธ์หมวดละ ๖ ได้แก่ เจตนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส เจตนาที่เกิดแต่
โสตสัมผัส เจตนาที่เกิดแต่ฆานสัมผัส เจตนาที่เกิดแต่ชิวหาสัมผัส เจตนาที่เกิดแต่
กายสัมผัส เจตนาที่เกิดแต่มโนสัมผัส
สังขารขันธ์หมวดละ ๖ มีด้วยอาการอย่างนี้
สังขารขันธ์หมวดละ ๗ ได้แก่ เจตนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เจตนาที่เกิด
แต่กายสัมผัส เจตนาที่เกิดแต่มโนธาตุสัมผัส เจตนาที่เกิดแต่มโนวิญญาณธาตุสัมผัส
สังขารขันธ์หมวดละ ๗ มีด้วยอาการอย่างนี้

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ.อ. ๓๔/๔๑

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๖๑ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
สังขารขันธ์หมวดละ ๘ ได้แก่ เจตนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เจตนาที่เกิด
แต่กายสัมผัส ที่สหรคตด้วยสุขก็มี ที่สหรคตด้วยทุกข์ก็มี เจตนาที่เกิดแต่
มโนธาตุสัมผัส เจตนาที่เกิดแต่มโนวิญญาณธาตุสัมผัส
สังขารขันธ์หมวดละ ๘ มีด้วยอาการอย่างนี้
สังขารขันธ์หมวดละ ๙ ได้แก่ เจตนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เจตนาที่เกิด
แต่มโนธาตุสัมผัส เจตนาที่เกิดแต่มโนวิญญาณธาตุสัมผัส ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็น
อกุศลก็มี ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๙ มีด้วยอาการอย่างนี้
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ ได้แก่ เจตนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เจตนา
ที่เกิดแต่กายสัมผัส ที่สหรคตด้วยสุขก็มี ที่สหรคตด้วยทุกข์ก็มี เจตนาที่เกิดแต่
มโนธาตุสัมผัส เจตนาที่เกิดแต่มโนวิญญาณธาตุสัมผัส ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศล
ก็มี ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๙๓] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุก็มี ที่ไม่เป็นเหตุก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี ที่
สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นวิบากก็มี ที่เป็นเหตุให้เกิดวิบากก็มี ที่ไม่เป็นวิบากและไม่
เป็นเหตุให้เกิดวิบากก็มี
สังขารขันธ์ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของ
อุปาทานก็มี ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของ
อุปาทานก็มี ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือและไม่เป็นอารมณ์ของ
อุปาทานก็มี
สังขารขันธ์ที่กิเลสทำให้เศร้าหมองและเป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่กิเลสไม่
ทำให้เศร้าหมองแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองและไม่เป็น
อารมณ์ของกิเลสก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๖๒ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
สังขารขันธ์ที่มีทั้งวิตกและวิจารก็มี ที่ไม่มีวิตกมีเพียงวิจารก็มี ที่ไม่มีทั้งวิตก
และวิจารก็มี
สังขารขันธ์ที่สหรคตด้วยปีติก็มี ที่สหรคตด้วยสุขก็มี ที่สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี
สังขารขันธ์ที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ที่ต้องประหาณด้วยมรรค
เบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
สังขารขันธ์ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ที่มีเหตุต้องประหาณ
ด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรค
เบื้องบน ๓ ก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุให้ถึงปฏิสนธิและจุติก็มี ที่เป็นเหตุให้ถึงนิพพานก็มี ที่
ไม่เป็นเหตุให้ถึงปฏิสนธิ จุติ และนิพพานก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นของเสขบุคคลก็มี ที่เป็นของอเสขบุคคลก็มี ที่ไม่เป็นของ
เสขบุคคลและอเสขบุคคลก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นปริตตะก็มี ที่เป็นมหัคคตะก็มี ที่เป็นอัปปมาณะก็มี
สังขารขันธ์ที่มีปริตตะเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีมหัคคตะเป็นอารมณ์ก็มี ที่มี
อัปปมาณะเป็นอารมณ์ก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นชั้นต่ำก็มี ที่เป็นชั้นกลางก็มี ที่เป็นชั้นประณีตก็มี
สังขารขันธ์ที่มีสภาวะผิดและให้ผลแน่นอนก็มี ที่มีสภาวะชอบและให้ผลแน่นอน
ก็มี ที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นก็มี๑
สังขารขันธ์ที่มีมรรคเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีมรรคเป็นเหตุก็มี ที่มีมรรคเป็นอธิบดี
ก็มี
สังขารขันธ์ที่เกิดขึ้นก็มี ที่ยังไม่เกิดขึ้นก็มี ที่จักเกิดขึ้นแน่นอนก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอดีตก็มี ที่เป็นอนาคตก็มี ที่เป็นปัจจุบันก็มี
สังขารขันธ์ที่มีอดีตธรรมเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีอนาคตธรรมเป็นอารมณ์ก็มี ที่มี
ปัจจุบันธรรมเป็นอารมณ์ก็มี

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.สงฺ.อ. ๑๕/๙๒

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๖๓ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
สังขารขันธ์ที่เป็นภายในตนก็มี ที่เป็นภายนอกตนก็มี ที่เป็นภายในตนและ
ภายนอกตนก็มี
สังขารขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๙๔] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่มีเหตุก็มี ที่ไม่มีเหตุก็มี
สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยเหตุก็มี ที่วิปปยุตจากเหตุก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุและมีเหตุก็มี ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุและสัมปยุตด้วยเหตุก็มี ที่สัมปยุตด้วยเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ
ก็มี
สังขารขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุก็มี ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นโลกิยะก็มี ที่เป็นโลกุตตระก็มี
สังขารขันธ์ที่จิตบางดวงรู้ได้ก็มี ที่จิตบางดวงรู้ไม่ได้ก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอาสวะก็มี ที่ไม่เป็นอาสวะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี
สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยอาสวะก็มี ที่วิปปยุตจากอาสวะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี ที่เป็นอารมณ์ของ
อาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอาสวะและสัมปยุตด้วยอาสวะก็มี ที่สัมปยุตด้วยอาสวะแต่ไม่
เป็นอาสวะก็มี
สังขารขันธ์ที่วิปปยุตจากอาสวะแต่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี ที่วิปปยุตจาก
อาสวะและไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๖๔ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
สังขารขันธ์ที่เป็นสังโยชน์ก็มี ที่ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี
สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ก็มี ที่วิปปยุตจากสังโยชน์ก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นสังโยชน์และเป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี ที่เป็นอารมณ์ของ
สังโยชน์แต่ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นสังโยชน์และสัมปยุตด้วยสังโยชน์ก็มี ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์
แต่ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี
สังขารขันธ์ที่วิปปยุตจากสังโยชน์แต่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี ที่วิปปยุตจาก
สังโยชน์และไม่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นคันถะก็มี ที่ไม่เป็นคันถะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี
สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะก็มี ที่วิปปยุตจากคันถะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นคันถะและเป็นอารมณ์ของคันถะก็มี ที่เป็นอารมณ์ของคันถะ
แต่ไม่เป็นคันถะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นคันถะและสัมปยุตด้วยคันถะก็มี ที่สัมปยุตด้วยคันถะแต่ไม่
เป็นคันถะก็มี
สังขารขันธ์ที่วิปปยุตจากคันถะแต่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี ที่วิปปยุตจาก
คันถะและไม่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นโอฆะก็มี ที่ไม่เป็นโอฆะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของโอฆะก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของโอฆะก็มี
สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยโอฆะก็มี ที่วิปปยุตจากโอฆะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นโอฆะและเป็นอารมณ์ของโอฆะก็มี ที่เป็นอารมณ์ของโอฆะแต่
ไม่เป็นโอฆะก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๖๕ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
สังขารขันธ์ที่เป็นโอฆะและสัมปยุตด้วยโอฆะก็มี ที่สัมปยุตด้วยโอฆะแต่ไม่เป็น
โอฆะก็มี
สังขารขันธ์ที่วิปปยุตจากโอฆะแต่เป็นอารมณ์ของโอฆะก็มี ที่วิปปยุตจากโอฆะ
และไม่เป็นอารมณ์ของโอฆะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นโยคะก็มี ที่ไม่เป็นโยคะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของโยคะก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของโยคะก็มี
สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยโยคะก็มี ที่วิปปยุตจากโยคะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นโยคะและเป็นอารมณ์ของโยคะก็มี ที่เป็นอารมณ์ของโยคะแต่
ไม่เป็นโยคะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นโยคะและสัมปยุตด้วยโยคะก็มี ที่สัมปยุตด้วยโยคะแต่ไม่เป็น
โยคะก็มี
สังขารขันธ์ที่วิปปยุตจากโยคะแต่เป็นอารมณ์ของโยคะก็มี ที่วิปปยุตจากโยคะ
และไม่เป็นอารมณ์ของโยคะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นนิวรณ์ก็มี ที่ไม่เป็นนิวรณ์ก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี
สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยนิวรณ์ก็มี ที่วิปปยุตจากนิวรณ์ก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นนิวรณ์และเป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี ที่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์
แต่ไม่เป็นนิวรณ์ก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นนิวรณ์และสัมปยุตด้วยนิวรณ์ก็มี ที่สัมปยุตด้วยนิวรณ์แต่ไม่
เป็นนิวรณ์ก็มี
สังขารขันธ์ที่วิปปยุตจากนิวรณ์แต่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี ที่วิปปยุตจาก
นิวรณ์และไม่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นปรามาสก็มี ที่ไม่เป็นปรามาสก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๖๖ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยปรามาสก็มี ที่วิปปยุตจากปรามาสก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นปรามาสและเป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี ที่เป็นอารมณ์ของ
ปรามาสแต่ไม่เป็นปรามาสก็มี
สังขารขันธ์ที่วิปปยุตจากปรามาสแต่เป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี ที่วิปปยุต
จากปรามาสและไม่เป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี
สังขารขันธ์ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือก็มี ที่กรรมอัน
ประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอุปาทานก็มี ที่ไม่เป็นอุปาทานก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี
สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยอุปาทานก็มี ที่วิปปยุตจากอุปาทานก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอุปาทานและเป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี ที่เป็นอารมณ์
ของอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทานก็มี ที่สัมปยุตด้วย
อุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี
สังขารขันธ์ที่วิปปยุตจากอุปาทานแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี ที่วิปปยุต
จากอุปาทานและไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นกิเลสก็มี ที่ไม่เป็นกิเลสก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี
สังขารขันธ์ที่กิเลสทำให้เศร้าหมองก็มี ที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองก็มี
สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยกิเลสก็มี ที่วิปปยุตจากกิเลสก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นกิเลสและเป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่เป็นอารมณ์ของกิเลสแต่
ไม่เป็นกิเลสก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นกิเลสและกิเลสทำให้เศร้าหมองก็มี ที่กิเลสทำให้เศร้าหมอง
แต่ไม่เป็นกิเลสก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๖๗ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
สังขารขันธ์ที่เป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลสก็มี ที่สัมปยุตด้วยกิเลสแต่ไม่เป็น
กิเลสก็มี
สังขารขันธ์ที่วิปปยุตจากกิเลสแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่วิปปยุตจากกิเลส
และไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี
สังขารขันธ์ที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ที่ไม่ต้องประหาณด้วย
โสดาปัตติมรรคก็มี
สังขารขันธ์ที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่ต้องประหาณด้วย
มรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
สังขารขันธ์ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ที่ไม่มีเหตุต้อง
ประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี
สังขารขันธ์ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่มีเหตุต้อง
ประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
สังขารขันธ์ที่มีวิตกก็มี ที่ไม่มีวิตกก็มี
สังขารขันธ์ที่มีวิจารก็มี ที่ไม่มีวิจารก็มี
สังขารขันธ์ที่มีปีติก็มี ที่ไม่มีปีติก็มี
สังขารขันธ์ที่สหรคตด้วยปีติก็มี ที่ไม่สหรคตด้วยปีติก็มี
สังขารขันธ์ที่สหรคตด้วยสุขก็มี ที่ไม่สหรคตด้วยสุขก็มี
สังขารขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี ที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นกามาวจรก็มี ที่ไม่เป็นกามาวจรก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่ไม่เป็นรูปาวจรก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่เป็นอรูปาวจรก็มี
สังขารขันธ์ที่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ก็มี ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์
ก็มี
สังขารขันธ์ที่ให้ผลแน่นอนก็มี ที่ให้ผลไม่แน่นอนก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๖๘ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
สังขารขันธ์ที่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าก็มี ที่ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี ที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี ที่
เป็นอัพยากฤตก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๙๕] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี ที่ไม่
เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี ที่
สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
ทุกมูลกวาร จบ
ติกมูลกวาร
[๙๖] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุก็มี ที่ไม่เป็นเหตุก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี
ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๖๙ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
[๙๗] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี ที่
ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี ที่
เป็นอัพยากฤตก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๙๘] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุก็มี ที่ไม่เป็นเหตุก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี
ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๙๙] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี ที่ไม่
เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี
ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
ติกมูลกวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๗๐ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
อุภโตวัฑฒกวาร
[๑๐๐] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุก็มี ที่ไม่เป็นเหตุก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี
ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๐๑] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่มีเหตุก็มี ที่ไม่มีเหตุก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี ที่
สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๐๒] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยเหตุก็มี ที่วิปปยุต
จากเหตุก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นวิบากก็มี ที่เป็นเหตุให้เกิด
วิบากก็มี ที่ไม่เป็นวิบากและไม่เป็นเหตุให้เกิดวิบากก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๐๓] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุและมีเหตุก็มี ที่มีเหตุแต่
ไม่เป็นเหตุก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๗๑ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและ
ทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิ
ไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่
ยึดถือและไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๐๔] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุและสัมปยุตด้วยเหตุก็มี
ที่สัมปยุตด้วยเหตุแต่ไม่เป็นเหตุก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่กิเลสทำให้เศร้าหมองและเป็น
อารมณ์ของกิเลสก็มี ที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่กิเลส
ไม่ทำให้เศร้าหมองและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๐๕] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุก็มี ที่ไม่เป็น
เหตุและไม่มีเหตุก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่มีทั้งวิตกและวิจารก็มี ที่ไม่มีวิตก
มีเพียงวิจารก็มี ที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๐๖] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นโลกิยะก็มี ที่เป็นโลกุตตระ
ก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๗๒ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สหรคตด้วยปีติก็มี ที่สหรคตด้วย
สุขก็มี ที่สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๐๗] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่จิตบางดวงรู้ได้ก็มี ที่จิตบางดวง
รู้ไม่ได้ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค
ก็มี ที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค
และมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๐๘] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นอาสวะก็มี ที่ไม่เป็นอาสวะก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดา-
ปัตติมรรคก็มี ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่มีเหตุต้องประหาณ
ด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๐๙] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี ที่ไม่
เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุให้ถึงปฏิสนธิและจุติก็มี
ที่เป็นเหตุให้ถึงนิพพานก็มี ที่ไม่เป็นเหตุให้ถึงปฏิสนธิ จุติ และนิพพานก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๗๓ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
[๑๑๐] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยอาสวะก็มี ที่วิปปยุต
จากอาสวะก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นของเสขบุคคลก็มี ที่เป็นของ
อเสขบุคคลก็มี ที่ไม่เป็นของเสขบุคคลและอเสขบุคคลก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๑๑] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของ
อาสวะก็มี ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นปริตตะก็มี ที่เป็นมหัคคตะ
ก็มี ที่เป็นอัปปมาณะก็มี๑
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๑๒] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นอาสวะและสัมปยุตด้วยอาสวะ
ก็มี ที่สัมปยุตด้วยอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่มีปริตตะเป็นอารมณ์ก็มี ที่มี
มหัคคตะเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีอัปปมาณะเป็นอารมณ์ก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๑๓] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่วิปปยุตจากอาสวะแต่เป็นอารมณ์
ของอาสวะก็มี ที่วิปปยุตจากอาสวะและไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.สงฺ.อ. ๑๒/๙๒

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๗๔ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นชั้นต่ำก็มี ที่เป็นชั้นกลางก็มี
ที่เป็นชั้นประณีตก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๑๔] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นสังโยชน์ก็มี ที่ไม่เป็นสังโยชน์
ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่มีสภาวะผิดและให้ผลแน่นอนก็มี
ที่มีสภาวะชอบและให้ผลแน่นอนก็มี ที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๑๕] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี ที่
ไม่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่มีมรรคเป็นอารมณ์ก็มี ที่มี
มรรคเป็นเหตุก็มี ที่มีมรรคเป็นอธิบดีก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๑๖] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ก็มี ที่วิปปยุต
จากสังโยชน์ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เกิดขึ้นก็มี ที่ยังไม่เกิดขึ้นก็มี
ที่จักเกิดขึ้นแน่นอนก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๗๕ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
[๑๑๗] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นสังโยชน์และเป็นอารมณ์ของ
สังโยชน์ก็มี ที่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์แต่ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นอดีตก็มี ที่เป็นอนาคตก็มี ที่
เป็นปัจจุบันก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๑๘] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นสังโยชน์และสัมปยุตด้วย
สังโยชน์ก็มี ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์แต่ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่มีอดีตธรรมเป็นอารมณ์ก็มี ที่มี
อนาคตธรรมเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีปัจจุบันธรรมเป็นอารมณ์ก็มี๑
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๑๙] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่วิปปยุตจากสังโยชน์แต่เป็น
อารมณ์ของสังโยชน์ก็มี ที่วิปปยุตจากสังโยชน์และไม่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นภายในตนก็มี ที่เป็นภายนอก
ตนก็มี ที่เป็นภายในตนและภายนอกตนก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๒๐] สังขารขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยจิต
สังขารขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นคันถะก็มี ที่ไม่เป็นคันถะก็มี

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.สงฺ.อ. ๑๙/๙๓

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๗๖ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
สังขารขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี
ที่มีธรรมภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี
ฯลฯ
สังขารขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
อุภโตวัฑฒกวาร จบ
พหุวิธวาร
สังขารขันธ์หมวดละ ๗ ได้แก่ สังขารขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี ที่
เป็นอัพยากฤตก็มี ที่เป็นกามาวจรก็มี ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่
ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๗ มีด้วยอาการอย่างนี้
สังขารขันธ์หมวดละ ๗ อีกหมวดหนึ่ง ได้แก่ สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วย
สุขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี ที่
เป็นกามาวจรก็มี ฯลฯ
สังขารขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่เป็นกามาวจรก็มี
ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
สังขารขันธ์หมวดละ ๗ มีด้วยอาการอย่างนี้
สังขารขันธ์หมวดละ ๒๔ ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย สังขารขันธ์
ที่เป็นกุศล ๑ ที่เป็นอกุศล ๑ ที่เป็นอัพยากฤต ๑ จึงมี
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๗๗ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย สังขารขันธ์ที่เป็นกุศล ๑ ที่เป็นอกุสล ๑ ที่เป็น
อัพยากฤต ๑ จึงมี
เจตนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เจตนาที่เกิดแต่มโนสัมผัส
สังขารขันธ์หมวดละ ๒๔ มีด้วยอาการอย่างนี้
สังขารขันธ์หมวดละ ๒๔ อีกหมวดหนึ่ง ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย
สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ๑ ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนา ๑ ที่สัมปยุต
ด้วยอทุกขมสุขเวทนา ๑ จึงมี
ฯลฯ
สังขารขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี
เจตนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เจตนาที่เกิดแต่มโนสัมผัส
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ๑ จึงมี
ฯลฯ
สังขารขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี
เจตนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เจตนาที่เกิดแต่มโนสัมผัส
สังขารขันธ์หมวดละ ๒๔ มีด้วยอาการอย่างนี้
สังขารขันธ์หมวดละ ๓๐ ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย สังขารขันธ์
ที่เป็นกามาวจร ๑ ที่เป็นรูปาวจร ๑ ที่เป็นอรูปาวจร ๑ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์
๑ จึงมี
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๗๘ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๔.สังขารขันธ์
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย สังขารขันธ์ที่เป็น
กามาวจร ๑ ที่เป็นรูปาวจร ๑ ที่เป็นอรูปาวจร ๑ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ ๑ จึงมี
เจตนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เจตนาที่เกิดแต่มโนสัมผัส
สังขารขันธ์หมวดละ ๓๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
สังขารขันธ์หมวดละมากอย่าง ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย สังขาร-
ขันธ์ที่เป็นกุศล ๑ ที่เป็นอกุศล ๑ ที่เป็นอัพยากฤต ๑ ที่เป็นกามาวจร ๑ ที่เป็น
รูปาวจร ๑ ที่เป็นอรูปาวจร ๑ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ ๑ จึงมี
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย สังขารขันธ์ที่เป็นกุศล ๑ ที่เป็นอกุศล ๑ ที่เป็น
อัพยากฤต ๑ ที่เป็นกามาวจร ๑ ที่เป็นรูปาวจร ๑ ที่เป็นอรูปาวจร ๑ ที่ไม่นับ
เนื่องในวัฏฏทุกข์ ๑ จึงมี
เจตนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เจตนาที่เกิดแต่มโนสัมผัส
สังขารขันธ์หมวดละมากอย่างมีด้วยอาการอย่างนี้
สังขารขันธ์หมวดละมากอย่าง อีกหมวดหนึ่ง ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็น
ปัจจัย สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ๑ ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนา ๑ ที่
สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ๑ จึงมี
ฯลฯ
สังขารขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่เป็นกามาวจรก็มี
ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๗๙ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ๑ ฯลฯ
สังขารขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็นอารมณ์
ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่เป็นกามาวจรก็มี ที่เป็น
รูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
เจตนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ เจตนาที่เกิดแต่มโนสัมผัส
สังขารขันธ์หมวดละมากอย่างมีด้วยอาการอย่างนี้
นี้เรียกว่า สังขารขันธ์
พหุวิธวาร จบ
๕. วิญญาณขันธ์
ทุกมูลกวาร
[๑๒๑] บรรดาขันธ์ ๕ นั้น วิญญาณขันธ์ เป็นไฉน
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่มีเหตุก็มี ที่ไม่มีเหตุก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศล
ก็มี ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๔ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นกามาวจรก็มี ที่เป็น
รูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๕ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขินทรีย์ก็มี
ที่สัมปยุตด้วยทุกขินทรีย์ก็มี ที่สัมปยุตด้วยโสมนัสสินทรีย์ก็มี ที่สัมปยุตด้วย
โทมนัสสินทรีย์ก็มี ที่สัมปยุตด้วยอุเปกขินทรีย์ก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๕ มีด้วยอาการอย่างนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๘๐ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๖ ได้แก่ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ
ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ และมโนวิญญาณ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๖ มีด้วยอาการอย่างนี้
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๗ ได้แก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายวิญญาณ มโนธาตุ
และมโนวิญญาณธาตุ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๗ มีด้วยอาการอย่างนี้
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๘ ได้แก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายวิญญาณ ที่สหรคต
ด้วยสุขก็มี ที่สหรคตด้วยทุกข์ก็มี มโนธาตุ และมโนวิญญาณธาตุ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๘ มีด้วยอาการอย่างนี้
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๙ ได้แก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายวิญญาณ
มโนธาตุ และมโนวิญญาณธาตุ ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๙ มีด้วยอาการอย่างนี้
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ ได้แก่ จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายวิญญาณ ที่
สหรคตด้วยสุขก็มี ที่สหรคตด้วยทุกข์ก็มี มโนธาตุ และมโนวิญญาณธาตุ ที่เป็น
กุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๒๒] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่มีเหตุก็มี ที่ไม่มีเหตุก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี ที่
สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นวิบากก็มี ที่เป็นเหตุให้เกิดวิบากก็มี ที่ไม่เป็นวิบากและไม่
เป็นเหตุให้เกิดวิบากก็มี
วิญญาณขันธ์ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของ
อุปาทานก็มี ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของ
อุปาทานก็มี ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือและไม่เป็นอารมณ์ของ
อุปาทานก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๘๑ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
วิญญาณขันธ์ที่กิเลสทำให้เศร้าหมองและเป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่กิเลสไม่
ทำให้เศร้าหมองแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองและไม่เป็น
อารมณ์ของกิเลสก็มี
วิญญาณขันธ์ที่มีทั้งวิตกและวิจารก็มี ที่ไม่มีวิตกมีเพียงวิจารก็มี ที่ไม่มีทั้ง
วิตกและวิจารก็มี
วิญญาณขันธ์ที่สหรคตด้วยปีติก็มี ที่สหรคตด้วยสุขก็มี ที่สหรคตด้วยอุเบกขา
ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ที่ต้องประหาณด้วยมรรค
เบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ที่มีเหตุต้อง
ประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและ
มรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นเหตุให้ถึงปฏิสนธิและจุติก็มี ที่เป็นเหตุให้ถึงนิพพานก็มี
ที่ไม่เป็นเหตุให้ถึงปฏิสนธิ จุติ และนิพพานก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นของเสขบุคคลก็มี ที่เป็นของอเสขบุคคลก็มี ที่ไม่เป็นของ
เสขบุคคลและอเสขบุคคลก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นปริตตะก็มี ที่เป็นมหัคคตะก็มี ที่เป็นอัปปมาณะก็มี
วิญญาณขันธ์ที่มีปริตตะเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีมหัคคตะเป็นอารมณ์ก็มี ที่มี
อัปปมาณะเป็นอารมณ์ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นชั้นต่ำก็มี ที่เป็นชั้นกลางก็มี ที่เป็นชั้นประณีตก็มี
วิญญาณขันธ์ที่มีสภาวะผิดและให้ผลแน่นอนก็มี ที่มีสภาวะชอบและให้ผล
แน่นอนก็มี ที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นก็มี
วิญญาณขันธ์ที่มีมรรคเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีมรรคเป็นเหตุก็มี ที่มีมรรคเป็น
อธิบดีก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เกิดขึ้นก็มี ที่ยังไม่เกิดขึ้นก็มี ที่จักเกิดขึ้นแน่นอนก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นอดีตก็มี ที่เป็นอนาคตก็มี ที่เป็นปัจจุบันก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๘๒ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
วิญญาณขันธ์ที่มีอดีตธรรมเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีอนาคตธรรมเป็นอารมณ์ก็มี
ที่มีปัจจุบันธรรมเป็นอารมณ์ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นภายในตนก็มี ที่เป็นภายนอกตนก็มี ที่เป็นภายในตนและ
ภายนอกตนก็มี
วิญญาณขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๒๓] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยเหตุก็มี ที่
วิปปยุตจากเหตุก็มี
วิญญาณขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุก็มี ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นโลกิยะก็มี ที่เป็นโลกุตตระก็มี
วิญญาณขันธ์ที่จิตบางดวงรู้ได้ก็มี ที่จิตบางดวงรู้ไม่ได้ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี
วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยอาสวะก็มี ที่วิปปยุตจากอาสวะก็มี
วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากอาสวะแต่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี ที่วิปปยุตจาก
อาสวะและไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ก็มี ที่วิปปยุตจากสังโยชน์ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากสังโยชน์แต่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี ที่วิปปยุต
จากสังโยชน์และไม่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี
วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะก็มี ที่วิปปยุตจากคันถะก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๘๓ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากคันถะแต่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี ที่วิปปยุตจาก
คันถะและไม่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของโอฆะก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของโอฆะก็มี
วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยโอฆะก็มี ที่วิปปยุตจากโอฆะก็มี
วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากโอฆะแต่เป็นอารมณ์ของโอฆะก็มี ที่วิปปยุตจาก
โอฆะและไม่เป็นอารมณ์ของโอฆะก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของโยคะก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของโยคะก็มี
วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยโยคะก็มี ที่วิปปยุตจากโยคะก็มี
วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากโยคะแต่เป็นอารมณ์ของโยคะก็มี ที่วิปปยุตจาก
โยคะและไม่เป็นอารมณ์ของโยคะก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยนิวรณ์ก็มี ที่วิปปยุตจากนิวรณ์ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากนิวรณ์แต่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี ที่วิปปยุตจาก
นิวรณ์และไม่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี
วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยปรามาสก็มี ที่วิปปยุตจากปรามาสก็มี
วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากปรามาสแต่เป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี ที่วิปปยุต
จากปรามาสและไม่เป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี
วิญญาณขันธ์ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือก็มี ที่กรรมอัน
ประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี
วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยอุปาทานก็มี ที่วิปปยุตจากอุปาทานก็มี
วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากอุปาทานแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี ที่วิปปยุต
จากอุปาทานและไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่ไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี
วิญญาณขันธ์ที่กิเลสทำให้เศร้าหมองก็มี ที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๘๔ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยกิเลสก็มี ที่วิปปยุตจากกิเลสก็มี
วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากกิเลสแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่วิปปยุตจาก
กิเลสและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี
วิญญาณขันธ์ที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ที่ไม่ต้องประหาณด้วย
โสดาปัตติมรรคก็มี
วิญญาณขันธ์ที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่ต้องประหาณด้วย
มรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ที่ไม่มีเหตุต้อง
ประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี
วิญญาณขันธ์ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่มีเหตุต้อง
ประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่มีวิตกก็มี ที่ไม่มีวิตกก็มี
วิญญาณขันธ์ที่มีวิจารก็มี ที่ไม่มีวิจารก็มี
วิญญาณขันธ์ที่มีปีติก็มี ที่ไม่มีปีติก็มี
วิญญาณขันธ์ที่สหรคตด้วยปีติก็มี ที่ไม่สหรคตด้วยปีติก็มี
วิญญาณขันธ์ที่สหรคตด้วยสุขก็มี ที่ไม่สหรคตด้วยสุขก็มี
วิญญาณขันธ์ที่สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี ที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นกามาวจรก็มี ที่ไม่เป็นกามาวจรก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่ไม่เป็นรูปาวจรก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่เป็นอรูปาวจรก็มี
วิญญาณขันธ์ที่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ก็มี ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจาก
วัฏฏทุกข์ก็มี
วิญญาณขันธ์ที่ให้ผลแน่นอนก็มี ที่ให้ผลไม่แน่นอนก็มี
วิญญาณขันธ์ที่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าก็มี ที่ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี ที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๘๕ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศล
ก็มี ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๒๔] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี
ที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี
ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นวิบากก็มี ฯลฯ
วิญญาณขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
ทุกมูลกวาร จบ
ติกมูลกวาร
[๑๒๕] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่มีเหตุก็มี ที่ไม่มีเหตุก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี
ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๒๖] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยเหตุก็มี ที่
วิปปยุตจากเหตุก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๘๖ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี ที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี
ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๒๗] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่มีเหตุก็มี ที่ไม่มีเหตุก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี ที่
สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี
วิญญาณขันธ์ที่เป็นวิบากก็มี ฯลฯ
วิญญาณขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๒๘] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยเหตุก็มี ที่
วิปปยุตจากเหตุก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี ที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์
ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
ติกมูลกวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๘๗ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
อุภโตวัฑฒกวาร
[๑๒๙] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่มีเหตุก็มี ที่ไม่มีเหตุก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศล
ก็มี ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๓๐] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยเหตุก็มี ที่
วิปปยุตจากเหตุก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี ที่
สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๓๑] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุก็มี ที่
ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นวิบากก็มี ที่เป็นเหตุ
ให้เกิดวิบากก็มี ที่ไม่เป็นวิบากและไม่เป็นเหตุให้เกิดวิบากก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๓๒] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นโลกิยะก็มี ที่เป็น
โลกุตตระก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๘๘ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหา
และทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและ
ทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและ
ทิฏฐิไม่ยึดถือและไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๓๓] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่จิตบางดวงรู้ได้ก็มี ที่จิต
บางดวงรู้ไม่ได้ก็มี๑
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่กิเลสทำให้เศร้าหมองและ
เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่
กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๓๔] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี
ที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่มีทั้งวิตกและวิจารก็มี ที่ไม่
มีวิตกมีเพียงวิจารก็มี ที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๓๕] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยอาสวะก็มี ที่
วิปปยุตจากอาสวะก็มี

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.สงฺ.อ. ๗-๑๓/๙๕,๑๑๐๑/๔๒๖

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๘๙ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สหรคตด้วยปีติก็มี ที่สหรคต
ด้วยสุขก็มี ที่สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๓๖] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากอาสวะแต่เป็น
อารมณ์ของอาสวะก็มี ที่วิปปยุตจากอาสวะและไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่ต้องประหาณด้วยโสดา-
ปัตติมรรคก็มี ที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่ต้องประหาณด้วย
โสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๓๗] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี
ที่ไม่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่มีเหตุต้องประหาณด้วย
โสดาปัตติมรรคก็มี ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่มีเหตุต้อง
ประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๓๘] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ก็มี ที่
วิปปยุตจากสังโยชน์ก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๙๐ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นเหตุให้ถึงปฏิสนธิและจุติ
ก็มี ที่เป็นเหตุให้ถึงนิพพานก็มี ที่ไม่เป็นเหตุให้ถึงปฏิสนธิ จุติ และนิพพานก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๓๙] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากสังโยชน์แต่เป็น
อารมณ์ของสังโยชน์ก็มี ที่วิปปยุตจากสังโยชน์และไม่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นของเสขบุคคลก็มี ที่เป็น
ของอเสขบุคคลก็มี ที่ไม่เป็นของเสขบุคคลและอเสขบุคคลก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๔๐] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี
ที่ไม่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นปริตตะก็มี ที่เป็นมหัคคตะ
ก็มี ที่เป็นอัปปมาณะก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๔๑] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยคันถะก็มี๑ ที่
วิปปยุตจากคันถะก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่มีปริตตะเป็นอารมณ์ก็มี ที่มี
มหัคคตะเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีอัปปมาณะเป็นอารมณ์ก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้

เชิงอรรถ :
๑ ดู คันถะ ๔ ข้อ ๙๓๘ หน้า ๕๘๗

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๙๑ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
[๑๔๒] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากคันถะแต่เป็น
อารมณ์ของคันถะก็มี ที่วิปปยุตจากคันถะและไม่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นชั้นต่ำก็มี ที่เป็นชั้นกลาง
ก็มี ที่เป็นชั้นประณีตก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๔๓] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของโอฆะก็มี๑
ที่ไม่เป็นอารมณ์ของโอฆะก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่มีสภาวะผิดและให้ผลแน่นอน
ก็มี ที่มีสภาวะชอบและให้ผลแน่นอนก็มี ที่ไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้นก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๔๔] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยโอฆะก็มี ที่
วิปปยุตจากโอฆะก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่มีมรรคเป็นอารมณ์ก็มี ที่
มีมรรคเป็นเหตุก็มี ที่มีมรรคเป็นอธิบดีก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๔๕] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากโอฆะแต่เป็น
อารมณ์ของโอฆะก็มี ที่วิปปยุตจากโอฆะและไม่เป็นอารมณ์ของโอฆะก็มี

เชิงอรรถ :
๑ ดู โอฆะ ๔ ข้อ ๙๓๘ หน้า ๕๘๘

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๙๒ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เกิดขึ้นก็มี ที่ยังไม่เกิดขึ้นก็มี
ที่จักเกิดขึ้นแน่นอนก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๔๖] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของโยคะก็มี
ที่ไม่เป็นอารมณ์ของโยคะก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นอดีตก็มี ที่เป็นอนาคต
ก็มี ที่เป็นปัจจุบันก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๔๗] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยโยคะก็มี ที่
วิปปยุตจากโยคะก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่มีอดีตธรรมเป็นอารมณ์ก็มี
ที่มีอนาคตธรรมเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีปัจจุบันธรรมเป็นอารมณ์ก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
[๑๔๘] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่วิปปยุตจากโยคะแต่เป็น
อารมณ์ของโยคะก็มี ที่วิปปยุตจากโยคะและไม่เป็นอารมณ์ของโยคะก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นภายในตนก็มี ที่เป็น
ภายนอกตนก็มี ที่เป็นภายในตนและภายนอกตนก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๙๓ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
[๑๔๙] วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี
ที่ไม่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์
ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๑๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
อุภโตวัฑฒกวาร จบ
พหุวิธวาร
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๗ ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี
ที่เป็นอัพยากฤตก็มี ที่เป็นกามาวจรก็มี ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่
นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๗ มีด้วยอาการอย่างนี้
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๗ อีกหมวดหนึ่ง ได้แก่ วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วย
สุขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี ที่
เป็นกามาวจรก็มี ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์
ก็มี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่เป็นกามาวจรก็มี
ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๗ มีด้วยอาการอย่างนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๙๔ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒๔ ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย วิญญาณขันธ์
ที่เป็นกุศล ๑ ที่เป็นอกุศล ๑ ที่เป็นอัพยากฤต ๑ จึงมี
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย วิญญาณขันธ์ที่เป็นกุศล ๑ ที่เป็นอกุศล ๑ ที่
เป็นอัพยากฤต ๑ จึงมี
จักขุวิญญาณ ฯลฯ มโนวิญญาณ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒๔ มีด้วยอาการอย่างนี้
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒๔ อีกหมวดหนึ่ง ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย
วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ๑ ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนา ๑ ที่สัมปยุต
ด้วยอทุกขมสุขเวทนา ๑ จึงมี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี
จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายวิญญาณ และมโนวิญญาณ
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย วิญญาณขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ ๑
ที่มีธรรมภายนอกตนเป็นอารมณ์ ๑ ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็น
อารมณ์ ๑ จึงมี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๙๕ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
จักขุวิญญาณ ฯลฯ มโนวิญญาณ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๒๔ มีด้วยอาการอย่างนี้
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓๐ ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย วิญญาณขันธ์
ที่เป็นกามาวจร ๑ ที่เป็นรูปาวจร ๑ ที่เป็นอรูปาวจร ๑ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ ๑
จึงมี
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย วิญญาณขันธ์ที่เป็นกามาวจร ๑ ที่เป็นรูปาวจร ๑
ที่เป็นอรูปาวจร ๑ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ ๑ จึงมี
จักขุวิญญาณ ฯลฯ มโนวิญญาณ
วิญญาณขันธ์หมวดละ ๓๐ มีด้วยอาการอย่างนี้
วิญญาณขันธ์หมวดละมากอย่าง ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย วิญญาณ-
ขันธ์ที่เป็นกุศล ๑ ที่เป็นอกุศล ๑ ที่เป็นอัพยากฤต ๑ ที่เป็นกามาวจร ๑ ที่เป็น
รูปาวจร ๑ ที่เป็นอรูปาวจร ๑ ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ ๑ จึงมี
จักขุวิญญาณ ฯลฯ มโนวิญญาณ
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย วิญญาณขันธ์ที่เป็นกุศล ๑ ที่เป็นอกุศล ๑ ที่เป็น
อัพยากฤต ๑ ที่เป็นกามาวจร ๑ ที่เป็นรูปาวจร ๑ ที่เป็นอรูปาวจร ๑ ที่ไม่นับ
เนื่องในวัฏฏทุกข์ ๑ จึงมี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๙๖ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์ ๕.วิญญาณขันธ์
จักขุวิญญาณ ฯลฯ มโนวิญญาณ
วิญญาณขันธ์หมวดละมากอย่างมีด้วยอาการอย่างนี้
วิญญาณขันธ์หมวดละมากอย่าง อีกหมวดหนึ่ง ได้แก่ เพราะจักขุสัมผัสเป็น
ปัจจัย วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ๑ ที่สัมปยุตด้วยทุกขเวทนา ๑ ที่
สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ๑ จึงมี
ฯลฯ
วิญญาณขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่เป็นกามาวจรก็มี
ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
เพราะโสตสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะฆานสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะชิวหาสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะกายสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย วิญญาณขันธ์ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนา ๑ ฯลฯ
วิญญาณขันธ์ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายนอกตนเป็น
อารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่เป็นกามาวจรก็มี
ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี
จักขุวิญญาณ ฯลฯ มโนวิญญาณ
วิญญาณขันธ์หมวดละมากอย่างมีด้วยอาการอย่างนี้
นี้เรียกว่า วิญญาณขันธ์
พหุวิธวาร จบ
อภิธรรมภาชนีย์ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๙๗ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๑.ติกมาติกาวิสัชนา
๓. ปัญหาปุจฉกะ
[๑๕๐] ขันธ์ ๕ คือ
๑. รูปขันธ์
๒. เวทนาขันธ์
๓. สัญญาขันธ์
๔. สังขารขันธ์
๕. วิญญาณขันธ์
ติกมาติกาปุจฉา ทุกมาติกาปุจฉา
[๑๕๑] บรรดาขันธ์ ๕ ขันธ์เท่าไรเป็นกุศล เท่าไรเป็นอกุศล เท่าไรเป็น
อัพยากฤต ฯลฯ เท่าไรเป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ เท่าไรไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้
๑. ติกมาติกาวิสัชนา
๑. กุสลติกวิสัชนา
[๑๕๒] รูปขันธ์เป็นอัพยากฤต ขันธ์ ๔ ที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี ที่
เป็นอัพยากฤตก็มี
๒. เวทนาติกวิสัชนา
ขันธ์ ๒ กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยสุขเวทนา สัมปยุตด้วยทุกขเวทนา หรือ
สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนา ขันธ์ ๓ ที่สัมปยุตด้วยสุขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วย
ทุกขเวทนาก็มี ที่สัมปยุตด้วยอทุกขมสุขเวทนาก็มี
๓. วิปากติกวิสัชนา
รูปขันธ์ไม่เป็นวิบากและไม่เป็นเหตุให้เกิดวิบาก ขันธ์ ๔ ที่เป็นวิบากก็มี ที่
เป็นเหตุให้เกิดวิบากก็มี ที่ไม่เป็นวิบากและไม่เป็นเหตุให้เกิดวิบากก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๙๘ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๑.ติกมาติกาวิสัชนา
๔. อุปาทินนติกวิสัชนา
รูปขันธ์ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของ
อุปาทานก็มี ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของ
อุปาทานก็มี ขันธ์ ๔ ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์
ของอุปาทานก็มี ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของ
อุปาทานก็มี ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือและไม่เป็นอารมณ์ของ
อุปาทานก็มี
๕. สังกิลิฏฐติกวิสัชนา
รูปขันธ์กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองแต่เป็นอารมณ์ของกิเลส ขันธ์ ๔ ที่กิเลส
ทำให้เศร้าหมองและเป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองแต่เป็น
อารมณ์ของกิเลสก็มี ที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี
๖. สวิตักกติกวิสัชนา
รูปขันธ์ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ขันธ์ ๓ ที่มีทั้งวิตกและวิจารก็มี ที่ไม่มีวิตกมี
เพียงวิจารก็มี ที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารก็มี สังขารขันธ์ที่มีทั้งวิตกและวิจารก็มี ที่ไม่มี
วิตกมีเพียงวิจารก็มี ที่ไม่มีทั้งวิตกและวิจารก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า มีทั้งวิตกและวิจาร
ไม่มีวิตกมีเพียงวิจาร หรือไม่มีทั้งวิตกและวิจารก็มี
๗. ปีติติกวิสัชนา
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า สหรคตด้วยปีติ สหรคตด้วยสุข หรือสหรคตด้วยอุเบกขา
เวทนาขันธ์ที่สหรคตด้วยปีติแต่ไม่สหรคตด้วยสุขและไม่สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี ที่
กล่าวไม่ได้ว่า สหรคตด้วยปีติก็มี ขันธ์ ๓ ที่สหรคตด้วยปีติก็มี ที่สหรคตด้วยสุขก็มี
ที่สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี แต่กล่าวไม่ได้ว่า สหรคตด้วยปีติ สหรคตด้วยสุข หรือ
สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี
๘. ทัสสนติกวิสัชนา
รูปขันธ์ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน ๓ ขันธ์ ๔ ที่
ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ที่
ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๙๙ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๑.ติกมาติกาวิสัชนา
๙. ทัสสนเหตุติกวิสัชนา
รูปขันธ์ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน ๓ ขันธ์ ๔
ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน
๓ ก็มี ที่ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
๑๐. อาจยคามิติกวิสัชนา
รูปขันธ์ไม่เป็นเหตุให้ถึงปฏิสนธิ จุติ และนิพพาน ขันธ์ ๔ ที่เป็นเหตุให้ถึง
ปฏิสนธิและจุติก็มี ที่เป็นเหตุให้ถึงนิพพานก็มี ที่ไม่เป็นเหตุให้ถึงปฏิสนธิ จุติ และ
นิพพานก็มี
๑๑. เสกขติกวิสัชนา
รูปขันธ์ไม่เป็นของเสขบุคคลและอเสขบุคคล ขันธ์ ๔ ที่เป็นของเสขบุคคลก็มี
ที่เป็นของอเสขบุคคลก็มี ที่ไม่เป็นของเสขบุคคลและอเสขบุคคลก็มี
๑๒. ปริตตติกวิสัชนา
รูปขันธ์เป็นปริตตะ ขันธ์ ๔ ที่เป็นปริตตะก็มี ที่เป็นมหัคคตะก็มี ที่เป็น
อัปปมาณะก็มี
๑๓. ปริตตารัมมณติกวิสัชนา
รูปขันธ์รับรู้อารมณ์ไม่ได้ ขันธ์ ๔ ที่มีปริตตะเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีมหัคคตะ
เป็นอารมณ์ก็มี ที่มีอัปปมาณะเป็นอารมณ์ก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า มีปริตตะเป็นอารมณ์
มีมหัคคตะเป็นอารมณ์ หรือมีอัปปมาณะเป็นอารมณ์ก็มี
๑๔. หีนติกวิสัชนา
รูปขันธ์เป็นชั้นกลาง ขันธ์ ๔ ที่เป็นชั้นต่ำก็มี ที่เป็นชั้นกลางก็มี ที่เป็นชั้น
ประณีตก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๐๐ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๑.ติกมาติกาวิสัชนา
๑๕. มิจฉัตตติกวิสัชนา
รูปขันธ์เป็นธรรมชาติไม่แน่นอนโดยอาการทั้งสองนั้น ขันธ์ ๔ ที่มีสภาวะผิด
และให้ผลแน่นอนก็มี ที่มีสภาวะชอบและให้ผลแน่นอนก็มี ที่เป็นธรรมชาติไม่แน่
นอนโดยอาการทั้งสองนั้นก็มี
๑๖. มัคคารัมมณติกวิสัชนา
รูปขันธ์รับรู้อารมณ์ไม่ได้ ขันธ์ ๔ ที่มีมรรคเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีมรรคเป็นเหตุ
ก็มี ที่มีมรรคเป็นอธิบดีก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า มีมรรคเป็นอารมณ์ มีมรรคเป็นเหตุ
หรือมีมรรคเป็นอธิบดีก็มี
๑๗. อุปปันนติกวิสัชนา
ขันธ์ ๕ ที่เกิดขึ้นก็มี ที่ยังไม่เกิดขึ้นก็มี ที่จักเกิดขึ้นแน่นอนก็มี
๑๘. อตีตติกวิสัชนา
ขันธ์ ๕ ที่เป็นอดีตก็มี ที่เป็นอนาคตก็มี ที่เป็นปัจจุบันก็มี
๑๙. อตีตารัมมณติกวิสัชนา
รูปขันธ์รับรู้อารมณ์ไม่ได้ ขันธ์ ๔ ที่มีอดีตธรรมเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีอนาคต
ธรรมเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีปัจจุบันธรรมเป็นอารมณ์ก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า มีอดีตธรรม
เป็นอารมณ์ มีอนาคตธรรมเป็นอารมณ์ หรือมีปัจจุบันธรรมเป็นอารมณ์ก็มี
๒๐. อัชฌัตตติกวิสัชนา
ขันธ์ ๕ ที่เป็นภายในตนก็มี ที่เป็นภายนอกตนก็มี ที่เป็นภายในตนและภาย
นอกตนก็มี
๒๑. อัชฌัตตารัมมณติกวิสัชนา
รูปขันธ์รับรู้อารมณ์ไม่ได้ ขันธ์ ๔ ที่มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรม
ภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่มีธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี ที่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๐๑ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๒.ทุกมาติกาวิสัชนา
กล่าวไม่ได้ว่า มีธรรมภายในตนเป็นอารมณ์ มีธรรมภายนอกตนเป็นอารมณ์ หรือมี
ธรรมภายในตนและภายนอกตนเป็นอารมณ์ก็มี
๒๒. สนิทัสสนติกวิสัชนา
ขันธ์ ๔ เห็นไม่ได้และกระทบไม่ได้ รูปขันธ์ที่เห็นได้และกระทบได้ก็มี ที่เห็นไม่
ได้แต่กระทบได้ก็มี ที่เห็นไม่ได้และกระทบไม่ได้ก็มี
๒. ทุกมาติกาวิสัชนา
๑. เหตุโคจฉกวิสัชนา
[๑๕๓] ขันธ์ ๔ ไม่เป็นเหตุ สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุก็มี ที่ไม่เป็นเหตุก็มี
รูปขันธ์ไม่มีเหตุ ขันธ์ ๔ ที่มีเหตุก็มี ที่ไม่มีเหตุก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากเหตุ ขันธ์ ๔ ที่สัมปยุตด้วยเหตุก็มี ที่วิปปยุตจากเหตุก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นเหตุและมีเหตุ หรือมีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุ ขันธ์ ๓
กล่าวไม่ได้ว่า เป็นเหตุและมีเหตุ ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า มีเหตุแต่
ไม่เป็นเหตุก็มี สังขารขันธ์ที่เป็นเหตุและมีเหตุก็มี ที่มีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุก็มี ที่กล่าว
ไม่ได้ว่า เป็นเหตุและมีเหตุ หรือมีเหตุแต่ไม่เป็นเหตุก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นเหตุและสัมปยุตด้วยเหตุ หรือสัมปยุตด้วยเหตุแต่ไม่
เป็นเหตุ ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นเหตุและสัมปยุตด้วยเหตุ ที่สัมปยุตด้วยเหตุแต่
ไม่เป็นเหตุก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยเหตุแต่ไม่เป็นเหตุก็มี สังขารขันธ์ที่เป็น
เหตุและสัมปยุตด้วยเหตุก็มี ที่สัมปยุตด้วยเหตุแต่ไม่เป็นเหตุก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า
เป็นเหตุและสัมปยุตด้วยเหตุ หรือสัมปยุตด้วยเหตุแต่ไม่เป็นเหตุก็มี
รูปขันธ์ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุ ขันธ์ ๓ ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุก็มี ที่ไม่เป็น
เหตุและไม่มีเหตุก็มี สังขารขันธ์ที่ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุก็มี ที่ไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุ
ก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า ไม่เป็นเหตุแต่มีเหตุ หรือไม่เป็นเหตุและไม่มีเหตุก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๐๒ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๒.ทุกมาติกาวิสัชนา
๒. จูฬันตรทุกวิสัชนา
ขันธ์ ๕ มีปัจจัยปรุงแต่ง ถูกปัจจัยปรุงแต่ง
ขันธ์ ๔ เห็นไม่ได้ รูปขันธ์ที่เห็นได้ก็มี ที่เห็นไม่ได้ก็มี
ขันธ์ ๔ กระทบไม่ได้ รูปขันธ์ที่กระทบได้ก็มี ที่กระทบไม่ได้ก็มี
รูปขันธ์เป็นรูป ขันธ์ ๔ ไม่เป็นรูป
รูปขันธ์เป็นโลกิยะ ขันธ์ ๔ ที่เป็นโลกิยะก็มี ที่เป็นโลกุตตระก็มี
ขันธ์ ๕ ที่จิตบางดวงรู้ได้ก็มี ที่จิตบางดวงรู้ไม่ได้ก็มี
๓. อาสวโคจฉกวิสัชนา
ขันธ์ ๔ ไม่เป็นอาสวะ สังขารขันธ์ที่เป็นอาสวะก็มี ที่ไม่เป็นอาสวะก็มี
รูปขันธ์เป็นอารมณ์ของอาสวะ ขันธ์ ๔ ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี ที่ไม่เป็น
อารมณ์ของอาสวะก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากอาสวะ ขันธ์ ๔ ที่สัมปยุตด้วยอาสวะก็มี ที่วิปปยุตจาก
อาสวะก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของอาสวะ หรือเป็นอารมณ์
ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะ ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของ
อาสวะ ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอารมณ์
ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะก็มี สังขารขันธ์ที่เป็นอาสวะและเป็นอารมณ์ของอาสวะ
ก็มี ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอาสวะและ
เป็นอารมณ์ของอาสวะ หรือเป็นอารมณ์ของอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอาสวะและสัมปยุตด้วยอาสวะ หรือสัมปยุตด้วย
อาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะ ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอาสวะและสัมปยุตด้วยอาสวะ ที่
สัมปยุตด้วยอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยอาสวะแต่ไม่
เป็นอาสวะก็มี สังขารขันธ์ที่เป็นอาสวะและสัมปยุตด้วยอาสวะก็มี ที่สัมปยุตด้วย
อาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอาสวะและสัมปยุตด้วยอาสวะ หรือ
สัมปยุตด้วยอาสวะแต่ไม่เป็นอาสวะก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากอาสวะแต่เป็นอารมณ์ของอาสวะ ขันธ์ ๔ ที่วิปปยุตจาก
อาสวะแต่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี ที่วิปปยุตจากอาสวะและไม่เป็นอารมณ์ของ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๐๓ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๒.ทุกมาติกาวิสัชนา
อาสวะก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า วิปปยุตจากอาสวะแต่เป็นอารมณ์ของอาสวะ หรือวิปปยุต
จากอาสวะและไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะก็มี
๔. สัญโญชนโคจฉกวิสัชนา
ขันธ์ ๔ ไม่เป็นสังโยชน์ สังขารขันธ์ที่เป็นสังโยชน์ก็มี ที่ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี
รูปขันธ์เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ ขันธ์ ๔ ที่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี ที่ไม่
เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากสังโยชน์ ขันธ์ ๔ ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์ก็มี ที่วิปปยุต
จากสังโยชน์ก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสังโยชน์และเป็นอารมณ์ของสังโยชน์ หรือเป็น
อารมณ์ของสังโยชน์แต่ไม่เป็นสังโยชน์ ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสังโยชน์และเป็น
อารมณ์ของสังโยชน์ ที่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์แต่ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า
เป็นอารมณ์ของสังโยชน์แต่ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี สังขารขันธ์ที่เป็นสังโยชน์และเป็น
อารมณ์ของสังโยชน์ก็มี ที่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์แต่ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี ที่กล่าว
ไม่ได้ว่า เป็นสังโยชน์และเป็นอารมณ์ของสังโยชน์ หรือเป็นอารมณ์ของสังโยชน์แต่
ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสังโยชน์และสัมปยุตด้วยสังโยชน์ หรือสัมปยุตด้วย
สังโยชน์แต่ไม่เป็นสังโยชน์ ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสังโยชน์และสัมปยุตด้วย
สังโยชน์ ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์แต่ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วย
สังโยชน์แต่ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี สังขารขันธ์ที่เป็นสังโยชน์และสัมปยุตด้วยสังโยชน์ก็มี
ที่สัมปยุตด้วยสังโยชน์แต่ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสังโยชน์และสัมปยุต
ด้วยสังโยชน์ หรือสัมปยุตด้วยสังโยชน์แต่ไม่เป็นสังโยชน์ก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากสังโยชน์แต่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ ขันธ์ ๔ ที่วิปปยุตจาก
สังโยชน์แต่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี ที่วิปปยุตจากสังโยชน์และไม่เป็นอารมณ์ของ
สังโยชน์ก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า วิปปยุตจากสังโยชน์แต่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ หรือ
วิปปยุตจากสังโยชน์และไม่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๐๔ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๒.ทุกมาติกาวิสัชนา
๕. คันถโคจฉกวิสัชนา
ขันธ์ ๔ ไม่เป็นคันถะ สังขารขันธ์ที่เป็นคันถะก็มี ที่ไม่เป็นคันถะก็มี
รูปขันธ์เป็นอารมณ์ของคันถะ ขันธ์ ๔ ที่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี ที่ไม่เป็น
อารมณ์ของคันถะก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากคันถะ ขันธ์ ๔ ที่สัมปยุตด้วยคันถะก็มี ที่วิปปยุตจาก
คันถะก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นคันถะและเป็นอารมณ์ของคันถะ หรือเป็นอารมณ์
ของคันถะแต่ไม่เป็นคันถะ ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นคันถะและเป็นอารมณ์ของคันถะ
ที่เป็นอารมณ์ของคันถะแต่ไม่เป็นคันถะก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอารมณ์ของคันถะแต่
ไม่เป็นคันถะก็มี สังขารขันธ์ที่เป็นคันถะและเป็นอารมณ์ของคันถะก็มี ที่เป็นอารมณ์
ของคันถะแต่ไม่เป็นคันถะก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นคันถะและเป็นอารมณ์ของคันถะ
หรือเป็นอารมณ์ของคันถะแต่ไม่เป็นคันถะก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นคันถะและสัมปยุตด้วยคันถะ หรือสัมปยุตด้วยคันถะ
แต่ไม่เป็นคันถะ ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นคันถะและสัมปยุตด้วยคันถะ ที่สัมปยุต
ด้วยคันถะแต่ไม่เป็นคันถะก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยคันถะแต่ไม่เป็นคันถะก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นคันถะและสัมปยุตด้วยคันถะก็มี ที่สัมปยุตด้วยคันถะแต่ไม่เป็น
คันถะก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นคันถะและสัมปยุตด้วยคันถะ หรือสัมปยุตด้วยคันถะ
แต่ไม่เป็นคันถะก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากคันถะแต่เป็นอารมณ์ของคันถะ ขันธ์ ๔ ที่วิปปยุตจาก
คันถะแต่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี ที่วิปปยุตจากคันถะ และไม่เป็นอารมณ์ของ
คันถะก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า วิปปยุตจากคันถะแต่เป็นอารมณ์ของคันถะ หรือวิปปยุต
จากคันถะและไม่เป็นอารมณ์ของคันถะก็มี
๖-๘. โอฆโคจฉกาทิวิสัชนา
ขันธ์ ๔ ไม่เป็นโอฆะ ฯลฯ ไม่เป็นโยคะ ฯลฯ ไม่เป็นนิวรณ์ สังขารขันธ์ที่
เป็นนิวรณ์ก็มี ที่ไม่เป็นนิวรณ์ก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๐๕ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๒.ทุกมาติกาวิสัชนา
รูปขันธ์เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ ขันธ์ ๔ ที่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี ที่ไม่
เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากนิวรณ์ ขันธ์ ๔ ที่สัมปยุตด้วยนิวรณ์ก็มี ที่วิปปยุตจาก
นิวรณ์ก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นนิวรณ์และเป็นอารมณ์ของนิวรณ์ หรือเป็นอารมณ์
ของนิวรณ์แต่ไม่เป็นนิวรณ์ ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นนิวรณ์และเป็นอารมณ์ของ
นิวรณ์ ที่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์แต่ไม่เป็นนิวรณ์ก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่าเป็นอารมณ์ของ
นิวรณ์แต่ไม่เป็นนิวรณ์ก็มี สังขารขันธ์ที่เป็นนิวรณ์และเป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี ที่
เป็นอารมณ์ของนิวรณ์แต่ไม่เป็นนิวรณ์ก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นนิวรณ์และเป็นอารมณ์
ของนิวรณ์ หรือเป็นอารมณ์ของนิวรณ์แต่ไม่เป็นนิวรณ์ก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นนิวรณ์และสัมปยุตด้วยนิวรณ์ หรือสัมปยุตด้วย
นิวรณ์แต่ไม่เป็นนิวรณ์ ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นนิวรณ์และสัมปยุตด้วยนิวรณ์ ที่
สัมปยุตด้วยนิวรณ์แต่ไม่เป็นนิวรณ์ก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยนิวรณ์แต่ไม่เป็น
นิวรณ์ก็มี สังขารขันธ์ที่เป็นนิวรณ์และสัมปยุตด้วยนิวรณ์ก็มี ที่สัมปยุตด้วยนิวรณ์แต่
ไม่เป็นนิวรณ์ก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นนิวรณ์และสัมปยุตด้วยนิวรณ์ หรือสัมปยุตด้วย
นิวรณ์แต่ไม่เป็นนิวรณ์ก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากนิวรณ์แต่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ ขันธ์ ๔ ที่วิปปยุตจาก
นิวรณ์แต่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี ที่วิปปยุตจากนิวรณ์และไม่เป็นอารมณ์ของ
นิวรณ์ก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า วิปปยุตจากนิวรณ์แต่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ หรือวิปปยุต
จากนิวรณ์และไม่เป็นอารมณ์ของนิวรณ์ก็มี
๙. ปรามาสโคจฉกวิสัชนา
ขันธ์ ๔ ไม่เป็นปรามาส สังขารขันธ์ที่เป็นปรามาสก็มี ที่ไม่เป็นปรามาสก็มี
รูปขันธ์เป็นอารมณ์ของปรามาส ขันธ์ ๔ ที่เป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี ที่ไม่
เป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากปรามาส ขันธ์ ๓ ที่สัมปยุตด้วยปรามาสก็มี ที่วิปปยุต
จากปรามาสก็มี สังขารขันธ์ที่สัมปยุตด้วยปรามาสก็มี ที่วิปปยุตจากปรามาสก็มี
ที่กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยปรามาส หรือวิปปยุตจากปรามาสก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๐๖ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๒.ทุกมาติกาวิสัชนา
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นปรามาสและเป็นอารมณ์ของปรามาส หรือเป็น
อารมณ์ของปรามาสแต่ไม่เป็นปรามาส ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นปรามาสและ
เป็นอารมณ์ของปรามาส ที่เป็นอารมณ์ของปรามาสแต่ไม่เป็นปรามาสก็มี ที่กล่าว
ไม่ได้ว่า เป็นอารมณ์ของปรามาสแต่ไม่เป็นปรามาสก็มี สังขารขันธ์ที่เป็นปรามาส
และเป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี ที่เป็นอารมณ์ของปรามาสแต่ไม่เป็นปรามาสก็มี
ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นปรามาสและเป็นอารมณ์ของปรามาส หรือเป็นอารมณ์ของ
ปรามาสแต่ไม่เป็นปรามาสก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากปรามาสแต่เป็นอารมณ์ของปรามาส ขันธ์ ๔ ที่วิปปยุต
จากปรามาสแต่เป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี ที่วิปปยุตจากปรามาสและไม่เป็น
อารมณ์ของปรามาสก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า วิปปยุตจากปรามาสแต่เป็นอารมณ์ของ
ปรามาส หรือวิปปยุตจากปรามาสและไม่เป็นอารมณ์ของปรามาสก็มี
๑๐. ปิฏฐิทุกะ
รูปขันธ์รับรู้อารมณ์ไม่ได้ ขันธ์ ๔ รับรู้อารมณ์ได้
วิญญาณขันธ์เป็นจิต ขันธ์ ๔ ไม่เป็นจิต
ขันธ์ ๓ เป็นเจตสิก ขันธ์ ๒ ไม่เป็นเจตสิก
ขันธ์ ๓ สัมปยุตด้วยจิต รูปขันธ์วิปปยุตจากจิต วิญญาณขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า
สัมปยุตด้วยจิต หรือวิปปยุตจากจิต
ขันธ์ ๓ ระคนกับจิต รูปขันธ์ไม่ระคนกับจิต วิญญาณขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า
ระคนกับจิต หรือไม่ระคนกับจิต
ขันธ์ ๓ มีจิตเป็นสมุฏฐาน วิญญาณขันธ์ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน รูปขันธ์ที่มีจิต
เป็นสมุฏฐานก็มี ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานก็มี
ขันธ์ ๓ เกิดพร้อมกับจิต วิญญาณขันธ์ไม่เกิดพร้อมกับจิต รูปขันธ์ที่เกิด
พร้อมกับจิตก็มี ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตก็มี
ขันธ์ ๓ เป็นไปตามจิต วิญญาณขันธ์ไม่เป็นไปตามจิต รูปขันธ์ที่เป็นไปตามจิต
ก็มี ที่ไม่เป็นไปตามจิตก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๐๗ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๒.ทุกมาติกาวิสัชนา
ขันธ์ ๓ ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐาน ขันธ์ ๒ ไม่ระคนกับจิตและมีจิต
เป็นสมุฏฐาน
ขันธ์ ๓ ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและเกิดพร้อมกับจิต ขันธ์ ๒ ไม่ระคน
กับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและเกิดพร้อมกับจิต
ขันธ์ ๓ ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและเป็นไปตามจิต ขันธ์ ๒ ไม่ระคน
กับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและเป็นไปตามจิต
๑๑. อุปาทานโคจฉกะ
วิญญาณขันธ์เป็นภายใน ขันธ์ ๓ เป็นภายนอก รูปขันธ์ที่เป็นภายในก็มี ที่
เป็นภายนอกก็มี
ขันธ์ ๔ ไม่เป็นอุปาทายรูป รูปขันธ์ที่เป็นอุปาทายรูปก็มี ที่ไม่เป็นอุปาทายรูป
ก็มี
ขันธ์ ๕ ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือก็มี ที่กรรมอัน
ประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือก็มี
ขันธ์ ๔ ไม่เป็นอุปาทาน สังขารขันธ์ที่เป็นอุปาทานก็มี ที่ไม่เป็นอุปาทานก็มี
รูปขันธ์เป็นอารมณ์ของอุปาทาน ขันธ์ ๔ ที่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี ที่
ไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากอุปาทาน ขันธ์ ๔ ที่สัมปยุตด้วยอุปาทานก็มี ที่วิปปยุต
จากอุปาทานก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานและเป็นอารมณ์ของอุปาทาน หรือเป็น
อารมณ์ของอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทาน ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานและ
เป็นอารมณ์ของอุปาทาน ที่เป็นอารมณ์ของอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี ที่กล่าว
ไม่ได้ว่า เป็นอารมณ์ของอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี สังขารขันธ์ที่เป็นอุปาทาน
และเป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี ที่เป็นอารมณ์ของอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี
ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานและเป็นอารมณ์ของอุปาทาน หรือเป็นอารมณ์ของ
อุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๐๘ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๒.ทุกมาติกาวิสัชนา
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทาน หรือสัมปยุตด้วย
อุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทาน ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วย
อุปาทาน ที่สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วย
อุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี สังขารขันธ์ที่เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทาน
ก็มี ที่สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานและ
สัมปยุตด้วยอุปาทาน หรือสัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากอุปาทานแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน ขันธ์ ๔ ที่วิปปยุต
จากอุปาทานแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี ที่วิปปยุตจากอุปาทานและไม่เป็น
อารมณ์ของอุปาทานก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า วิปปยุตจากอุปาทานแต่เป็นอารมณ์ของ
อุปาทาน หรือวิปปยุตจากอุปาทานและไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี
๑๒. กิเลสโคจฉกะ
ขันธ์ ๔ ไม่เป็นกิเลส สังขารขันธ์ที่เป็นกิเลสก็มี ที่ไม่เป็นกิเลสก็มี
รูปขันธ์เป็นอารมณ์ของกิเลส ขันธ์ ๔ ที่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่ไม่เป็น
อารมณ์ของกิเลสก็มี
รูปขันธ์กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมอง ขันธ์ ๔ ที่กิเลสทำให้เศร้าหมองก็มี ที่กิเลส
ไม่ทำให้เศร้าหมองก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากกิเลส ขันธ์ ๔ ที่สัมปยุตด้วยกิเลสก็มี ที่วิปปยุตจาก
กิเลสก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและเป็นอารมณ์ของกิเลส หรือเป็นอารมณ์ของ
กิเลสแต่ไม่เป็นกิเลส ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและเป็นอารมณ์ของกิเลส ที่
เป็นอารมณ์ของกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอารมณ์ของกิเลสแต่ไม่
เป็นกิเลสก็มี สังขารขันธ์ที่เป็นกิเลสและเป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่เป็นอารมณ์
ของกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและเป็นอารมณ์ของกิเลส
หรือเป็นอารมณ์ของกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและกิเลสทำให้เศร้าหมอง หรือกิเลสทำให้
เศร้าหมองแต่ไม่เป็นกิเลส ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและกิเลสทำให้เศร้าหมอง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๐๙ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๒.ทุกมาติกาวิสัชนา
ที่กิเลสทำให้เศร้าหมองแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า กิเลสทำให้เศร้าหมองแต่
ไม่เป็นกิเลสก็มี สังขารขันธ์ที่เป็นกิเลสและกิเลสทำให้เศร้าหมองก็มี ที่กิเลสทำให้
เศร้าหมองแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและกิเลสทำให้เศร้าหมอง
หรือกิเลสทำให้เศร้าหมองแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี
รูปขันธ์กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลส หรือสัมปยุตด้วยกิเลส
แต่ไม่เป็นกิเลส ขันธ์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลส ที่สัมปยุต
ด้วยกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี
สังขารขันธ์ที่เป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลสก็มี ที่สัมปยุตด้วยกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลส
ก็มี ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลส หรือสัมปยุตด้วยกิเลสแต่ไม่
เป็นกิเลสก็มี
รูปขันธ์วิปปยุตจากกิเลสแต่เป็นอารมณ์ของกิเลส ขันธ์ ๔ ที่วิปปยุตจากกิเลส
แต่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่วิปปยุตจากกิเลสและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี ที่
กล่าวไม่ได้ว่า วิปปยุตจากกิเลสแต่เป็นอารมณ์ของกิเลส หรือวิปปยุตจากกิเลสและ
ไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี
๑๓. มหันตรทุกวิสัชนา
รูปขันธ์ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค ขันธ์ ๔ ที่ต้องประหาณด้วย
โสดาปัตติมรรคก็มี ที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี
รูปขันธ์ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ขันธ์ ๔ ที่ต้องประหาณด้วย
มรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
รูปขันธ์ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค ขันธ์ ๔ ที่มีเหตุต้อง
ประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี ที่ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี
รูปขันธ์ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ขันธ์ ๔ ที่มีเหตุต้อง
ประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี ที่ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี
รูปขันธ์ไม่มีวิตก ขันธ์ ๔ ที่มีวิตกก็มี ที่ไม่มีวิตกก็มี
รูปขันธ์ไม่มีวิจาร ขันธ์ ๔ ที่มีวิจารก็มี ที่ไม่มีวิจารก็มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๑๐ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๑.ขันธวิภังค์] ๓.ปัญหาปุจฉกะ ๒.ทุกมาติกาวิสัชนา
รูปขันธ์ไม่มีปีติ ขันธ์ ๔ ที่มีปีติก็มี ที่ไม่มีปีติก็มี
รูปขันธ์ไม่สหรคตด้วยปีติ ขันธ์ ๔ ที่สหรคตด้วยปีติก็มี ที่ไม่สหรคตด้วย
ปีติก็มี
ขันธ์ ๒ ไม่สหรคตด้วยสุข ขันธ์ ๓ ที่สหรคตด้วยสุขก็มี ที่ไม่สหรคตด้วย
สุขก็มี
ขันธ์ ๒ ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา ขันธ์ ๓ ที่สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี ที่ไม่
สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี
รูปขันธ์เป็นกามาวจร ขันธ์ ๔ ที่เป็นกามาวจรก็มี ที่ไม่เป็นกามาวจรก็มี
รูปขันธ์ไม่เป็นรูปาวจร ขันธ์ ๔ ที่เป็นรูปาวจรก็มี ที่ไม่เป็นรูปาวจรก็มี
รูปขันธ์ไม่เป็นอรูปาวจร ขันธ์ ๔ ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่เป็นอรูปาวจรก็มี
รูปขันธ์นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ ขันธ์ ๔ ที่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี ที่ไม่นับเนื่อง
ในวัฏฏทุกข์ก็มี
รูปขันธ์ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ ขันธ์ ๔ ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์
ก็มี ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ก็มี
รูปขันธ์เป็นธรรมชาติไม่แน่นอน๑ ขันธ์ ๔ ที่ให้ผลแน่นอนก็มี ที่ให้ผลไม่แน่นอน
ก็มี
รูปขันธ์มีธรรมอื่นยิ่งกว่า ขันธ์ ๔ ที่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าก็มี ที่ไม่มีธรรมอื่นยิ่ง
กว่าก็มี
รูปขันธ์ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ ขันธ์ ๔ ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี ที่ไม่
เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี (๑๓)
ปัญหาปุจฉกะ จบ
ขันธวิภังค์ จบบริบูรณ์

เชิงอรรถ :
๑ คือเป็นธรรมชาติที่ไม่แน่นอนโดยการให้ผลหรือไม่ให้ผล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๑๑ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๒.อายตนวิภังค์] ๑. สุตตันตภาชนีย์
๒. อายตนวิภังค์
๑. สุตตันตภาชนีย์
[๑๕๔] อายตนะ๑ ๑๒ คือ

๑. จักขายตนะ ๒. รูปายตนะ
๓. โสตายตนะ ๔. สัททายตนะ
๕. ฆานายตนะ ๖. คันธายตนะ
๗. ชิวหายตนะ ๘. รสายตนะ
๙. กายายตนะ ๑๐. โผฏฐัพพายตนะ
๑๑. มนายตนะ ๑๒. ธัมมายตนะ


จักษุไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความแปรผันไปเป็นธรรมดา
รูปไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความแปรผันไปเป็นธรรมดา
โสตะไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความแปรผันไปเป็นธรรมดา
สัททะไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความแปรผันไปเป็นธรรมดา
ฆานะไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความแปรผันไปเป็นธรรมดา
คันธะไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความแปรผันไปเป็นธรรมดา
ชิวหาไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความแปรผันไปเป็นธรรมดา
รสไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความแปรผันไปเป็นธรรมดา
กายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความแปรผันไปเป็นธรรมดา
โผฏฐัพพะไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความแปรผันไปเป็นธรรมดา
มโนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความแปรผันไปเป็นธรรมดา
ธรรมไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา มีความแปรผันไปเป็นธรรมดา

สุตตันตภาชนีย์ จบ

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ.อ. ๑๕๔/๕๐

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๑๒ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๒.อายตนวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์
๒. อภิธรรมภาชนีย์
[๑๕๕] อายตนะ ๑๒ คือ

๑. จักขายตนะ ๒. รูปายตนะ
๓. โสตายตนะ ๔. สัททายตนะ
๕. ฆานายตนะ ๖. คันธายตนะ
๗. ชิวหายตนะ ๘. รสายตนะ
๙. กายายตนะ ๑๐. โผฏฐัพพายตนะ
๑๑. มนายตนะ ๑๒. ธัมมายตนะ

[๑๕๖] บรรดาอายตนะ ๑๒ นั้น จักขายตนะ เป็นไฉน
จักษุใดเป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ เป็นรูปที่เห็น
ไม่ได้แต่กระทบได้ เช่น บุคคลเคยเห็น กำลังเห็น จักเห็น หรือพึงเห็นรูปที่เห็นได้และ
กระทบได้ ด้วยจักษุใด ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้เรียกว่า จักขุบ้าง จักขายตนะบ้าง
จักขุธาตุบ้าง จักขุนทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง
วัตถุบ้าง เนตรบ้าง นัยน์ตาบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง นี้เรียกว่า จักขายตนะ๑ (๑)
[๑๕๗] โสตายตนะ เป็นไฉน
โสตะใดเป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ เป็นรูปที่เห็น
ไม่ได้แต่กระทบได้ เช่น บุคคลเคยฟัง กำลังฟัง จักฟัง หรือพึงฟังเสียงที่เห็นไม่ได้
แต่กระทบได้ด้วยโสตะใด ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้เรียกว่า โสตะบ้าง โสตายตนะ
บ้าง โสตธาตุบ้าง โสตินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง
เขตบ้าง วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง นี้เรียกว่า โสตายตนะ๒ (๒)
[๑๕๘] ฆานายตนะ เป็นไฉน
ฆานะใดเป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ เป็นรูปที่เห็น
ไม่ได้แต่กระทบได้ เช่น บุคคลเคยดม กำลังดม จักดม หรือพึงดมกลิ่นที่เห็นไม่ได้แต่

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.สงฺ. ๓๔/๕๙๖/๑๘๒ ๒ อภิ.สงฺ. ๓๔/๖๐๐/๑๘๓

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๑๓ }

พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [๒.อายตนวิภังค์] ๒.อภิธรรมภาชนีย์
กระทบได้ด้วยฆานะใด ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้เรียกว่า ฆานะบ้าง ฆานายตนะบ้าง
ฆานธาตุบ้าง ฆานินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง
วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง นี้เรียกว่า ฆานายตนะ๑ (๓)
[๑๕๙] ชิวหายตนะ เป็นไฉน
ชิวหาใดเป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ เป็นรูปที่
เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เช่น บุคคลเคยลิ้ม กำลังลิ้ม จักลิ้ม หรือพึงลิ้มรสที่เห็นไม่ได้
แต่กระทบได้ด้วยชิวหาใด ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้เรียกว่า ชิวหาบ้าง ชิวหายตนะ
บ้าง ชิวหาธาตุบ้าง ชิวหินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง
เขตบ้าง วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง นี้เรียกว่า ชิวหายตนะ๒ (๔)
[๑๖๐] กายายตนะ เป็นไฉน
กายใดเป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ เป็นรูปที่เห็นไม่
ได้แต่กระทบได้ เช่น บุคคลเคยถูกต้อง กำลังถูกต้อง จักถูกต้อง หรือพึงถูกต้อง
โผฏฐัพพะที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ด้วยกายใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้เรียกว่า กาย
บ้าง กายายตนะบ้าง กายธาตุบ้าง กายินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง
ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง นี้เรียกว่า กายายตนะ๓ (๕)
[๑๖๑] มนายตนะ เป็นไฉน
มนายตนะหมวดละ ๑ ได้แก่ มนายตนะที่สัมปยุตด้วยผัสสะ
มนายตนะหมวดละ ๒ ได้แก่ มนายตนะที่มีเหตุก็มี ที่ไม่มีเหตุก็มี
มนายตนะหมวดละ ๓ ได้แก่ มนายตนะที่เป็นกุศลก็มี ที่เป็นอกุศลก็มี
ที่เป็นอัพยากฤตก็มี
มนายตนะหมวดละ ๔ ได้แก่ มนายตนะที่เป็นกามาวจรก็มี ที่เป็นรูปาวจร
ก็มี ที่เป็นอรูปาวจรก็มี ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.สงฺ. ๓๔/๖๐๔/๑๘๔ ๒ อภิ.สงฺ. ๓๔/๖๐๘/๑๘๕
๓ อภิ.สงฺ. ๓๔/๖๑๒/๑๘๗

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๕ หน้า :๑๑๔ }

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น