Google Analytics 4

ร่วมแชร์เป็นธรรมทานนะครับ

เล่มที่ ๓๘-๗ หน้า ๓๔๒ - ๓๙๘

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๘-๗ อภิธรรมปิฎกที่ ๐๕ ยมก ภาค ๑



พระอภิธรรมปิฎก
ยมก ภาค ๑
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายธาตุ ไม่เป็นกายใช่ไหม
วิ. เว้นกายธาตุแล้ว กายที่เหลือไม่เป็นกายธาตุแต่เป็นกาย เว้นกายและ
กายธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายก็ใช่ ไม่เป็นกายธาตุก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นรูปธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูปธาตุ ไม่เป็นรูปใช่ไหม
วิ. เว้นรูปธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นรูปธาตุแต่เป็นรูป เว้นรูป
และรูปธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นรูปก็ใช่ ไม่เป็นรูปธาตุก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัททะ ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันธะ ไม่เป็นคันธธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นคันธธาตุ ไม่เป็นคันธะใช่ไหม
วิ. สีลคันธะ สมาธิคันธะ ปัญญาคันธะ ไม่เป็นคันธธาตุ แต่เป็นคันธะ เว้น
คันธะและคันธธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นคันธะก็ใช่ ไม่เป็นคันธธาตุก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรสะ ไม่เป็นรสธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรสธาตุ ไม่เป็นรสะใช่ไหม
วิ. อรรถรส ธรรมรส วิมุตติรส ไม่เป็นรสธาตุ แต่เป็นรสะ เว้นรสะและ
รสธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นรสะก็ใช่ ไม่เป็นรสธาตุก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโผฏฐัพพะ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุวิญญาณ ไม่เป็นจักขุวิญญาณธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุวิญญาณธาตุ ไม่เป็นจักขุวิญญาณใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตวิญญาณ ฯลฯ
สภาวธรรมที่ไม่เป็นฆานวิญญาณ ...
สภาวธรรมที่ไม่เป็นชิวหาวิญญาณ ...
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายวิญญาณ ...
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโน ไม่เป็นมโนธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโนธาตุ ไม่เป็นมโนใช่ไหม
วิ. เว้นมโนธาตุแล้ว มโนที่เหลือไม่เป็นมโนธาตุแต่เป็นมโน เว้นมโนและ
มโนธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมโนก็ใช่ ไม่เป็นมโนธาตุก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโนวิญญาณ ไม่เป็นมโนวิญญาณธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมโนวิญญาณธาตุ ไม่เป็นมโนวิญญาณใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธัมมธาตุ ไม่เป็นธรรมใช่ไหม
วิ. เว้นธัมมธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นธัมมธาตุแต่เป็นธรรม เว้น
ธรรมและธัมมธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นธรรมก็ใช่ ไม่เป็นธัมมธาตุ
ก็ใช่ (๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม
[๑๒] อนุ. จักขุเป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุ เป็นจักขุแต่ไม่เป็นจักขุธาตุ จักขุธาตุ เป็นจักขุ
ก็ใช่ เป็นจักขุธาตุก็ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นโสตธาตุใช่ไหม
วิ. โสตธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นโสตธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุ แต่ไม่
เป็นโสตธาตุ
อนุ. จักขุเป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. ทิพพจักขุ ปัญญาจักขุเป็นจักขุแต่ไม่เป็นจักขุธาตุ จักขุธาตุ เป็นจักขุก็ใช่
เป็นจักขุธาตุก็ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นฆานธาตุใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. ธาตุ เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ธัมมธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นธัมมธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุแต่ไม่
เป็นธัมมธาตุ (ปัณณัตติวารในธาตุยมกเหมือนกับในอายตนยมก พึงผูกเป็นจักกนัย)
ปัจจนีกะ
[๑๓] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นโสตธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธธาตุวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นฆานธาตุใช่ไหม
ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่ (๕)
(พึงผูกเป็นจักกนัย) ทั้งหมดใช้คำตอบว่า อามนฺตา (ใช่) ทั้งอนุโลมและปฏิโลม
แม้ในธาตุที่เหลือ)
๓. สุทธธาตุวาร
อนุโลม
[๑๔] อนุ. จักขุเป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. จักขุธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นจักขุธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุ แต่ไม่
เป็นจักขุธาตุ
อนุ. โสตะ เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ฆานะ ฯลฯ ชิวหา ... กาย ... รูป ... สัททะ ... คันธะ ... รสะ
... โผฏฐัพพะ ...
อนุ. จักขุวิญญาณ เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นจักขุวิญญาณธาตุใช่ไหม
วิ. จักขุวิญญาณธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นจักขุวิญญาณธาตุก็ใช่ สภาวธรรม
ที่เหลือเป็นธาตุ แต่ไม่เป็นจักขุวิญญาณธาตุ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธธาตุวาร
อนุ. โสตวิญญาณ ... ฆานวิญญาณ ... ชิวหาวิญญาณ ... กายวิญญาณ ...
อนุ. มโนเป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นมโนธาตุใช่ไหม
วิ. มโนธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นมโนธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุแต่ไม่เป็นใช่
มโนธาตุ
อนุ. มโนวิญญาณธาตุ เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นมโนวิญญาณธาตุใช่ไหม
วิ. มโนวิญญาณธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นมโนวิญญาณธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือ
เป็นธาตุ แต่ไม่ใช่มโนวิญญาณธาตุ
อนุ. ธรรม เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ธัมมธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นธัมมธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุ แต่ไม่เป็น
ธัมมธาตุ (๖)
ปัจจนีกะ
[๑๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. เว้นจักขุแล้ว ธาตุที่เหลือไม่เป็นจักขุ แต่เป็นธาตุ เว้นจักขุและธาตุแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นธาตุก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นโสตะ ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. เว้นโสตะแล้ว ฯลฯ เว้นฆานะแล้ว... เว้นชิวหาแล้ว ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธธาตุมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นกายธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นรูป ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. เว้นรูปแล้ว ฯลฯ เว้นสัททะ ... คันธะ ... รสะ ... โผฏฐัพพะ ... จักขุ-
วิญญาณ ฯลฯ โสตวิญญาณ ... ฆานวิญญาณ ... ชิวหาวิญญาณ ...
กายวิญญาณ ... เว้นมโน ... มโนวิญญาณแล้ว ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่ (๗)
๔. สุทธธาตุมูลจักกวาร
อนุโลม
[๑๖] อนุ. จักขุเป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นโสตธาตุใช่ไหม
วิ. โสตธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นโสตธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุ แต่ไม่
เป็นโสตธาตุ
อนุ. จักขุ เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ธาตุ เป็นฆานธาตุใช่ไหม ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธธาตุมูลจักกวาร
ปฏิ. ธาตุ เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ธัมมธาตุ เป็นธาตุก็ใช่ เป็นธัมมธาตุก็ใช่ ธาตุที่เหลือเป็นธาตุ แต่ไม่เป็น
ธัมมธาตุ (๘)
(พึงผูกเป็นจักกนัย)
ปัจจนีกะ
[๑๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. เว้นจักขุแล้ว ธาตุที่เหลือไม่เป็นจักขุ แต่เป็นธาตุ เว้นจักขุและธาตุแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นธาตุก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นโสตธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจักขุ ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. เว้นจักขุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุ แต่เป็นธาตุ เว้นจักขุและ
ธาตุแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจักขุก็ใช่ ไม่เป็นธาตุก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นฆานธาตุใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นธัมมธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นจักขุธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นโสตธาตุใช่ไหม ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นธาตุ ไม่เป็นมโนวิญญาณธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่ (๙)
(พึงผูกเป็นจักกนัย)
(พึงขยายปัณณัตติวารแห่งธาตุยมกให้พิสดารเหมือนอายตนยมก)
ปัณณัตติวารนิทเทส จบ
๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๑๘] อนุ. จักขุธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด โสตธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้โสตะเกิดไม่ได้๑ กำลังอุบัติ จักขุธาตุของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่โสตธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและโสตะเกิดได้๒ กำลัง
อุบัติ จักขุธาตุของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและโสตธาตุก็กำลังเกิด
ปฏิ. โสตธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีโสตะเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ โสตธาตุของบุคคลเหล่านั้น
กำลังเกิด แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีโสตะและจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ โสตธาตุ
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุธาตุก็กำลังเกิด

เชิงอรรถ :
๑ หมายถึงสัตว์ที่เป็นโอปปาติกะในอบายภูมิผู้มีหูหนวกมาแต่เกิด (อภิ.ปญฺจ.อ. ๑๘-๒๑/๓๕๓)
๒ หมายถึงสัตว์ผู้มีอายตนะบริบูรณ์ในสุคติภูมิและทุคติภูมิ และรูปพรหมผู้เป็นโอปปาติกะ (อภิ.ปญฺจ.อ.
๑๘-๒๑/๓๕๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๔๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. จักขุธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด ฆานธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้ฆานะเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ จักขุธาตุของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่ฆานธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุและฆานะเกิดได้กำลังอุบัติ
จักขุธาตุของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและฆานธาตุก็กำลังเกิด
ปฏิ. ฆานธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีฆานะเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ฆานธาตุของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิด แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีฆานะและจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
ฆานธาตุของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุธาตุก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด รูปธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. รูปธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีรูปเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ รูปธาตุของบุคคลเหล่านั้น
กำลังเกิด แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีรูปและจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ รูปธาตุ
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุธาตุก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด มโนวิญญาณธาตุของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มโนวิญญาณธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจิตเกิดได้จักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ มโนวิญญาณธาตุของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจิตและจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ
มโนวิญญาณธาตุของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุธาตุก็กำลังเกิด
อนุ. จักขุธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด ธัมมธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๔. ธาตุยมก] ๓. ปริญญาวาร
ปฏิ. ธัมมธาตุของบุคคลใดกำลังเกิด จักขุธาตุของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้มีจักขุเกิดไม่ได้กำลังอุบัติ ธัมมธาตุของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด
แต่จักขุธาตุไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้มีจักขุเกิดได้กำลังอุบัติ ธัมมธาตุของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิดและจักขุธาตุก็กำลังเกิด
(พึงจำแนกธาตุยมกให้เหมือนกับอายตนยมก คือพึงทำให้เหมือนกัน)
๓. ปริญญาวาร
[๑๙] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้จักขุธาตุ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้
โสตธาตุใช่ไหม
วิ. ใช่
ฯลฯ
(ธาตุยมกบริบูรณ์โดยการละข้อความไว้)
ธาตุยมก จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๑. ปทโสธนวาร
สัจจยมก
๑. ปัณณัตติวารอุทเทส
[๑] สัจจะ ๔ คือ
๑. ทุกขสัจ (ความจริงคือทุกข์)
๒. สมุทยสัจ (ความจริงคือเหตุให้เกิดทุกข์)
๓. นิโรธสัจ (ความจริงคือความดับทุกข์)
๔. มัคคสัจ (ความจริงคือข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์)
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม

[๒] ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม ทุกขสัจ เป็นทุกข์ใช่ไหม
สมุทัย เป็นสมุทยสัจใช่ไหม สมุทยสัจ เป็นสมุทัยใช่ไหม
นิโรธ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม นิโรธสัจ เป็นนิโรธใช่ไหม
มรรค เป็นมัคคสัจใช่ไหม มัคคสัจ เป็นมรรคใช่ไหม (๑๐)

ปัจจนีกะ

[๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกขสัจ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทยสัจ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธสัจ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมัคคสัจ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม (๑๑)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม

[๔] ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นมัคคสัจใช่ไหม (๑๒)
สมุทัย เป็นสมุทยสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สมุทัย เป็นสมุทยสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สมุทัย เป็นสมุทยสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นมัคคสัจใช่ไหม (๑๓)
นิโรธ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกขสัจใช่ไหม
นิโรธ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
นิโรธ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นมัคคสัจใช่ไหม (๑๔)
มรรค เป็นมัคคสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกขสัจใช่ไหม
มรรค เป็นมัคคสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
มรรค เป็นมัคคสัจใช่ไหม สัจจะ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม (๑๕)

ปัจจ นีกะ

[๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม (๑๖)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๓. สุทธสัจจวาร

สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม (๑๗)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม (๑๘)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม (๑๙)

๓. สุทธสัจจวาร
อนุโลม

[๖] ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกข์ใช่ไหม
สมุทัย เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นสมุทัยใช่ไหม
นิโรธ เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นนิโรธใช่ไหม
มรรค เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นมรรคใช่ไหม (๒๐)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
ปัจจนีกะ

[๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม (๒๑)

๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
อนุโลม

[๘] ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นสมุทัยใช่ไหม
ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นนิโรธใช่ไหม
ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นมรรคใช่ไหม
สมุทัย เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกข์ใช่ไหม
ฯลฯ
สัจจะ เป็นมรรคใช่ไหม
นิโรธ เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกข์ใช่ไหม
ฯลฯ
สัจจะ เป็นมรรคใช่ไหม
มรรค เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นทุกข์ใช่ไหม
มรรค เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นสมุทัยใช่ไหม
มรรค เป็นสัจจะใช่ไหม สัจจะ เป็นนิโรธใช่ไหม (๒๒)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารอุทเทส ๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
ปัจจนีกะ

[๙] สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม (๒๓)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม

ฯลฯ

สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม (๒๔)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม

ฯลฯ

สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม (๒๕)
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม (๒๖)

ปัณณัตติวารอุทเทส จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
๑. ปัณณัตติวารนิทเทส
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม
[๑๐] อนุ. ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. ทุกขสัจ เป็นทุกข์ใช่ไหม
วิ. เว้นกายิกทุกข์และเจตสิกทุกข์แล้ว ทุกขสัจที่เหลือเป็นทุกขสัจ แต่ไม่
เป็นทุกข์ กายิกทุกข์และเจตสิกทุกข์ เป็นทุกข์ก็ใช่ เป็นทุกขสัจก็ใช่
อนุ. สมุทัย เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. เว้นสมุทยสัจแล้ว สมุทัยที่หลือเป็นสมุทัย แต่ไม่เป็นสมุทยสัจ สมุทยสัจ
เป็นสมุทัยก็ใช่ เป็นสมุทยสัจก็ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจ เป็นสมุทัยใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. นิโรธ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
วิ. เว้นนิโรธสัจแล้ว นิโรธที่หลือเป็นนิโรธ แต่ไม่เป็นนิโรธสัจ นิโรธสัจ
เป็นนิโรธก็ใช่ เป็นนิโรธสัจก็ใช่
ปฏิ. นิโรธสัจ เป็นนิโรธใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. มรรค เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. เว้นมัคคสัจแล้ว มรรคที่หลือเป็นมรรค แต่ไม่เป็นมัคคสัจ มัคคสัจ
เป็นมรรคก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่
ปฏิ. มัคคสัจ เป็นมรรคใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
ปัจจนีกะ
[๑๑] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. เว้นกายิกทุกข์และเจตสิกทุกข์แล้ว ทุกขสัจที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็น
ทุกขสัจ เว้นทุกข์และทุกขสัจแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็น
ทุกขสัจก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกขสัจ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทยสัจ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
วิ. เว้นสมุทยสัจแล้ว สมุทัยที่เหลือไม่เป็นสมุทยสัจ แต่เป็นสมุทัย เว้น
สมุทัยและสมุทยสัจแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสมุทัยก็ใช่ ไม่เป็นสมุทยสัจก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธสัจ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม
วิ. เว้นนิโรธสัจแล้ว นิโรธที่เหลือไม่เป็นนิโรธสัจ แต่เป็นนิโรธ เว้นนิโรธ
และนิโรธสัจแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นนิโรธก็ใช่ ไม่เป็นนิโรธสัจก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมัคคสัจ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม
วิ. เว้นมัคคสัจแล้ว มรรคที่เหลือไม่เป็นมัคคสัจ แต่เป็นมรรค เว้นมรรค
และมัคคสัจแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมรรคก็ใช่ ไม่เป็นมัคคสัจก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม
[๑๒] อนุ. ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. สมุทยสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นสมุทยสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นสมุทยสัจ
อนุ. ทุกข์ เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. มัคคสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นมัคคสัจ
[๑๓] อนุ. สมุทัย เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. เว้นสมุทยสัจแล้ว สมุทัยที่เหลือเป็นสมุทัย แต่ไม่เป็นสมุทยสัจ
สมุทยสัจ เป็นสมุทัยก็ใช่ เป็นสมุทยสัจก็ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นทุกขสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. มัคคสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นมัคคสัจ
[๑๔] อนุ. นิโรธ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
วิ. เว้นนิโรธสัจแล้ว นิโรธที่เหลือเป็นนิโรธ แต่ไม่เป็นนิโรธสัจ นิโรธสัจ
เป็นนิโรธก็ใช่ เป็นนิโรธสัจก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๕๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สัจจะ เป็นทุกขสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นสมุทยสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. มัคคสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นมัคคสัจ
[๑๕] อนุ. มรรค เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. เว้นมัคคสัจแล้ว มรรคที่เหลือเป็นมรรค แต่ไม่เป็นมัคคสัจ มัคคสัจ
เป็นมรรคก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นทุกขสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นสมุทยสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
วิ. นิโรธสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นนิโรธสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นนิโรธสัจ
ปัจจนีกะ
[๑๖] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. เว้นกายิกทุกข์และเจตสิกทุกข์แล้ว ทุกขสัจที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็น
ทุกขสัจ เว้นทุกข์และทุกขสัจแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็น
ทุกขสัจก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. เว้นกายิกทุกข์และเจตสิกทุกข์แล้ว ทุกขสัจที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็น
ทุกขสัจ เว้นทุกข์และทุกขสัจแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็น
ทุกขสัจก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๘] สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๙] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธสัจจวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นมัคคสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทยสัจใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
๓. สุทธสัจจวาร
อนุโลม
[๒๐] อนุ. ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นทุกข์ใช่ไหม
วิ. ทุกขสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นทุกขสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นทุกขสัจ
อนุ. สมุทัย เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
อนุ. นิโรธ เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
อนุ. มรรค เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นมรรคใช่ไหม
วิ. มัคคสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นมัคคสัจ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
ปัจจนีกะ
[๒๑] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นทุกข์แล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็นสัจจะ เว้นทุกข์และ
สัจจะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นสมุทัยแล้ว ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นนิโรธแล้ว ฯลฯ
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นมรรคแล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นมรรค แต่เป็นสัจจะ เว้นมรรคและ
สัจจะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมรรคก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม
วิ. ใช่
๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
อนุโลม
[๒๒] อนุ. ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นสมุทัยใช่ไหม
วิ. สมุทยสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นสมุทยสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นสมุทยสัจ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
อนุ. ทุกข์ เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นนิโรธใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นมรรคใช่ไหม
วิ. มัคคสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นมัคคสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นมัคคสัจ
อนุ. สมุทัย เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
ปฏิ. นิโรธ เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
อนุ. มรรค เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สัจจะ เป็นทุกข์ใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นสมุทัยใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สัจจะ เป็นนิโรธใช่ไหม
วิ. นิโรธสัจ เป็นสัจจะก็ใช่ เป็นนิโรธสัจก็ใช่ สัจจะที่เหลือเป็นสัจจะ
แต่ไม่เป็นนิโรธสัจ
ปัจจนีกะ
[๒๓] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นทุกข์แล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็นสัจจะ เว้นทุกข์และ
สัจจะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๔. สุทธสัจจมูลจักกวาร
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นทุกข์แล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นทุกข์ แต่เป็นสัจจะ เว้นทุกข์และสัจจะ
แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นทุกข์ก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นมรรคใช่ไหม
วิ. ใช่
[๒๔] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสมุทัย ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นสมุทัยแล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นสมุทัย แต่เป็นสัจจะ เว้นสมุทัย
และสัจจะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นสมุทัยก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่ ฯลฯ
[๒๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นนิโรธ ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นนิโรธแล้ว ฯลฯ
[๒๖] สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นมรรคแล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นมรรค แต่เป็นสัจจะ เว้นมรรค
และสัจจะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมรรคก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นมรรค ไม่เป็นสัจจะใช่ไหม
วิ. เว้นมรรคแล้ว สัจจะที่เหลือไม่เป็นมรรค แต่เป็นสัจจะ เว้นมรรค
และสัจจะแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นมรรคก็ใช่ ไม่เป็นสัจจะก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นสมุทัยใช่ไหม
วิ. ใช่ ฯลฯ
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสัจจะ ไม่เป็นนิโรธใช่ไหม
วิ. ใช่
ปัณณัตติวารนิทเทส จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๒๗] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
ในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังเกิด ใน
อุปปาทขณะแห่งตัณหา ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและสมุทยสัจก็กำลังเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรค
ในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่กำลังเกิด ใน
ปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งมรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
มัคคสัจก็กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดกำลังเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอรูปภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งมรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิด แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด ในปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งมรรค
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๒๘] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุโลมโอกาส
[๒๙] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นทุกขสัจกำลังเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลัง
เกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภูมินั้นทุกขสัจกำลังเกิด และสมุทยสัจ
ก็กำลังเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจในภูมิใดกำลังเกิด ทุกขสัจในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นทุกขสัจกำลังเกิด แต่มัคคสัจ
ไม่ใช่กำลังเกิด ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิที่เหลือ ในภูมินั้นทุกขสัจกำลังเกิด
และมัคคสัจก็กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจในภูมิใดกำลังเกิด ทุกขสัจในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๓๐] อนุ. สมุทยสัจในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอบายภูมิ ในภูมินั้นสมุทยสัจกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่กำลังเกิด
ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิที่เหลือ ในภูมินั้นสมุทยสัจกำลังเกิดและมัคคสัจ
ก็กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุโลมปุคคโลกาส
[๓๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใดและของบุคคลใดในภูมิใด พึงขยายให้
พิสดารเหมือนกัน)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๓๒] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
ในปวัตติกาล สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลัง
เกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่ง
มรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและทุกขสัจก็ไม่
ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งมรรคในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรค
ในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งผล
ในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๓๓] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งมรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหาและที่วิปปยุตจากมรรค บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคและที่วิปปยุตจากตัณหา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
สมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๓๔] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สมุทยสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ทุกขสัจในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มัคคสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ทุกขสัจในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. กำลังเกิด
[๓๕] อนุ. สมุทยสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๖๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. มัคคสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอบายภูมิ ในภูมินั้นมัคคสัจไม่ใช่กำลังเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด
ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นมัคคสัจไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๓๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
ในปวัตติกาล สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่
ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาท-
ขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด
และทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งมรรคในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะแห่งผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรค
ในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะ
แห่งผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและทุกขสัจก็
ไม่ใช่กำลังเกิด
[๓๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งมรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหาและที่วิปปยุตจากมรรค บุคคลผู้เข้านิโรธ-
สมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคและที่วิปปยุตจากตัณหา บุคคลผู้เข้านิโรธ-
สมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๓๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ๑ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจ
ไม่เคยเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุ๑ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นก็เคยเกิดและมัคคสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดเคยเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
[๓๙] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจ
ไม่เคยเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็เคย
เกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดเคยเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุโลมโอกาส
[๔๐] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ในภูมิใด เหมือนกันทุกแห่ง ข้อแตกต่างกันเหมือนกับ
ที่กล่าวมาแล้วว่า ในภูมิใด ในหนหลัง)
อนุโลมปุคคโลกาส
[๔๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ เมื่อจิตดวงที่ ๒ เป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สมุทย-
สัจไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและสมุทยสัจก็เคยเกิด

เชิงอรรถ :
๑ ผู้ยังไม่ได้บรรลุ คือ บรรลุอริยสัจ ๔ ผู้ได้บรรลุ คือผู้บรรลุอริยสัจ ๔ แล้ว (อภิ.ปญฺจ.อ. ๒๗-๑๖๔/๓๕๗)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้ยังไม่ได้บรรลุและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจไม่เคยเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
[๔๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้ยังไม่ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจไม่เคยเกิด
บุคคลผู้ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
ปัจจนีกบุคคล
[๔๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด ฯลฯ
วิ. ไม่มี
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
[๔๔] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคย
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๔๕] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่เคยเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๔๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ เมื่อจิตดวงที่ ๒ เป็นไปอยู่ และบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่
ทุกขสัจมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่เคยเกิดและทุกขสัจก็ไม่เคยเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ บุคคล
ผู้ยังไม่ได้บรรลุและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและทุกขสัจก็ไม่เคยเกิด
[๔๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่ออกุศลจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สมุทยสัจ
มิใช่ไม่เคยเกิด เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
และสมุทยสัจก็ไม่เคยเกิด
๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๔๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
จักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด
และสมุทยสัจก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้
เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จัก
เกิด บุคคลจักได้มรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่า
อื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
[๔๙] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด
แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด
และมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้
มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็จักเกิด
อนุโลมโอกาส
[๕๐] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๕๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น ) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตต-

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคล
นอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรค
ในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
[๕๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้จักได้
มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
อนุ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลเหล่าอื่น
ผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๕๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในลำดับแห่งจิตนั้น สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่จัก
ไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด
และทุกขสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
[๕๔] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียง
ด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จัก
เกิด แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและ
อรหันตบุคคล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๕๕] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๕๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่
จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๗๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อม
เพรียงด้วยปัจฉิมจิต มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็
ไม่ใช่จักเกิด
[๕๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้
พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้
พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๕๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่เคยเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลัง
อุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
มัคคสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดเคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๕๙] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่เคยเกิด ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของ
บุคคลผู้ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่
สมุทยสัจไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและสมุทยสัจก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุโลมโอกาส
[๖๐] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังเกิด ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ในภูมิใด เหมือนกันทั้งหมด)
อนุโลมปุคคโลกาส
[๖๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิต ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
แต่สมุทยสัจไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และสมุทยสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิต๑ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้
กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่
มัคคสัจไม่เคยเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็เคยเกิด

เชิงอรรถ :
๑ หมายถึงปฏิสนธิจิตหรือจิตที่กำลังเกิดในภพใหม่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคย
เกิด แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๖๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่เคยเกิด บุคคลผู้ได้บรรลุ ในอุปปาทขณะ
แห่งตัณหา สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังเกิด
ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิดและสมุทยสัจก็กำลังเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๖๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
มีไหม
วิ. ไม่มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่เคยเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้ยังไม่ได้
บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่
เคยเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๖๔] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจาก
ตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่
วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่เคยเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้
ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่เคยเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปัจจนีกโอกาส
[๖๕] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๖๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่ง
อุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิต ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่เคยเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และ
ในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่
ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้
อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิต ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ
บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคล
ผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่
ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิต ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
สุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด
และทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๖๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่ไม่
เคยเกิด เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ ในภังค-
ขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและมัคคสัจก็ไม่เคยเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ มัคคสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่
ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๖๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ซึ่งกำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและ
สมุทยสัจก็จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันต-
บุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ และในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลจัก
ไม่ได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้
จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตนั้น และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๖๙] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลผู้จักได้มรรค ใน
อุปปาทขณะแห่งตัณหา สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
ในภังคขณะแห่งตัณหาของเหล่าบุคคลผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่ง
ตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็
กำลังเกิด
อนุโลมโอกาส
[๗๐] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังเกิด ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ในภูมิใด พึงทำให้เหมือนกับคำที่ท่านกำหนดว่าของ
บุคคลใดในภูมิใด)
อนุโลมปุคคโลกาส
[๗๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้
กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่
สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และสมุทยสัจก็จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรค
ในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลัง
อุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
กำลังเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังเกิด ใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๘๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด
แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๗๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจ
ไม่ใช่จักเกิด ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไป
อยู่ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังเกิด ใน
อุปปาทขณะแห่งตัณหาของเหล่าบุคคลผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็กำลังเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๗๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลนั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สมุทยสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค ในภังคขณะแห่งจิตของ
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตต-
มรรค ในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผล
ในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค ในภังคขณะแห่งจิตของ
อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
อรหัตตมรรค ในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๗๔] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียง
ด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคค-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียง
ด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและ
ทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๗๕] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๗๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่ง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรค
ในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค
และอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้
กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด
แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิต
ของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติ
จากอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็
ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะ
แห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็นปุถุชนผู้จัก
ไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่ง
อรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกข-
สัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันต-
บุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิดในภังคขณะแห่ง
อรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ
และบุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจาก
อสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและทุกขสัจก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
[๗๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จัก
ไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล ในภังคขณะแห่ง
ตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
เกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สมุทยสัจ
มิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล ในภังค-
ขณะ แห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจาก
ตัณหาเป็นไปอยู่ และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๗๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
เคยเกิดแต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด
และสมุทยสัจก็จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็เคยเกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และบุคคล
เหล่าอื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่
[๗๙] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่น
ผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักเกิด ฯลฯ
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมโอกาส
[๘๐] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดเคยเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๘๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลนอกนี้
ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยเกิดและสมุทยสัจก็จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจัก
เกิด แต่ทุกขสัจไม่เคยเกิด บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและทุกขสัจก็เคยเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรคใน
ลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักเกิด แต่ทุกขสัจไม่เคยเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นจักเกิดและทุกขสัจก็เคยเกิด
[๘๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด
ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิดและมัคคสัจก็จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่เคยเกิด บุคคลจักได้อรหัตตมรรค
ในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็เคยเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๘๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
[๘๔] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จัก
เกิดมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยเกิด
ใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๘๕] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่เคยเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๘๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. เคยเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๘ }

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น