Google Analytics 4

ร่วมแชร์เป็นธรรมทานนะครับ

เล่มที่ ๓๘-๘ หน้า ๓๙๙ - ๔๕๕

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๘-๘ อภิธรรมปิฎกที่ ๐๕ ยมก ภาค ๑



พระอภิธรรมปิฎก
ยมก ภาค ๑
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๘๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักเกิดใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยเกิดและมัคคสัจก็ไม่
ใช่จักเกิด
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่เคยเกิด บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักเกิดและสมุทยสัจก็ไม่เคยเกิด
อุปปาทวาร จบ
๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๘๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหาใน
ปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังดับ ใน
ภังคขณะแห่งตัณหา ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสมุทยสัจก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๓๙๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคใน
ปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่กำลังดับ ใน
ภังคขณะแห่งมรรคในปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและ
มัคคสัจก็กำลังดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดกำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรคในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ
แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งมรรคในปัญจโวการภูมิ มัคคสัจของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังดับและทุกขสัจก็กำลังดับ
[๘๙] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุโลมโอกาส
[๙๐] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังดับ สมุทยสัจในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นทุกขสัจกำลังดับ ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ในภูมิใด เหมือนกันทั้งในอุปปาทวาร นิโรธวาร และ
อุปปาทนิโรธวาร ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
อนุโลมปุคคโลกาส
[๙๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ ฯลฯ
(พึงขยายคำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใดในภูมิใด ซึ่งเหมือนกันให้พิสดาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปัจจนีกบุคคล
[๙๒] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหาใน
ปวัตติกาล สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและในภังคขณะแห่ง
มรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและทุกขสัจก็ไม่
ใช่กำลังดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรคในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ
แต่มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ
และมัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคใน
ปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ
บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่ง
ผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๙๓] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมดและในภังคขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหาและที่วิปปยุตจากมรรค บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหา มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิตของบุคคลทั้งหมด และในภังค-
ขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคและที่วิปปยุตจากตัณหา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ
และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและ
สมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปัจจนีกโอกาส
[๙๔] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๙๕] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
(ข้อที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด ก็ดี ในภูมิใด ก็ดี ของบุคคลใดในภูมิใด ก็ดี
เหมือนกัน แต่ในข้อที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใดในภูมิใด ไม่พึงเพิ่มคำว่า
บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๙๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
(อตีตปุจฉาในอุปปาทวารทั้งอนุโลมและปัจจนีกะท่านจำแนกไว้แล้วฉันใด แม้
ในนิโรธวารก็พึงจำแนกฉันนั้น ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๙๗] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
จักดับและสมุทยสัจก็จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็นปุถุชน
ซึ่งจักไม่ได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ใน
อุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ใน
ลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจัก
ดับและมัคคสัจก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
[๙๘] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ
แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับและ
มัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่
จักดับ บุคคลผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสมุทยสัจก็จักดับ
อนุโลมโอกาส
[๙๙] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดจักดับ ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๐๐] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักดับและสมุทยสัจก็จักดับ ฯลฯ
(ข้อที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด และ ของบุคคลใดในภูมิใด เหมือนกัน)
ปัจจนีกบุคคล
[๑๐๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สมุทยสัจของบุคคลเหล่า
นั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต๑ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่จักดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่ดับ ใน
ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่
จักดับ
[๑๐๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่มัคคสัจ
มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักดับและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่
จักดับ แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักดับ

เชิงอรรถ :
๑ จิตดวงสุดท้ายของบุคคลผู้จะปรินิพพานในชาตินี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปัจจนีกโอกาส
[๑๐๓] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๐๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญ-
สัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่ดับ
ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและ
ทุกขสัจก็ไม่ใช่จักดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจัก
ไม่ได้มรรค บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๑๐๕] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ มัคคสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ
แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังค-
ขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักดับ
๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๑๐๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และ
ในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและทุกขสัจก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่เคยดับ บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลัง
จุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและมัคคสัจ
ก็เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดเคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและ
ในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับและทุกขสัจก็กำลังดับ
[๑๐๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ ในภังคขณะแห่งตัณหา สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่เคยดับ บุคคลผู้ได้บรรลุ ในภังคขณะแห่งตัณหา
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและมัคคสัจก็เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดเคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่สมุทย-
สัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้ได้บรรลุ ในภังคขณะแห่งตัณหา มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นเคยดับและสมุทยสัจก็กำลังดับ
อนุโลมโอกาส
[๑๐๘] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังดับ ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๐๙] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคล
ผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่
สมุทยสัจไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ใน
ภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและ
สมุทยสัจก็เคยดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังจุติจาก
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและทุกขสัจก็กำลังดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคล
ผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังจุติจาก
อสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่เคยดับ
บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและมัคคสัจก็เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคย
ดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและทุกขสัจก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๐๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
[๑๑๐] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่เคยดับ ในภังคขณะแห่งตัณหา บุคคลผู้
ได้บรรลุ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและมัคคสัจก็เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุต
จากตัณหาเป็นไปอยู่ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สมุทยสัจไม่
ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ มัคคสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นเคยดับและสมุทยสัจก็กำลังดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๑๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็
ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่เคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
มีไหม
วิ. ไม่มี
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และ
ในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ
แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและมัคคสัจก็ไม่เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่เคยดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลผู้ยังไม่ได้
บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่า
นั้นไม่เคยดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
[๑๑๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจาก
ตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลัง
ดับ แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ
เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและมัคคสัจก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่เคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่เคยดับ แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของ
บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่เคยดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปัจจนีกโอกาส
[๑๑๓] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๑๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะ
แห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญ-
สัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสมุทยสัจก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคล
ผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่
ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธา-
วาสภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่เคยดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และ
ในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังดับ แต่มัคคสัจมิใช่ไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติ
อยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมิ
นั้นไม่ใช่กำลังดับและมัคคสัจก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ บุคคล
ผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังจุติจาก
อสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่
กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งอุปปัตติจิตของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
บุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้
กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและทุกขสัจ
ก็ไม่ใช่กำลังดับ
[๑๑๕] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจาก
ตัณหาเป็นไปอยู่ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่มัคคสัจมิ
ใช่ไม่เคยดับ เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ ใน
อุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไป
อยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่
กำลังดับและมัคคสัจก็ไม่เคยดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้บรรลุ มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังดับ เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคล
ผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้ยังไม่ได้
บรรลุ เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๑๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น ทุกขสัจของบุคคล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
เหล่านั้นกำลังดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและสมุทยสัจก็จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
ภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่ทุกขสัจ
ไม่ใช่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลจักได้อรหัตตมรรค
ในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลัง จุติ
ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและมัคคสัจก็
จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้มรรคในลำดับแห่งจิตใด
ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของ
บุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังดับ
[๑๑๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในภังคขณะแห่งตัณหาของ
บุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังดับและมัคคสัจก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้
จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สมุทยสัจ
ไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคล
เหล่านั้นจักดับและสมุทยสัจก็กำลังดับ
อนุโลมโอกาส
[๑๑๘] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังดับ ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๑๙] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้กำลัง
จุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่สมุทยสัจ
ไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและสมุทยสัจก็
จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ บุคคลผู้กำลังจุติจาก
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ใน
ภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังจุติจากอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในภังคขณะแห่ง
มรรคในปัญจโวการภูมิ บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะ
แห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะ
แห่งมรรคในปัญจโวการภูมิ บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังค-
ขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังดับ
[๑๒๐] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับ แต่มัคคสัจ
ไม่ใช่จักดับ ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังดับและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่า
อื่นผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จัก
ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสมุทยสัจก็กำลังดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๒๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
ภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
สมุทยสัจมิใช่จักไม่ดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค และในอุปปาทขณะแห่ง
จิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตนั้น และในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่กำลังดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่ง
อรหัตตมรรคและในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรค
ในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและ
อรหัตตผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่
กำลังดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิต
ของอรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะ
แห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลใน
อรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
[๑๒๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่น
ผู้จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่
มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล ในอุปปาทขณะ
แห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็น
ไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในภังคขณะแห่ง
อรหัตตมรรค อรหันตบุคคล ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและ
สมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปัจจนีกโอกาส
[๑๒๓] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๒๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาลและในภังคขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่ดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตต-
มรรคและในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคใน
ลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและ
อรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลผู้อุบัติอยู่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๑๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจ
มิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค และในอุปปาทขณะแห่งจิตของ
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิต
นั้น และในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติ
ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็
ไม่ใช่กำลังดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคในปัญจโวการภูมิ บุคคลจักได้อรหัตต-
มรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่ง
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และในภังคขณะแห่งมรรคและผล
ในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่
ดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและ
บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
และในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
อบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ใน
ภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังจุติจากอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ใน
อุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและใน
ภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังอุบัติในอบายภูมิ
และอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่
ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๑๒๕] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังดับ มัคคสัจของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น และในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคล
เหล่าอื่นซึ่งจักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตต-
มรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ
และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลัง
ดับและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่สมุทย-
สัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา
ของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค
เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๒๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
เคยดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ
และสมุทยสัจก็จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ใน
อุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับ
แห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ
และมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
[๑๒๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคยดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ใน
อุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ใน
ลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นเคย
ดับและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุโลมโอกาส
[๑๒๘] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดเคยดับ ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๒๙] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้จักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญ-
สัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นเคยดับและสมุทยสัจก็จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับ แต่ทุกขสัจไม่เคยดับ บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจ-
โวการภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและทุกขสัจก็เคยดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจัก
ไม่ได้มรรค บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่น
ผู้จักได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังอุบัติในสุทธาวาสภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
จักดับ แต่ทุกขสัจไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตต-
มรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและทุกขสัจก็เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๑๓๐] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดเคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจัก
ไม่ได้มรรค และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
เคยดับ แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้
มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นเคยดับและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
เคยดับใช่ไหม
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่เคยดับ ในอุปปาทขณะแห่ง
อรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น)
และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและ
สมุทยสัจก็เคยดับ
ปัจจนีกบุคคล
[๑๓๑] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. เคยดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๒. นิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
[๑๓๒] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่เคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับมีไหม
วิ. ไม่มี
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่เคยดับ
ใช่ไหม
วิ. เคยดับ
ปัจจนีกโอกาส
[๑๓๓] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่เคยดับ ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๓๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. เคยดับ
[๑๓๕] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่เคยดับ มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
วิ. เมื่อจิตดวงที่ ๒ ของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในสุทธาวาสภูมิเป็นไปอยู่ สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับ แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่
ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่เคยดับและมัคคสัจก็ไม่
ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่เคยดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจัก
ไม่ได้มรรค และบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักดับ แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่เคยดับ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่เคยดับ
นิโรธวาร จบ
๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๑๓๖] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดกำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
[๑๓๗] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดกำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุโลมโอกาส
[๑๓๘] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในอสัญญสัตตภูมิ ในภูมินั้นทุกขสัจกำลังเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังดับ
ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ในภูมิใด เหมือนกันทั้งในอุปปาทวาร นิโรธวาร และ
อุปปาทนิโรธวาร ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๓๙] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคล
นั้นในภูมินั้นก็กำลังดับใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด และ ของบุคคลใดในภูมิใด เหมือนกัน)
ปัจจนีกบุคคล
[๑๔๐] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งตัณหา ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
จากตัณหาในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้
กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหาในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะ
แห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและ
ทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
ดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังดับ บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจาก
มรรคในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมด
ผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคในปวัตติกาล และในอุปปาท-
ขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและ
ทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๑๔๑] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่กำลังดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
มัคคสัจมิใช่ไม่กำลังดับ ในอุปปาทขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหา ในภังคขณะ
แห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรค บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญ-
สัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่กำลังดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๒. อตีตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหา มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับ
แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากมรรคและในอุปปาท-
ขณะแห่งจิตที่วิปปยุตจากตัณหา บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๑๔๒] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๔๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด และ ของบุคคลใดในภูมิใด เหมือนกัน ใน
คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใดในภูมิใด ไม่พึงเพิ่มคำว่า บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติ)
๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๑๔๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่เคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็เคย
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
(พึงจำแนกอนุโลมและปัจจนีกะแม้ในอุปปาทนิโรธวารให้เหมือนกับอตีตปุจฉา
ในอุปปาทวาร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๒๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๔๕] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
จักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและ
สมุทยสัจก็จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดจักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชน
ซึ่งจักไม่ได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ใน
อุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ใน
ลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรค ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นจัก
เกิดและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ ฯลฯ
วิ. ใช่
[๑๔๖] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิด
แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักเกิดและ
มัคคสัจก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่ง
จิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่
จักเกิด บุคคลผู้จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับและสมุทยสัจก็จักเกิด
อนุโลมบุคคล
[๑๔๗] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดจักเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๔๘] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) และบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
อสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ
บุคคลนอกนี้ผู้อุบัติอยู่ในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นจักเกิดและสมุทยสัจก็จักดับ
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด และ ของบุคคลใดในภูมิใด เหมือนกัน)
ปัจจนีกบุคคล
[๑๔๙] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่เกิด บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต สมุทย-
สัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่จักเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๓. อนาคตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล และบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่ง
จักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่จักไม่เกิด
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและ
ทุกขสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
[๑๕๐] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่
จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด (ในลำดับแห่งจิตนั้น) สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักเกิด แต่มัคคสัจ
มิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่จักเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักเกิด
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จัก
ดับ แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่เกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันตบุคคล มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๑๕๑] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๕๒] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักเกิด ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
(คำที่ท่านกำหนดว่า ของบุคคลใด และ ของบุคคลใดในภูมิใด เหมือนกัน
สมุทยสัจกับมัคคสัจมีข้อแตกต่างกัน คือ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค อรหันต-
บุคคลและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้น
ไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักเกิด)
๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
อนุโลมบุคคล
[๑๕๓] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็เคย
ดับใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดเคยดับ ฯลฯ
(คำถามที่เป็นอดีตพร้อมกับปัจจุบันในอุปปาทวารก็ดี อุปปาทนิโรธวารก็ดี
คำที่ท่านกำหนดว่าของบุคคลก็ดี ของบุคคลใดในภูมิใดก็ดี เหมือนกันทั้งอนุโลมและ
ปัจจนีกะ ผู้มีปัญญาพึงจำแนก)
๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๕๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค และในอุปปาทขณะแห่งจิตของ
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิต
นั้น ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ซึ่ง
กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นกำลัง
เกิดและสมุทยสัจก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่
ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลทั้งหมดผู้กำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้
มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้น
กำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้
อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้
มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่า
นั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิต
ใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของ
บุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคล
เหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล มัคคสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๑๕๕] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของ
บุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักดับ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้
จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นจักดับ แต่สมุทยสัจ
ไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค มัคคสัจของ
บุคคลเหล่านั้นจักดับและสมุทยสัจก็กำลังเกิด
อนุโลมโอกาส
[๑๕๖] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดกำลังเกิด ฯลฯ
อนุโลมปุคคโลกาส
[๑๕๗] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันต-
บุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
แต่สมุทยสัจไม่ใช่จักดับ บุคคลนอกนี้ผู้กำลังอุบัติในจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ
ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด
และสมุทยสัจก็จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด บุคคลผู้กำลังอุบัติใน
จตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล สมุทยสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้น
ก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ
และบุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาล บุคคลผู้กำลังอุบัติในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค
บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น บุคคล
เหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ทุกขสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิต
ใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะ
แห่งจิตในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ มัคคสัจของ
บุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับ แต่ทุกขสัจไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่ง
อรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและทุกขสัจก็กำลังเกิด
[๑๕๘] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดกำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้น
ในภูมินั้นก็จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิด แต่มัคคสัจ
ไม่ใช่จักดับ ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้จักได้มรรค สมุทยสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นกำลังเกิดและมัคคสัจก็จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดจักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมินั้นก็
กำลังเกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้
จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นจักดับ แต่สมุทยสัจไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้
จักได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นจักดับและสมุทยสัจก็กำลังเกิด
ปัจจนีกบุคคล
[๑๕๙] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลทั้งหมดผู้กำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และใน
อุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด
แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและในภังคขณะแห่งจิตของ
อรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น
ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันต-
บุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะ
แห่งอรหัตตมรรคและในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตต-
มรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้นและในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค
และอรหัตตผลในอรูปภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่
ใช่กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักดับ
ใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ใน
ภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิต
ในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและ
ในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลัง
จุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตผลในอรูปภูมิ
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้
มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติกาล มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้น
ไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและใน
ภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ
ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตผลในอรูปภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๑๖๐] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นก็ไม่
ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้
จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่
มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค ในภังคขณะแห่งตัณหาของ
อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหา
เป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจ
ของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลัง
เกิดใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับ แต่สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่ง
อรหัตตมรรค ในภังคขณะแห่งตัณหาของอรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจัก
ไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติและ
บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นไม่ใช่จักดับและ
สมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
ปัจจนีกโอกาส
[๑๖๑] อนุ. ทุกขสัจในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด ฯลฯ
ปัจจนีกปุคคโลกาส
[๑๖๒] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด สมุทยสัจของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้กำลังจุติจากจตุโวการภูมิและปัญจโวการภูมิ ในภังคขณะแห่ง
จิตในปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่สมุทยสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่ง
อรหัตตมรรคและในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคใน
ลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและ
อรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอสัญญสัตตภูมิ ทุกขสัจของบุคคล
เหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและสมุทยสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันต-
บุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น
บุคคลผู้กำลังอุบัติในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จัก
ดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและในภังคขณะแห่งจิต
ของอรหันตบุคคล บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ในภังคขณะแห่งจิตนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๓๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
และในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรคและอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจาก
อสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่
กำลังเกิด
อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของบุคคลนั้นใน
ภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม
วิ. ในภังคขณะแห่งมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับแห่งจิตใด ใน
ภังคขณะแห่งจิตนั้น บุคคลเหล่าอื่นผู้จักได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตใน
ปวัตติกาลและในอุปปาทขณะแห่งมรรคและผลในอรูปภูมิ ทุกขสัจของบุคคลเหล่า
นั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค
และในภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคล
ผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาลและใน
อุปปาทขณะแห่งอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ
ทุกขสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและมัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ ทุกขสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิ
และบุคคลผู้เป็นปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังอุบัติ ในอุปปาทขณะแห่งจิตในปวัตติ-
กาล บุคคลผู้กำลังอุบัติในอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้น
ในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่ทุกขสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและใน
ภังคขณะแห่งจิตของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนที่จักไม่ได้มรรคซึ่งกำลังจุติ ในภังคขณะแห่งจิตในปวัตติกาล ในอุปปาทขณะ
แห่งอรหัตตผลในอรูปภูมิ บุคคลผู้กำลังจุติจากอบายภูมิและอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและทุกขสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
[๑๖๓] อนุ. สมุทยสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่กำลังเกิด มัคคสัจของ
บุคคลนั้นในภูมินั้นก็ไม่ใช่จักดับใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๒. ปวัตติวาร ๓. อุปปาทนิโรธวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งอรหัตตมรรค บุคคลจักได้อรหัตตมรรคในลำดับ
แห่งจิตใด ในอุปปาทขณะแห่งจิตนั้น ในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลเหล่าอื่นผู้
จักได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นใน
ภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิด แต่มัคคสัจมิใช่จักไม่ดับ ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรค
อรหันตบุคคล และในภังคขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและ
บุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้
อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ สมุทยสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่กำลังเกิดและ
มัคคสัจก็ไม่ใช่จักดับ
ปฏิ. มัคคสัจของบุคคลใดในภูมิใดไม่ใช่จักดับ สมุทยสัจของบุคคลนั้นในภูมิ
นั้นก็ไม่ใช่กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งตัณหาของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็น
ปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรค มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับ แต่
สมุทยสัจมิใช่ไม่กำลังเกิด ในภังคขณะแห่งอรหัตตมรรคและในภังคขณะแห่งตัณหา
ของอรหันตบุคคล บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอบายภูมิและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้
มรรค เมื่อจิตที่วิปปยุตจากตัณหาเป็นไปอยู่ บุคคลผู้อุบัติอยู่ในอสัญญสัตตภูมิ
มัคคสัจของบุคคลเหล่านั้นในภูมินั้นไม่ใช่จักดับและสมุทยสัจก็ไม่ใช่กำลังเกิด
๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
อนุโลมบุคคล
[๑๖๔] อนุ. ทุกขสัจของบุคคลใดเคยเกิด สมุทยสัจของบุคคลนั้นก็จักดับ
ใช่ไหม
(ผู้รู้จำแนกอตีตปุจฉากับอนาคตปุจฉาในนิโรธวารทั้งอนุโลมและปัจจนีกะฉันใด
ในอุปปาทนิโรธวารก็พึงจำแนกฉันนั้น)
อุปปาทนิโรธวาร จบ
ปวัตติวาร จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๓. ปริญญาวาร ๓. ปริญญาวาร
๓. ปริญญาวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
[๑๖๕] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ละกำลังละ
สมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดกำลังละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังละ
สมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ
ใช่ไหม
วิ. ใช่
๒. อตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีต
[๑๖๖] อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็เคยละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ไม่เคยละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๓. ปริญญาวาร ๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
๓. อนาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอนาคต
[๑๖๗] อนุ. บุคคลใดจักกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็จักละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็จักกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่จักกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ใช่
๔. ปัจจุปปันนาตีตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอดีต
[๑๖๘] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็เคยละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดเคยละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ไม่เคยละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ แต่มิใช่ไม่เคยละสมุทยสัจ
เว้นบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคลแล้ว บุคคลที่เหลือไม่
ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจและก็ไม่เคยละสมุทยสัจ
ปฏิ. บุคคลใดไม่เคยละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่เคยละสมุทยสัจ แต่มิใช่ไม่
กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ เว้นบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและอรหันตบุคคล
แล้ว บุคคลที่เหลือไม่เคยละสมุทยสัจและก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๓. ปริญญาวาร ๖. อตีตานาคตวาร
๕. ปัจจุปปันนานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบันและที่เป็นอนาคต
[๑๖๙] อนุ. บุคคลใดกำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็จักละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักละสมุทยสัจ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้จักได้มรรคไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ แต่มิใช่จักไม่ละสมุทยสัจ
อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรคไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจและก็
ไม่ใช่จักละสมุทยสัจ
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ
ใช่ไหม
วิ. บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคไม่ใช่จักละสมุทยสัจ แต่มิใช่ไม่
กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ อรหันตบุคคลและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรคไม่ใช่จัก
ละสมุทยสัจและก็ไม่ใช่กำลังกำหนดรู้ทุกขสัจ
๖. อตีตานาคตวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นอดีตและที่เป็นอนาคต
[๑๗๐] อนุ. บุคคลใดเคยกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็จักละสมุทยสัจใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. บุคคลใดจักละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็เคยกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. บุคคลใดไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจ บุคคลนั้นก็ไม่ใช่จักละสมุทยสัจใช่ไหม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๕. สัจจยมก] ๓. ปริญญาวาร ๖. อตีตานาคตวาร
วิ. บุคคลผู้จักได้มรรคไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจ แต่มิใช่จักไม่ละสมุทยสัจ
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรคไม่เคย
กำหนดรู้ทุกขสัจและก็ไม่ใช่จักละสมุทยสัจ
ปฏิ. บุคคลใดไม่ใช่จักละสมุทยสัจ บุคคลนั้นก็ไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจใช่ไหม
วิ. อรหันตบุคคลไม่ใช่จักละสมุทยสัจ แต่มิใช่ไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจ
บุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยอรหัตตมรรคและบุคคลผู้เป็นปุถุชนซึ่งจักไม่ได้มรรคไม่ใช่จักละ
สมุทยสัจและก็ไม่เคยกำหนดรู้ทุกขสัจ
ปริญญาวาร จบ
สัจจยมก จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
สังขารยมก
๑. ปัณณัตติวารอุทเทส
[๑] สังขาร ๓ คือ

๑. กายสังขาร (สภาพที่กายปรุงแต่ง)
๒. วจีสังขาร (สภาพที่ปรุงแต่งวาจา)
๓. จิตตสังขาร (สภาพที่จิตปรุงแต่ง)๑

ลมอัสสาสปัสสาสะชื่อว่ากายสังขาร วิตกและวิจารชื่อว่าวจีสังขาร สัญญา
และเวทนาชื่อว่าจิตตสังขาร เว้นวิตกและวิจารแล้ว สภาวธรรมที่สัมปยุตด้วยจิต
แม้ทั้งหมดชื่อว่าจิตตสังขาร
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม

[๒] กาย เป็นกายสังขารใช่ไหม กายสังขาร เป็นกายใช่ไหม
วจี เป็นวจีสังขารใช่ไหม วจีสังขาร เป็นวจีใช่ไหม
จิต เป็นจิตตสังขารใช่ไหม จิตตสังขาร เป็นจิตใช่ไหม

ปัจจนีกะ

[๓] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายสังขาร ไม่เป็นกายใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจี ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจีสังขาร ไม่เป็นวจีใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิต ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตตสังขาร ไม่เป็นจิตใช่ไหม


เชิงอรรถ :
๑ อภิ.ปญฺจ.อ. ๓๕๘

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม

[๔] กาย เป็นกายสังขารใช่ไหม สังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม
กาย เป็นกายสังขารใช่ไหม สังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วจี เป็นวจีสังขารใช่ไหม สังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
วจี เป็นวจีสังขารใช่ไหม สังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
จิต เป็นจิตตสังขารใช่ไหม สังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
จิต เป็นจิตตสังขารใช่ไหม สังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม

ปัจจนีกะ

[๕] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจี ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจี ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิต ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิต ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
๓. สุทธสังขารวาร
อนุโลม

[๖] กายสังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม วจีสังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
กายสังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม จิตตสังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
วจีสังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม จิตตสังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม

ปัจจนีกะ

[๗] สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจีสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตตสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจีสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตตสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม

ปัณณัตติวารอุทเทส จบ
๑. ปัณณัตติวารนิทเทส
๑. ปทโสธนวาร
อนุโลม
[๘] อนุ. กาย เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. กายสังขาร เป็นกายใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๑. ปทโสธนวาร
อนุ. วจี เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. วจีสังขาร เป็นวจีใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. จิต เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตตสังขาร เป็นจิตใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปัจจนีกะ
[๙] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร ไม่เป็นกาย แต่เป็นกายสังขาร เว้นกายและกายสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือ ไม่เป็นกายก็ใช่ ไม่เป็นกายสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายสังขาร ไม่เป็นกายใช่ไหม
วิ. กาย ไม่เป็นกายสังขาร แต่เป็นกาย เว้นกายและกายสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายก็ใช่ ไม่เป็นกายสังขารก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจี ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร ไม่เป็นวจี แต่เป็นวจีสังขาร เว้นวจีและวจีสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวจีก็ใช่ ไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจีสังขาร ไม่เป็นวจีใช่ไหม
วิ. วจี ไม่เป็นวจีสังขาร แต่เป็นวจี เว้นวจีและวจีสังขารแล้ว สภาวธรรม
ที่เหลือไม่เป็นวจีก็ใช่ ไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิต ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร ไม่เป็นจิต แต่เป็นจิตตสังขาร เว้นจิตและจิตตสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจิตก็ใช่ ไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๔๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตตสังขาร ไม่เป็นจิตใช่ไหม
วิ. จิต ไม่เป็นจิตตสังขาร แต่เป็นจิต เว้นจิตและจิตตสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจิตก็ใช่ ไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่
๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
อนุโลม
[๑๐] อนุ. กาย เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร เป็นสังขารก็ใช่ เป็นวจีสังขารก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็น
สังขาร แต่ไม่เป็นวจีสังขาร
อนุ. กาย เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร เป็นสังขารก็ใช่ เป็นจิตตสังขารก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสังขาร แต่ไม่เป็นจิตตสังขาร
[๑๑] อนุ. วจี เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร เป็นสังขารก็ใช่ เป็นกายสังขารก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสังขาร แต่ไม่เป็นกายสังขาร
อนุ. วจี เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๒. ปทโสธนมูลจักกวาร
ปฏิ. สังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร เป็นสังขารก็ใช่ เป็นจิตตสังขารก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสังขาร แต่ไม่เป็นจิตตสังขาร
[๑๒] อนุ. จิต เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร เป็นสังขารก็ใช่ เป็นกายสังขารก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือ
เป็นสังขาร แต่ไม่เป็นกายสังขาร
อนุ. จิต เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. สังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร เป็นสังขารก็ใช่ เป็นวจีสังขารก็ใช่ สภาวธรรมที่เหลือเป็น
สังขาร แต่ไม่เป็นวจีสังขาร
ปัจจนีกะ
[๑๓] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร ไม่เป็นกาย แต่เป็นกายสังขาร เว้นกายและกายสังขาร
แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายก็ใช่ ไม่เป็นกายสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกาย ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร ไม่เป็นกาย แต่เป็นกายสังขาร เว้นกายและกายสังขาร
แล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายก็ใช่ ไม่เป็นกายสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธสังขารวาร
[๑๔] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจี ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร ไม่เป็นวจี แต่เป็นวจีสังขาร เว้นวจีและวจีสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวจีก็ใช่ ไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจี ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร ไม่เป็นวจี แต่เป็นวจีสังขาร เว้นวจีและวจีสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวจีก็ใช่ ไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ใช่
[๑๕] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิต ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร ไม่เป็นจิต แต่เป็นจิตตสังขาร เว้นจิตและจิตตสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจิตก็ใช่ ไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิต ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร ไม่เป็นจิต แต่เป็นจิตตสังขาร เว้นจิตและจิตตสังขารแล้ว
สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจิตก็ใช่ ไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ใช่
๓. สุทธสังขารวาร
อนุโลม
[๑๖] อนุ. กายสังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๑. ปัณณัตติวารนิทเทส ๓. สุทธสังขารวาร
ปฏิ. วจีสังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. กายสังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตตสังขาร เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
อนุ. วจีสังขาร เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปฏิ. จิตตสังขาร เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. ไม่ใช่
ปัจจนีกะ
[๑๗] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร ไม่เป็นกายสังขาร แต่เป็นวจีสังขาร เว้นกายสังขารและ
วจีสังขารแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายสังขารก็ใช่ ไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจีสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร ไม่เป็นวจีสังขาร แต่เป็นกายสังขาร เว้นวจีสังขารและ
กายสังขารแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่ ไม่เป็นกายสังขารก็ใช่
อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นกายสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร ไม่เป็นกายสังขาร แต่เป็นจิตตสังขาร เว้นกายสังขารและ
จิตตสังขารแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นกายสังขารก็ใช่ ไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตตสังขาร ไม่เป็นกายสังขารใช่ไหม
วิ. กายสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขาร แต่เป็นกายสังขาร เว้นจิตตสังขารและ
กายสังขารแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่ ไม่เป็นกายสังขารก็ใช่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
[๑๘] อนุ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นวจีสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขารใช่ไหม
วิ. จิตตสังขาร ไม่เป็นวจีสังขาร แต่เป็นจิตตสังขาร เว้นวจีสังขารและจิตต-
สังขารแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่ ไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่
ปฏิ. สภาวธรรมที่ไม่เป็นจิตตสังขาร ไม่เป็นวจีสังขารใช่ไหม
วิ. วจีสังขาร ไม่เป็นจิตตสังขาร แต่เป็นวจีสังขาร เว้นจิตตสังขารและ
วจีสังขารแล้ว สภาวธรรมที่เหลือไม่เป็นจิตตสังขารก็ใช่ ไม่เป็นวจีสังขารก็ใช่
ปัณณัตติวารนิทเทส จบ
๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร
๑. ปัจจุปปันนวาร
ว่าด้วยสภาวธรรมที่เป็นปัจจุบัน
อนุโลมบุคคล
[๑๙] อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสปัสสาสะซึ่งเว้นจากวิตกและวิจาร กาย-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งลม
อัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและของบุคคลผู้อุบัติอยู่ในกามาวจรภูมิ
กายสังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและวจีสังขารก็กำลังเกิด
ปฏิ. วจีสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจารซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ วจี-
สังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะ
แห่งลมอัสสาสปัสสาสะของบุคคลผู้เข้าปฐมฌานและของบุคคลผู้อุบัติอยู่ใน
กามาวจรภูมิ วจีสังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและกายสังขารก็กำลังเกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ยมก [๖. สังขารยมก] ๒. ปวัตติวาร ๑. อุปปาทวาร ๑. ปัจจุปปันนวาร
อนุ. กายสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด กายสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากลมอัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของ
บุคคลเหล่านั้นกำลังเกิด แต่กายสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งลม
อัสสาสปัสสาสะ จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและกายสังขารก็กำลังเกิด
[๒๐] อนุ. วจีสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด จิตตสังขารของบุคคลนั้นก็กำลัง
เกิดใช่ไหม
วิ. ใช่
ปฏิ. จิตตสังขารของบุคคลใดกำลังเกิด วจีสังขารของบุคคลนั้นก็กำลังเกิด
ใช่ไหม
วิ. ในอุปปาทขณะแห่งจิตซึ่งเว้นจากวิตกและวิจาร จิตตสังขารของบุคคล
เหล่านั้นกำลังเกิด แต่วจีสังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจาร
จิตตสังขารของบุคคลเหล่านั้นกำลังเกิดและวจีสังขารก็กำลังเกิด
อนุโลมโอกาส
[๒๑] อนุ. กายสังขารในภูมิใดกำลังเกิด วจีสังขารในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในทุติยฌานและตติยฌาน ในฌานนั้นกายสังขารกำลังเกิด แต่วจี-
สังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในปฐมฌานและในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นกายสังขารกำลังเกิด
และวจีสังขารก็กำลังเกิด
ปฏิ. วจีสังขารในภูมิใดกำลังเกิด กายสังขารในภูมินั้นก็กำลังเกิดใช่ไหม
วิ. ในรูปาวจรภูมิและอรูปาวจรภูมิ ในภูมินั้นวจีสังขารกำลังเกิด แต่กาย-
สังขารไม่ใช่กำลังเกิด ในปฐมฌานและในกามาวจรภูมิ ในภูมินั้นวจีสังขารกำลังเกิด
และกายสังขารก็กำลังกิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๘ หน้า :๔๕๕ }

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น