พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓-๓ อภิธรรมปิฎกที่ ๑๐ ปัฏฐาน ภาค ๔
พระอภิธรรมปิฎก
ธัมมานุโลม ทุกปัฏฐาน
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอภิธรรมปิฎก
ธัมมานุโลม ทุกปัฏฐาน
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๑๙๕] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และ
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น
... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น
... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
อาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่สหรคตด้วยอุทธัจจะและอาศัยจิตเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่
ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็น
อเหตุกะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ จิตอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุ
เกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มี
จิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ
ขันธ์ ๒ และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ...
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
นอารัมมณปัจจัย
[๑๙๖] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป
ที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น
เพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้น (๒)
[๑๙๗] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัยได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยจิต
เกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความ
จนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น
เพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่
มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตและมหาภูตรูป
เกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่
ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (ย่อ) (๒)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย
[๑๙๘] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
นสมนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๖ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
[๑๙๙] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๖ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ
นกัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย ” มี ๕ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๖ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๕ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๖ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๖ วาระ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
[๒๐๐] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ ฯลฯ
ปุเรชาตปัจจัย ” มี ๕ วาระ
อาเสวนปัจจัย ” มี ๕ วาระ ฯลฯ
ฌานปัจจัย ” มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)
๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๐๑] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปทำจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิ-
ขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ มี ๒ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
[๒๐๒] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและ
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒
ทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ...
ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะพึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตทำขันธ์ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๓ วาระ
เหมือนกับปฏิจจวาร) (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิต
เป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระเหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)
อารัมมณปัจจัย
[๒๐๓] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ กายวิญญาณทำกายายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ จิตทำ
หทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณทำ
จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณทำกายายตนะ
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น สัมปยุตตขันธ์ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๒)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณและ
สัมปยุตตขันธ์ทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ จิตและ
สัมปยุตตขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๒๐๔] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและ
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒
ทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ...
ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำ
ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ ทำขันธ์
ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ จิตทำขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้
เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มี
จิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย
ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจักขุวิญญาณทำขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและทำ
จักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ
ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓) (ย่อ)
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
[๒๐๕] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๒๐๖] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานทำสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
ให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย (พึงเพิ่มเป็น ๙ วาระทั้งหมดเหมือนกับ
ปฏิจจวาร พึงเพิ่มปัญจวิญญาณ ๓ วาระเท่านั้นที่มีโมหะ)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย
[๒๐๗] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๖ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๖ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๖ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๖ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๖ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๖ วาระ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และนิสสยวารพึงทําอย่างนี้)
๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
[๒๐๘] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตเกิดระคนกับขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับ
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตเกิดระคน
กับขันธ์ ๑ ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๓)
[๒๐๙] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่มีจิต
เป็นสมุฏฐานเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์เกิดระคนกับจิต ในปฏิสนธิขณะ
ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและเกิดระคนกับจิต ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (ย่อ) (๑)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
เหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๕ วาระ)
อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดระคนกับสภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เพราะนเหตุปัจจัย (พึงเพิ่มเป็น ๕ วาระ ๓ วาระ มีโมหะ)
นเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๕ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวาร พึงทําอย่างนี้)
๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๑๐] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่จิตโดยเหตุปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ เหตุที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่จิต และกฏัตตารูปโดย
เหตุปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สัมปยุตตขันธ์ จิต และจิตตสมุฏฐานรูปโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
อารัมมณปัจจัย
[๒๑๑] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ เพราะปรารภขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ขันธ์ที่
มีจิตเป็นสมุฏฐานจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐาน จิตจึงเกิดขึ้น (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) เพราะปรารภขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและจิตจึงเกิดขึ้น (๓)
[๒๑๒] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิต
เป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรคแล้วพิจารณามรรค
พิจารณาผล พิจารณานิพพาน นิพพานเป็นปัจจัยแก่โคตรภู โวทาน มรรค ผล
และอาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุและขันธ์
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภ
ความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น จิตจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ
ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รู้จิตของบุคคลผู้มีความพรั่งพร้อมด้วยจิตที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานด้วยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะ ฯลฯ
รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่มีจิต
เป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
ยถากัมมูปคญาณ อนาคตังสญาณและ อาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๑)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพาน
(เหมือนกับข้อความตอนต้น) บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุและขันธ์ที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วย
ทิพพจักขุ ฯลฯ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ
เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อนาคตังสญาณ และอาวัชชนจิตโดย
อารัมมณปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ
พิจารณานิพพาน (เหมือนกับข้อความตอนต้น) บุคคลเห็นแจ้งขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดี
เพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น จิตและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วย
ทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและ
สัมปยุตตขันธ์ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ ขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่อิทธิวิธญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ อนาคตังสญาณ และ
อาวัชชนจิตโดยอารัมมณปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (พึงเพิ่มคําว่า เพราะปรารภ)
อธิปติปัจจัย
[๒๑๓] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ เพราะทําขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานจึงเกิดขึ้น
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต-
ขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (มี ๓ วาระ พึงเพิ่มทั้งอารัมมณาธิปติ
และสหชาตาธิปติ) (๓)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะ
ออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ บุคคล
ยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทํา
ความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น จิตจึงเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ และสหชาตาธิปติ
อารัมมณาธิปติ ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพานให้
เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ฯลฯ บุคคลยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น เพราะทําความยินดีเพลิดเพลินขันธ์นั้นให้
เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะจึงเกิดขึ้น ทิฏฐิจึงเกิดขึ้น
สหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิบดีธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอธิปติปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ
ได้แก่ พระอริยะออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพานให้เป็นอารมณ์อย่าง
หนักแน่น ฯลฯ บุคคลยินดีเพลิดเพลินขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานให้เป็นอารมณ์
อย่างหนักแน่น ฯลฯ จิตและสัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น (๓)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ
มี ๓ วาระ (มีเฉพาะอารัมมณาธิปติ)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อนันตรปัจจัยและสมนันตรปัจจัย
[๒๑๔] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ (ไม่มีวุฏฐานะ)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอนันตรปัจจัย ได้แก่ จิตที่เกิดก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่จิตที่เกิดหลัง ๆ
ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะของท่านผู้ออกจากนิโรธเป็นปัจจัยแก่ผลสมาบัติ
โดยอนันตรปัจจัย (พึงทําการนับทั้ง ๒ อย่างนอกนี้ ให้เหมือนกับปัจจัยนี้นั่นเอง)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอนันตรปัจจัย (พึงเพิ่มเป็น ๓ วาระ ไม่มีวุฏฐานะ) เป็นปัจจัย
โดยสมนันตรปัจจัย
สหชาตปัจจัยเป็นต้น
[๒๑๕] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยสหชาตปัจจัย (เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยอัญญมัญญปัจจัย
(เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย (เหมือนกับปัจจยวาร)
อุปนิสสยปัจจัย
[๒๑๖] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ
และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ (พึงทําเป็น ๓ วาระ) (๓)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน เป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิต
แล้วให้ทาน ฯลฯ ทําลายสงฆ์ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิตเป็น
ปัจจัยแก่จิตโดยอุปนิสสยปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ และ
ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิต
แล้วให้ทาน ฯลฯ ทําลายสงฆ์ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิตเป็น
ปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ มรรคและผลสมาบัติโดยอุปนิสสยปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ
อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยอุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิต
แล้วให้ทาน ฯลฯ ทําลายสงฆ์ อุตุ ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะและจิตเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและจิตโดยอุปนิสสยปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาว-
ธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ
อนันตรูปนิสสยะ และปกตูปนิสสยะ ฯลฯ
ปกตูปนิสสยะ มี ๓ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย
[๒๑๗] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคล
เห็นแจ้งจิตตสมุฏฐานรูป ฯลฯ โผฏฐัพพะโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะเป็น
ปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยปุเรชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้ง
จิตตสมุฏฐานรูป ฯลฯ โผฏฐัพพะโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ ยินดีเพลิดเพลิน
เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินรูปเป็นต้นนั้น จิตจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วย
ทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะเป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณปุเรชาตะ
ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจิตตสมุฏฐานรูป ฯลฯ โผฏฐัพพะ โดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ
ยินดีเพลิดเพลิน เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินรูปเป็นต้นนั้น จิตและ
สัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์โดยปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ (๓)
[๒๑๘] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิต
เป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะ และวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ กาย รูป ฯลฯ โผฏฐัพพะ
และหทัยวัตถุโดยเป็นสภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุ
เป็นต้นนั้น จิตจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยปุเรชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัสจึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วย
ทิพพโสตธาตุ รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ
ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาต-
ปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะ
และวัตถุปุเรชาตะ
อารัมมณปุเรชาตะ ได้แก่ บุคคลเห็นแจ้งจักษุ ฯลฯ หทัยวัตถุโดยเป็น
สภาวะไม่เที่ยง ฯลฯ เพราะปรารภความยินดีเพลิดเพลินจักษุเป็นต้นนั้น จิตและ
สัมปยุตตขันธ์จึงเกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ
รูปายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์
ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์โดยปุเรชาต-
ปัจจัย (๓)
[๒๑๙] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณ-
ปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ รูปายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและจักขายตนะ
เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานและกายายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย
รูปายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดย
ปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและหทัยวัตถุ ฯลฯ (๑)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณ-
ปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ รูปายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและจักขายตนะ
เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและกายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณโดยปุเรชาตปัจจัย รูปายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและ
หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานและหทัยวัตถุ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒
อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาตะ และวัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ รูปายตนะที่มีจิตเป็น
สมุฏฐาน และจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ และสัมปยุตตขันธ์โดย
ปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ รูปายตนะที่มีจิต
เป็นสมุฏฐานและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและสัมปยุตตขันธ์โดยปุเรชาตปัจจัย ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและหทัยวัตถุ ฯลฯ (๓)
ปัจฉาชาตปัจจัยและอาเสวนปัจจัย
[๒๒๐] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยปัจฉาชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีจิต
เป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งมีจิตเป็นสมุฏฐานโดยปัจฉาชาตปัจจัย
(พึงขยายปัจฉาชาตปัจจัยให้พิสดารโดยอาการนี้นั่นเอง) เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย
มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัยและวิปากปัจจัย
[๒๒๑] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่จิตโดยกัมมปัจจัย ใน
ปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่จิตที่เป็นวิบาก
และกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ จิต
และจิตตสมุฏฐานรูปโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก
จิตและกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๓)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย
[๒๒๒] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอาหารปัจจัย ได้แก่ อาหารที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) อาหารที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่จิตโดยอาหารปัจจัย
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ กวฬิงการาหารที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่ไม่มี
จิตเป็นสมุฏฐานโดยอาหารปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) อาหารที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ จิต และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอาหารปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๒๒๓] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิต
เป็นสมุฏฐานโดยอาหารปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ อาหารที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอาหารปัจจัย กวฬิงการาหารที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอาหารปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) อาหาร
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดยอาหารปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ในปฏิสนธิขณะ อาหารที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปโดยอาหารปัจจัย (๓)
[๒๒๔] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอาหารปัจจัย ได้แก่ อาหารที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป
โดยอาหารปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ในปฏิสนธิขณะ
อาหารที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูป
โดยอาหารปัจจัย กวฬิงการาหารที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอาหารปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ใน
ปฏิสนธิขณะ อาหารที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปโดยอาหารปัจจัย (๓)
อินทรียปัจจัยเป็นต้น
[๒๒๕] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอินทรียปัจจัย มี ๓ วาระ
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอินทรียปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จักขุนทรีย์เป็น
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ
รูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอินทรียปัจจัย (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล)
อินทรีย์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปโดย
อินทรียปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วย
จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปโดยอินทรียปัจจัย
จักขุนทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณโดยอินทรีย-
ปัจจัย กายินทรีย์ ฯลฯ (๓)
[๒๒๖] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอินทรียปัจจัย ได้แก่ อินทรีย์ที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป
โดยอินทรียปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ จักขุนทรีย์และอุเบกขินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์และสุขินทรีย์ ฯลฯ กายินทรีย์
และทุกขินทรีย์เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณโดยอินทรียปัจจัย
(พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยอินทรียปัจจัย จักขุนทรีย์และอุเปกขินทรีย์เป็น
ปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายินทรีย์ ฯลฯ (พึงเพิ่มบทที่เป็นมูล) ในปฏิสนธิขณะ
อินทรีย์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
และกฏัตตารูปโดยอินทรียปัจจัย จักขุนทรีย์และอุเปกขินทรีย์เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ
และสัมปยุตตขันธ์โดยอินทรียปัจจัย กายินทรีย์ ฯลฯ (๓)
... เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
... เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ ฯลฯ
วิปปยุตตปัจจัย
[๒๒๗] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปัจฉาชาตะ
(ย่อ) (๓)
[๒๒๘] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเ
ป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ จิตเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยวิปปยุตต-
ปัจจัย จิตเป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุโดยวิปปยุตตปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ ฯลฯ กายายตนะ
เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่ง
ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ
และปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๓)
[๒๒๙] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ
และปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๑)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
(ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ
สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๓)
อัตถิปัจจัย
[๒๓๐] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
(ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ และอาหาระ
(ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ และปัจฉาชาตะ
(ย่อ) (๓)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระและ
อินทรียะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ
ปัจฉาชาตะ และอาหาระ (ย่อ) (๓)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
[๒๓๑] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ
และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ
อาหาระ และอินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่
จักขุวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ (สําหรับปัญหาวาระทั้งหมด
พึงเพิ่มทั้งปฏิสนธิกาลและปวัตติกาลให้เหมือนกับปัจจยวาร)
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและจิตเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิด
ก่อนซึ่งไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน จิต และกวฬิงการาหารเป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน จิต และรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัย
แก่กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ
สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ (ย่อ) (๓)
(ปัจจยวารเหมือนกับสหชาตวาร พึงเพิ่มบทว่า สหชาตปัจจัยเข้าไว้ทั้งหมด)
... เป็นปัจจัยโดยนัตถิปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยวิคตปัจจัย
... เป็นปัจจัยโดยอวิคตปัจจัย
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย
[๒๓๒] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อนุโลม จบ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๒. ปัจจนียุทธาร
[๒๓๓] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็น
สมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย
กัมมปัจจัย และอาหารปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
ปุเรชาตปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และกัมมปัจจัย (๓)
[๒๓๔] สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเ
ป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย และปัจฉาชาต-
ปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
และที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
ปุเรชาตปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย (๓)
[๒๓๕] สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
ปุเรชาตปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย (๑)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๐. จิตตสมุฏฐานทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาต-
ปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่มีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย
อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย และปัจฉาชาตปัจจัย (๓)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
[๒๓๖] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)
โนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
[๒๓๗] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
นมัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๒ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
[๒๓๘] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย ” มี ๙ วาระ
(พึงเพิ่มการนับอนุโลม) ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
จิตตสมุฏฐานทุกะ จบ
๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๓๙] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตและจิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ที่
เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตและกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อม
กับจิตเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่
เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ จิตและจิตตสมุฏฐานรูป
ที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ จิตและกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๓)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๒๔๐] สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับ
จิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยจิต
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยจิตเกิดขึ้น
จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูปและ
กฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัย
จิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่
เกิดพร้อมกับจิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเกิด
พร้อมกับจิตอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูป
ที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ
สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตและสัมปยุตต-
ขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเกิดพร้อมกับจิต
และที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๓)
[๒๔๑] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและ
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูป
ที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัย
ขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตและ
อาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
จิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นอุปาทายรูปซึ่งเกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิต
และอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับ
จิตอาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูป
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
อาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยขันธ์
ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปและกฏัตตารูปที่เป็น
อุปาทายรูปซึ่งไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยมหาภูตรูป
เกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่
เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒
และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่
เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ
ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปทำขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น ...
อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่
เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ กฏัตตารูปที่
เป็นอุปาทายรูปอาศัย ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (ย่อ) (๓)
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
[๒๔๒] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
(พึงยกอรูปทั้งหมดขึ้นแสดงเหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ)
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
(พึงเพิ่มมหาภูตรูปในวาระทั้ง ๖ อธิปติปัจจัย ไม่มีใน ๓ วาระ)
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
อาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ l/r
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระl/r
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ l/r
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๒๔๓] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
เกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิต
อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคต
ด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น
(พึงเพิ่มทั้ง ๙ วาระอย่างนี้ พึงกําหนดบทว่าเป็นอเหตุกะไว้ พึงเพิ่มเหมือนที่ได้
ในอนุโลม ๓ วาระ มีโมหะ พึงเพิ่มเหมือนในจิตตสมุฏฐานทุกะ)
นกัมมปัจจัย
[๒๔๔] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิต
เกิดขึ้น
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่ ... ที่เป็นภายนอก ฯลฯ ที่มีอาหารเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ
ที่มีอุตุเป็นสมุฏฐาน ฯลฯ
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยจิตเกิดขึ้น
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิด
พร้อมกับจิตเกิดขึ้นเพราะนกัมมปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตเจตนาอาศัยขันธ์ที่เกิดพร้อม
กับจิตและอาศัยจิตเกิดขึ้น
นฌานปัจจัย
[๒๔๕] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตอาศัยสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดขึ้น
เพราะนฌานปัจจัย ได้แก่ ... ที่สหรคตด้วยปัญจวิญญาณ ฯลฯ
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย
[๒๔๖] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๖ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๓. ปัจจยวาร
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
(พึงทําการนับ ๒ อย่างนอกนี้อย่างนี้)
(สหชาตวารเหมือนกับปฏิจจวาร)
๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๔๗] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตให้ปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูป
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (เหมือนกับ
ปฏิจจวาร พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด) (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิต
ทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด เหมือนกับปฏิจจวาร) (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
จิตและสัมปยุตตขันธ์ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด) (๓)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๓. ปัจจยวาร
[๒๔๘] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และ
จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตทำขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตและทำจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ทำขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิตและ
ทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตทำขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตทำขันธ์
ที่เกิดพร้อมกับจิตและทำหทัยวัตถุให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตทำขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและทำมหาภูตรูปให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด) (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต และที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่
เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำขันธ์ ๑
ที่เกิดพร้อมกับจิตและทำจิตให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น ขันธ์ ๒ และจิตทำขันธ์ ๑
ที่เกิดพร้อมกับจิตและทำหทัยวัตถุให้เป็นป้จจัยเกิดขึ้น ... ทำขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (เหมือนกับปฏิจจวาร พึงเพิ่มมหาภูตรูปทั้งหมด) (๓)
อารัมมณปัจจัย
[๒๔๙] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็นปัจจัย
เกิดขึ้นเพราะอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จักขุวิญญาณทำจักขายตนะให้เป็นปัจจัยเกิดขึ้น
ฯลฯ ทำกายายตนะ ฯลฯ (จิตตสมุฏฐานทุกะนี้ เหมือนกับอารัมมณปัจจัยใน
ปัจจยวาร สำหรับวาระทั้ง ๖ นี้พึงเพิ่มสภาวธรรมที่มีปัญจวิญญาณเป็นมูล ย่อ)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๓. ปัจจยวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
[๒๕๐] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๒๕๑] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตทำสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตให้เป็น
ปัจจัยเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ... ทำขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งเกิดพร้อมกับจิต
ฯลฯ (ย่อ พึงเพิ่มทั้งหมด สําหรับปัจจยวารมีปัญจวิญญาณ พึงทําให้เป็นมูล
ของวาระทั้ง ๖ มหาภูตรูปทั้งหมดมีเพียง ๓ วาระ เพิ่มโมหะเข้ามา ย่อ)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย
[๒๕๒] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๓. ปัจจยวาร
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๙ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๖ วาระ
โนนัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
โนวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
[๒๕๓] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)
นกัมมปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๕ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๙ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
[๒๕๔] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย ” มี ๙ วาระ
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)
มัคคปัจจัย ” มี ๓ วาระ ฯลฯ
อวิคตปัจจัย ” มี ๙ วาระ
(นิสสยวารเหมือนกับปัจจยวาร)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๕. สังสัฏฐวาร
๑. ปัจจยานุโลมเป็นต้น
[๒๕๕] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับ
จิตเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิต ...
เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเพราะ
เหตุปัจจัย ได้แก่ จิตเกิดระคนกับขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิต ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเกิดระคนกับสภาวธรรม
ที่เกิดพร้อมกับจิตเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตเกิดระคนกับขันธ์ ๑
ที่เกิดพร้อมกับจิต ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๒๕๖] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับ
จิตเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์เกิดระคนกับจิต ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเกิดระคนกับสภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ เกิดระคนกับขันธ์ ๑ ที่เกิด
พร้อมกับจิตและเกิดระคนกับจิต ... เกิดระคนกับขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
(ย่อ) (๒)
เหตุปัจจัย มี ๕ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๕ วาระ
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๕ วาระ)
อวิคตปัจจัย มี ๕ วาระ
อนุโลม จบ
นเหตุปัจจัย มี ๕ วาระ (๓ วาระ มีโมหะ)
นอธิปติปัจจัย มี ๕ วาระ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
นปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๕ วาระ
นฌานปัจจัย มี ๕ วาระ
นมัคคปัจจัย มี ๕ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
(การนับ ๒ อย่างนอกนี้และสัมปยุตตวารพึงเพิ่มไว้ทั้งหมด)
๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๕๗] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับ
จิตโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่จิตและจิตตสมุฏฐานรูปที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยเหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ เหตุที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัย
แก่จิตและกฏัตตารูปโดยเหตุปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยเหตุปัจจัย ได้แก่ เหตุที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่
สัมปยุตตขันธ์ จิต และจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยเหตุปัจจัย (๓)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
อารัมมณปัจจัย
[๒๕๘] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
อธิปติปัจจัย
[๒๕๙] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับ
จิตโดยอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (พึงเพิ่มอารัมมณาธิปติและสหชาตาธิปติ)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอธิปติปัจจัย มี ๓ วาระ (สําหรับวาระทั้ง ๓ นี้ พึงเพิ่มอารัมมณาธิปติและ
สหชาตาธิปติ ทั้ง ๙ วาระก็เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ ในที่สุด มี ๓ วาระ
มีเฉพาะอารัมมณาธิปติ)
อนันตรปัจจัยเป็นต้น
[๒๖๐] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อม
กับจิตโดยอนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ ไม่มีข้อ
แตกต่างกัน) เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร)
เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดย
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับปฏิจจวาร) เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย
มี ๙ วาระ (เหมือนกับปัจจยวาร) เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
(เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ)
ปุเรชาตปัจจัย
[๒๖๑] สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิด
พร้อมกับจิตโดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่างคือ อารัมมณปุเรชาตะและวัตถุปุเรชาตะ
มี ๓ วาระ (ได้เฉพาะมูล คือ สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเหมือนกับจิตต-
สมุฏฐานทุกะ มี ๓ วาระ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
ปัจฉาชาตปัจจัยและอาเสวนปัจจัย
[๒๖๒] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับ
จิตโดยปัจฉาชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับ
จิตเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยปัจฉาชาตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยปัจฉาชาตปัจจัย (ย่อ) เป็นปัจจัยโดยอาเสวนปัจจัย
มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย
[๒๖๓] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับ
จิตโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และ
จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบากซึ่ง
เกิดพร้อมกับจิตโดยกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่จิตและจิตตสมุฏฐานรูป
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่จิตที่เป็นวิบากและ
กฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๒)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยกัมมปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและนานาขณิกะ
สหชาตะ ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์
จิตและจิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยกัมมปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
นานาขณิกะ ได้แก่ เจตนาที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เป็นวิบาก จิต
และกฏัตตารูปโดยกัมมปัจจัย (๓)
วิปากปัจจัยเป็นต้น
[๒๖๔] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อม
กับจิตโดยวิปากปัจจัย (เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ) เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย
มี ๙ วาระ (เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ แม้ทุกะนี้ก็มี ๑ วาระ เหมือนกับ
กวฬิงการาหาร)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตโดย
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ (เหมือนกับจิตตสมุฏฐานทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
เป็นปัจจัยโดยฌานปัจจัย มี ๓ วาระ เป็นปัจจัยโดยมัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
เป็นปัจจัยโดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย
[๒๖๕] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อม
กับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับ
จิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งไม่
เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่
เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อม
กับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๓)
[๒๖๖] สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อม
กับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ และปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ จิตเป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปโดยวิปปยุตตปัจจัย
จิตเป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุโดยวิปปยุตตปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณโดยวิปปยุตตปัจจัย
ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดยวิปปยุตตปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งไม่เกิดพร้อมกับจิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตโดย
วิปปยุตตปัจจัย
ปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณโดย
วิปปยุตตปัจจัย ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ที่เกิดพร้อม
กับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
และที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ จิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่
เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
วัตถุปุเรชาตะ ได้แก่ จักขายตนะเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณและสัมปยุตตขันธ์
โดยวิปปยุตตปัจจัย ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตและ
สัมปยุตตขันธ์โดยวิปปยุตตปัจจัย (๓)
[๒๖๗] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ สหชาตะ
ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและจิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อมกับ
จิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตและจิตเป็นปัจจัย
แก่จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตและจิตเป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ที่
เกิดพร้อมกับจิตที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตและจิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่เกิดพร้อม
กับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยวิปปยุตตปัจจัย (๓)
อัตถิปัจจัย
[๒๖๘] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอัตถิปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิต ฯลฯ (เหมือนกับปฏิจจวาร) (๑)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปัจฉาชาตะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่
ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เกิดพร้อมกับจิต ฯลฯ
(เหมือนกับปฏิจจวาร) (๓)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ อาหาระ
และอินทรียะ (ย่อ) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ (ย่อ) (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
และที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
(ย่อ) (๓)
[๒๖๙] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะและปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ จักขายตนะและ
จักขุวิญญาณเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๒ ฯลฯ ขันธ์ ๒ ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะ
พึงเพิ่มทั้งหมด คือทั้งสหชาตะและปุเรชาตะ) (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาตะ ปุเรชาตะ ปัจฉาชาตะ
อาหาระ และ อินทรียะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะเป็นปัจจัยแก่
จักขุวิญญาณโดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ ขันธ์ที่สหรคตด้วยกายวิญญาณ ฯลฯ ขันธ์ที่
เกิดพร้อมกับจิตและจิตเป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและหทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่จิตโดย
อัตถิปัจจัย
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและมหาภูตรูปเป็นปัจจัยแก่จิตต-
สมุฏฐานรูปที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่ม
เป็น ๓ วาระ)
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตและจิตเป็น
ปัจจัยแก่กายนี้ที่เกิดก่อนซึ่งไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและกวฬิงการาหารเป็นปัจจัยแก่
กายนี้ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย
ปัจฉาชาตะ ได้แก่ ขันธ์ที่เกิดพร้อมกับจิตและรูปชีวิตินทรีย์เป็นปัจจัยแก่
กฏัตตารูปโดยอัตถิปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาตะ
และปุเรชาตะ
สหชาตะ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณและจักขายตนะ ฯลฯ
(เหมือนกับปัจจยวาร) (๓)
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย
[๒๗๐] เหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
ปัจฉาชาตปัจจัย มี ๓ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๓ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
อาหารปัจจัย มี ๙ วาระ
อินทรียปัจจัย มี ๙ วาระ
ฌานปัจจัย มี ๓ วาระ
มัคคปัจจัย มี ๓ วาระ
สัมปยุตตปัจจัย มี ๕ วาระ
วิปปยุตตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
นัตถิปัจจัย มี ๙ วาระ
วิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อนุโลม จบ
๒. ปัจจนียุทธาร
[๒๗๑] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับ
จิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และกัมมปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปัจฉาชาตปัจจัย และ
กัมมปัจจัย (๒)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๑. จิตตสหภูทุกะ ๗. ปัญหาวาร
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและ
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และ
กัมมปัจจัย (๓)
[๒๗๒] สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่ไม่เกิด
พร้อมกับจิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย ปุเรชาตปัจจัย
ปัจฉาชาตปัจจัย อาหารปัจจัย และอินทรียปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
โดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และปุเรชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต
และที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย
และปุเรชาตปัจจัย (๓)
[๒๗๓] สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัย
แก่สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และอุปนิสสย-
ปัจจัย (๑)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย อุปนิสสยปัจจัย และ
ปัจฉาชาตปัจจัย (๒)
สภาวธรรมที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตเป็นปัจจัยแก่สภาวธรรม
ที่เกิดพร้อมกับจิตและที่ไม่เกิดพร้อมกับจิตโดยอารัมมณปัจจัย สหชาตปัจจัย และ
อุปนิสสยปัจจัย (๓)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
[๒๗๔] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)
โนอวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๒. จิตตานุปริวัตติทุกะ ๑. ปฎิจจวาร
๓. ปัจจยานุโลมปัจจนียะ
[๒๗๕] นอารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย ” มี ๓ วาระ
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๓ วาระ)
นสัมปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
นวิปปยุตตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนนัตถิปัจจัย ” มี ๓ วาระ
โนวิคตปัจจัย ” มี ๓ วาระ
๔. ปัจจยปัจจนียานุโลม
[๒๗๖] อารัมมณปัจจัย กับนเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
(พึงเพิ่มบทอนุโลมมาติกา)
จิตตสหภูทุกะ จบ
๖๒. จิตตานุปริวัตติทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
[๒๗๗] สภาวธรรมที่เป็นไปตามจิตอาศัยสภาวธรรมที่เป็นไปตามจิตเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปที่เป็นไปตามจิตอาศัยขันธ์ ๑
ที่เป็นไปตามจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (พึงทํา
ทุกะนี้ให้เหมือนกับจิตตสหภูทุกะ ไม่มีข้อแตกต่างกัน)
จิตตานุปริวัตติทุกะ จบ
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๑. วิภังควาร
เหตุปัจจัย
[๒๗๘] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ขันธ์ ๑ อาศัยขันธ์ ๒ เกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับ
จิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตและจิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะจิตและ
กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
อาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๒ จิต และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ (๓)
[๒๗๙] สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่
ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยจิต
เกิดขึ้น จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ จิตตสมุฏฐานรูป
และกฏัตตารูปที่เป็นอุปาทายรูปอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับ
จิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิต
เกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ที่
ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
อาศัยสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่
สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ สัมปยุตตขันธ์
และกฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
[๒๘๐] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
และอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัย
หทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับ
จิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัย
มหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะ จิตอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
และอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
อาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒ และกฏัตตารูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็น
สมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ ๒
และจิตอาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น
... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ (ย่อ) (๓)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
๑. ปัจจยานุโลม ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย
[๒๘๑] เหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
อารัมมณปัจจัย มี ๙ วาระ
อธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
อนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สมนันตรปัจจัย มี ๙ วาระ
สหชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
อัญญมัญญปัจจัย มี ๙ วาระ
นิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
อุปนิสสยปัจจัย มี ๙ วาระ
ปุเรชาตปัจจัย มี ๕ วาระ
อาเสวนปัจจัย มี ๕ วาระ
กัมมปัจจัย มี ๙ วาระ
วิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
(ทุกปัจจัยมีปัจจัยละ ๙ วาระ)
อวิคตปัจจัย มี ๙ วาระ
อนุโลม จบ
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๑. วิภังควาร
นเหตุปัจจัย
[๒๘๒] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัย
ขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๑)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับ
จิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตและจิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่
เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
อาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
ขันธ์ ๒ จิตและจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตและมีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ (๓)
[๒๘๓] สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่
ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยจิตที่เป็นอเหตุกะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูปอาศัยจิต
เกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยจิตเกิดขึ้น จิตอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑
ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับ
จิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตที่
เป็นอเหตุกะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ สัมปยุตตขันธ์อาศัยจิตเกิดขึ้น
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยหทัยวัตถุ
เกิดขึ้น โมหะที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะอาศัยจิตที่สหรคต
ด้วยวิจิกิจฉาและที่สหรคตด้วยอุทธัจจะเกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
อาศัยสภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่
สัมปยุตตขันธ์และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยจิตที่เป็นอเหตุกะเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่
เป็นอเหตุกะ สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็น
อเหตุกะ จิตและสัมปยุตตขันธ์อาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น (๓)
[๒๘๔] สภาวธรรมที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่
ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะ
นเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตมีจิตเป็น
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ ในขณะปฏิสนธิที่เป็น
อเหตุกะ ... อาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิต ฯลฯ
ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๑ ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็น
สมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒ ฯลฯ โมหะที่สหรคตด้วย
วิจิกิจฉาและที่สหรคต ด้วยอุทธัจจะอาศัยขันธ์ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉาที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะและอาศัยจิตเกิดขึ้น (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับ
จิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย
ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและ
อาศัยจิตเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตมีจิตเป็น
สมุฏฐานและอาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ กฏัตตารูป
อาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ในปฏิสนธิขณะที่
เป็นอเหตุกะ จิตอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยหทัยวัตถุ
เกิดขึ้น (๒)
สภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
อาศัยสภาวธรรมที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน และที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็น
สมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนเหตุปัจจัย ได้แก่ ขันธ์ ๒ และจิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ ๑
ที่ไม่มีเหตุซึ่งระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและอาศัยจิตเกิดขึ้น ... อาศัยขันธ์ ๒
ฯลฯ (ในปฏิสนธิขณะที่เป็นอเหตุกะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ) (๓)
นอารัมมณปัจจัย
[๒๘๕] สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรม
ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่
จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้น ในปฏิสนธิ-
ขณะ ฯลฯ (๑)
พระอภิธรรมปิฎก ธัมมานุโลม [ทุกปัฏฐาน] ๖๓. จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานทุกะ ๑. ปฏิจจวาร
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ไม่ระคน
กับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะนอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูป
อาศัยจิตเกิดขึ้นในปฏิสนธิขณะ กฏัตตารูปอาศัยจิตเกิดขึ้น หทัยวัตถุอาศัยจิต
เกิดขึ้น ... อาศัยมหาภูตรูป ๑ ฯลฯ (พึงเพิ่มข้อความจนถึงอสัญญสัตตพรหม) (๑)
สภาวธรรมที่ไม่ระคนกับจิตและมีจิตเป็นสมุฏฐานอาศัยสภาวธรรมที่ระคน
กับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและที่ไม่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานเกิดขึ้นเพราะ
นอารัมมณปัจจัย ได้แก่ จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐาน
และอาศัยจิตเกิดขึ้น จิตตสมุฏฐานรูปอาศัยขันธ์ที่ระคนกับจิตมีจิตเป็นสมุฏฐานและ
อาศัยมหาภูตรูปเกิดขึ้น (ในปฏิสนธิขณะ พึงเพิ่มเป็น ๒ วาระ ย่อ) (๑)
๒. ปัจจยปัจจนียะ ๒. สังขยาวาร
สุทธนัย
[๒๘๖] นเหตุปัจจัย มี ๙ วาระ
นอารัมมณปัจจัย มี ๓ วาระ
นอธิปติปัจจัย มี ๙ วาระ
นอนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นสมนันตรปัจจัย มี ๓ วาระ
นอัญญมัญญปัจจัย มี ๓ วาระ
นอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ วาระ
นปุเรชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นปัจฉาชาตปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาเสวนปัจจัย มี ๙ วาระ
นกัมมปัจจัย มี ๔ วาระ
นวิปากปัจจัย มี ๙ วาระ
นอาหารปัจจัย มี ๑ วาระ
นอินทรียปัจจัย มี ๑ วาระ
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น