Google Analytics 4

ร่วมแชร์เป็นธรรมทานนะครับ

พุทธพจน์เกี่ยวกับแผ่นดิน

ธัมมโชติ รวมธรรมะน่าสนใจจากพระไตรปิฎกด้วยภาษาง่ายๆ เพื่อคนรุ่นใหม่

หน้านี้เป็นการวิเคราะห์พระสูตรในพระไตรปิฎกที่แสดงพุทธพจน์เกี่ยวกับแผ่นดินนะครับ

พระไตรปิฎก พระสุตตันตปิฎก เล่ม 2 ทีฆนิกาย มหาวรรค


มหาปรินิพพานสูตร


(ดูเปรียบเทียบกับพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ที่ เล่ม : ๑๐ หน้า : ๑๑๗ ข้อ : ๑๗๑)

[๙๘] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า .....
ดูกรอานนท์ มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ .....


วิเคราะห์

  1. เมื่อดูจากลูกโลกแล้วจะเห็นว่าพื้นดินบริเวณชมพูทวีปหรือแถบประเทศอินเดีย และเนปาลในปัจจุบันนี้นั้นจะเป็นดังในภาพข้างล่างนี้นะครับ




    จะเห็นว่าคนที่อยู่บริเวณชมพูทวีปนั้น ถ้าสามารถมองทะลุพื้นดินลงไปได้ แนวสายตานั้นก็จะทะลุผ่านจุดศูนย์กลางของโลก (ที่ใจกลางโลก) ลงไปจนถึงผิวโลกอีกด้านหนึ่งนะครับ ทั้งนี้เพราะไม่ว่าคนจะยืนอยู่จุดไหนของผิวโลก ถ้าเขายืนตัวตรงแล้ว ลำตัวของเขาจะตั้งฉากกับผิวดินที่เป็นพื้นราบเสมอ (ผิวดินที่ไม่มีความชันนะครับ)

    เมื่อดูจากลูกโลกแล้วจะเห็นว่าผิวโลกฝั่งตรงข้ามกับชมพูทวีปนั้นก็คือมหาสมุทรแปซิฟิกนะครับ ซึ่งเป็นส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่ทางตอนใต้ของทวีปอเมริกาเหนือและประเทศเม็กซิโก และอยู่เหนือทวีปแอนตาร์กติกา บริเวณขั้วโลกใต้นะครับ

    ดังนั้นผู้ที่อยู่ที่ชมพูทวีปและสามารถมองทะลุพื้นดินลงไปได้ (ดูภาพด้านล่างประกอบนะครับ) ก็จะเห็นว่าพื้นดินตั้งอยู่บนน้ำ (มหาสมุทรแปซิฟิก) และเห็นว่าน้ำตั้งอยู่บนลม (ลมที่พัดที่ผิวน้ำทะเล) และเห็นว่าลมตั้งอยู่บนอากาศนะครับ (อากาศที่ถัดจากลมออกไป)

    ดังในภาพข้างล่างนี้นะครับ (ซึ่งคนจะรู้สึกว่าตนเองอยู่บนดิน ไม่ใช่ยืนตะแคงอยู่ข้างโลกดังภาพข้างบนนะครับ จึงต้องหมุนโลกให้เหมือนคนอยู่ข้างบน ตามความรู้สึกของคนจริงๆ นะครับ)




    ซึ่งจะเห็นว่าตรงกับที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ทุกประการนะครับ

  2. บางท่านอาจจะแย้งได้ว่าการที่จะคิดว่าพื้นดินตั้งอยู่บนน้ำนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพื้นดินมีมหาสมุทรล้อมรอบอยู่แล้ว การที่จะจินตนาการไปว่าแผ่นดินเป็นก้อน ลอยอยู่ในน้ำ เหมือนเรือใหญ่ลอยอยู่ในทะเล ก็เป็นเรื่องที่จะเป็นไปได้เช่นกันนะครับ

    คำแย้งเช่นนี้ก็ฟังดูมีเหตุผลที่เป็นไปได้ครับ แต่ถ้าพิจารณาถึงส่วนต่อไป คือ น้ำตั้งอยู่บนลมและลมตั้งอยู่บนอากาศแล้ว จะเห็นว่าถ้าไม่รู้ไม่เห็นจริงๆ แล้ว (โดยเฉพาะด้วยความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เท่าที่คนทั่วไปมีอยู่ในสมัยนั้น ซึ่งคงจะไม่รู้เรื่องแรงดึงดูดของโลก และแรงดึงดูดระหว่างมวลนะครับ) ก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนจินตนาการได้ว่าน้ำจะสามารถตั้งอยู่บนลม โดยที่ลมนั้นตั้งอยู่บนอากาศได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงจะต้องคิดว่าน้ำก็จะร่วงไหลลงไปอย่างไม่ต้องสงสัยนะครับ และแผ่นดินก็จะต้องร่วงหล่นตามไปด้วยเช่นกันนะครับ ใครเล่าจะคิดว่าน้ำจะสามารถลอยนิ่งอยู่ได้บนลมและบนอากาศได้

  3. จากเหตุผล 2 ข้อข้างต้น ก็น่าจะพอสรุปได้ว่าพุทธพจน์ที่ว่า ..... มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ ..... นี้ น่าจะเกิดได้จากพระสัพพัญญุตญาณของพระพุทธเจ้าโดยแท้นะครับ

ธัมมโชติ

3 ความคิดเห็น :

  1. ขออนุญาตประกาศคำ พระพุทธพจน์อันเป็นอกาลิโกเกี่ยวกับแผ่นดินไหว

    เวลาแผ่นดินไหวเปลือกโลกเสียสมดุลมีการเคลื่อนตัว เปลือกโลกถ่ายน้ำหนักไห้ของเหลวหรือของไหลซึ่งประกอบ ดว้ย น้ำ น้ำมันดิบ ลาวา และของไหลดังกล่าวก็ถ่ายแรงไห้ ก้าซและก้าซก็ถ่ายแรงไห้กับบรรยากาศ หรืออากาศ เมื่ออากาศรับภาระแรงดันจากก้าซไม่ไหว ก้าซ ไอน้ำ รวมทั้งลาวา ก็ทะลักออกมาขณะแผ่นดินไหว
    น่าอัศจรรย์ยิ่งนักเมื่อประมาณ 2500 ปี ล่วงมานั้นเป็นสมัย ที่ไม่มีองค์ความรู้ ทางด้านธรณีวิทยา ด้านวิทยาศาสตร์ด้านวิศวกรรมศาสตร์ แต่พระพุทธองค์สามารถกล่าวสรุปสภาวะดังกล่าวข้างต้น ออกมาเป็นแบบจำลองทางฟิสิกส์ด้วยถ้อยคำ สั้นๆ ง่ายๆอันเป็นอกาลิโก ว่า “ดูกรอานนท์ แผ่นดินใหญ่ตั้งอยู่บน
    น้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ สมัยนั้นลมพายุพัดจัด ลมพายุพัดให้
    น้ำไหว น้ำไหวแล้วทำให้แผ่นดินไหว ดูกรอานนท์ นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยประการ
    ที่ ๑ แห่งความปรากฏแผ่นดินไหวใหญ่ ฯ”

    ตอบลบ
  2. ถ้าในอากาศไม่มีน้ำ จะเป็นยังไงครับ
    ถ้ามีสิ่งใดที่ทำได้เป็นระยะกว้างอันตรายไหม

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ลองนึกถึงหน้าหนาวช่วงที่ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศประมาณ 30% ดูนะครับ ถ้าไม่ได้ใช้อะไรช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ตอนนั้นผิวจะแห้งแตกยังไงบ้าง เยื่อบุในโพรงจมูกก็อาจจะแห้งแตก แสบ และอาจมีเลือดซึมออกมาได้

      ถ้าในอากาศไม่มีน้ำอยู่เลย คือความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศเป็น 0% ก็ลองพิจารณาดูนะครับว่าจะมีสภาพเป็นยังไง

      ธัมมโชติ

      ลบ