Google Analytics 4

ร่วมแชร์เป็นธรรมทานนะครับ

เล่มที่ ๓๒-๑๐ หน้า ๕๒๙ - ๕๘๗

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒-๑๐ สุตตันตปิฎกที่ ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑



พระสุตตันตปิฎก
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
_____________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๕. เอกปทุมวรรค] ๘. ติณมุฏฐิทายกเถราปทาน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าอุปติสสะ
เสด็จจงกรมอยู่ ณ ที่กลางแจ้ง
[๔๙] เมื่อก่อน ข้าพเจ้าเป็นนายพรานเนื้ออยู่ในป่าดงทึบ
ได้เห็นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ
ทรงเป็นพระสยัมภู ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
[๕๐] ครั้งนั้น ข้าพเจ้ามีจิตผ่องใส
ได้ถวายหญ้ากำมือหนึ่งสำหรับประทับนั่งแด่พระพุทธเจ้า
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่พระองค์นั้น
[๕๑] ครั้นถวายแด่พระองค์ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพแล้ว
ก็ทำจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง
ถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วบ่ายหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
[๕๒] พอข้าพเจ้าไปได้ไม่นาน
ราชสีห์ได้เบียดเบียนข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าถูกราชสีห์ทำให้ล้มลงได้สิ้นชีวิตลงในที่นั้น
[๕๓] (เพราะ)กรรมที่ข้าพเจ้าทำแล้วในสำนักของพระพุทธเจ้า
ผู้ประเสริฐที่สุดผู้ไม่มีอาสวะ
ข้าพเจ้าจึงได้ไปเกิดยังเทวโลก
ดุจความเร็วแห่งลูกศรที่หลุดแล่นไปดีแล้ว
[๕๔] ในเทวโลกนั้น มีปราสาทงดงาม
ที่บุญกรรมเนรมิตไว้แล้วสูง ๑,๐๐๐ ชั่วธนู มี ๗ ชั้น
สะพรั่งไปด้วยธง พราวไปด้วยแก้วมณีสีเขียว
[๕๕] รัศมีของปราสาทนั้นพวยพุ่งดุจดวงอาทิตย์อุทัย
ปราสาทแออัดด้วยเหล่านางเทพกัญญา
ข้าพเจ้าบันเทิงเริงรมย์ด้วยวัตถุกามและกิเลสกาม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๒๙ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๕. เอกปทุมวรรค] ๙. ตินทุกผลทายกเถราปทาน
[๕๖] ข้าพเจ้าอันกุศลมูลตักเตือนแล้ว
จุติจากเทวโลกมาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
ได้บรรลุความสิ้นอาสวะ
[๕๗] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายที่นั่งไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายหญ้ากำมือหนึ่ง
[๕๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติณมุฏฐิทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
ติณมุฏฐิทายกเถราปทานที่ ๘ จบ
๙. ตินทุกผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระตินทุกผลทายกเถระ
(พระตินทุกผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าว
ว่า)
[๕๙] ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้โชติช่วง
ดังดอกกรรณิการ์ ปราศจากธุลีคือกิเลส
ข้ามโอฆกิเลสได้แล้ว ไม่มีอาสวะ
ประทับนั่งอยู่ระหว่างภูเขา
[๖๐] ข้าพเจ้าเห็นต้นมะพลับกำลังมีผล
จึงหักมาพร้อมทั้งก้าน มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ถวายแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าเวสสภู

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๓๐ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๕. เอกปทุมวรรค] ๑๐. เอกัญชลิยเถราปทาน
[๖๑] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๖๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระตินทุกผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
ตินทุกผลทายกเถราปทานที่ ๙ จบ
๑๐. เอกัญชลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกัญชลิยเถระ
(พระเอกัญชลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖๓] ครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าเรวตะ
ประทับอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำ
ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
มีพระรัศมีรุ่งเรืองดุจดวงจันทร์
[๖๔] มีพระรัศมีเรืองรองดุจถ่านไม้ตะเคียน
ที่กระทบที่ปากเบ้า
รุ่งโรจน์ดุจดาวประกายพรึก
ข้าพเจ้าได้ประคองอัญชลีไหว้ครั้งหนึ่ง
[๖๕] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ประคองอัญชลีไว้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๓๑ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๕. เอกปทุมวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการประคองอัญชลี
[๖๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกัญชลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกัญชลิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
เอกปทุมวรรคที่ ๓๕ จบบริบูรณ์
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. เอกปทุมิยเถราปทาน ๒. ตีณุปปลมาลิยเถราปทาน
๓. ธชทายกเถราปทาน ๔. ตีณิกิงกณิปูชกเถราปทาน
๕. นฬาคาริกเถราปทาน ๖. จัมปกปุปผิยเถราปทาน
๗. ปทุมปูชกเถราปทาน ๘. ติณมุฏฐิทายกเถราปทาน
๙. ตินทุกผลทายกเถราปทาน ๑๐. เอกัญชลิยเถราปทาน

บัณฑิตทั้งหลายคำนวณคาถาไว้ ๖๖ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๓๒ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๖. สัททสัญญิกวรรค] ๑. สัททสัญญิกเถราปทาน
๓๖. สัททสัญญิกวรรค
หมวดว่าด้วยพระสัททสัญญิกะเป็นต้น
๑. สัททสัญญิกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัททสัญญิกเถระ
(พระสัททสัญญิกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] เมื่อก่อน ข้าพเจ้าเป็นนายพรานเนื้อ(เที่ยว)อยู่ในป่าดงทึบ
ได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีหมู่เทวดาแวดล้อมในป่านั้น
[๒] ซึ่งกำลังทรงประกาศสัจจะ ๔ ช่วยเหลือมหาชน
ข้าพเจ้าได้ฟังพระดำรัส
ที่ไพเราะเปรียบด้วยเสียงนกการเวก
[๓] ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใสในพระสุรเสียง
ของมหามุนีพระนามว่าสิขี
ผู้มีพระสุรเสียงดังพรหม เป็นเผ่าพันธุ์ของโลก
ได้บรรลุความสิ้นอาสวะแล้ว
[๔] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งความเลื่อมใส
[๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัททสัญญิกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัททสัญญิกเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๓๓ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๖. สัททสัญญิกวรรค] ๒. ยวกลาปิยเถราปทาน
๒. ยวกลาปิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระยวกลาปิยเถระ
(พระยวกลาปิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นคนทำนาข้าวเหนียวอยู่ในกรุงอรุณวดี
ได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่หนทาง
จึงลาดฟ่อนข้าวเหนียวถวาย (ให้ประทับ)
[๗] พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี
ผู้ทรงอนุเคราะห์ ทรงมีพระกรุณา
เป็นผู้นำชั้นเลิศของโลก
ทรงทราบความคิดของข้าพเจ้า
จึงประทับนั่งบนเครื่องลาดฟ่อนข้าวเหนียว
[๘] ข้าพเจ้าเห็นพระองค์ผู้ปราศจากมลทิน
ผู้เพ่งพินิจมาก ผู้นำวิเศษ ประทับนั่งแล้ว
จึงเกิดความปราโมทย์ ได้สิ้นชีวิตลง ณ ที่นั้น
[๙] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการลาดฟ่อนข้าวเหนียว
[๑๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระยวกลาปิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ยวกลาปิยเถราปทานที่ ๒ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๓๔ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๖. สัททสัญญิกวรรค] ๔. สโกสกโกรัณฑทายกเถราปทาน
๓. กิงสุกปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกิงสุกปูชกเถระ
(พระกิงสุกปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๑] ข้าพเจ้าได้เห็นต้นทองกวาวมีดอกบานสะพรั่ง
จึงประนมมือ ระลึกถึงพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ
แล้วบูชาในอากาศ
[๑๒] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกิงสุกปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กิงสุกปูชกเถราปทานที่ ๓ จบ
๔. สโกสกโกรัณฑทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสโกสกโกรัณฑทายกเถระ
(พระสโกสกโกรัณฑทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึง
กล่าวว่า)
[๑๔] ข้าพเจ้าได้พบรอยพระบาทที่พระพุทธเจ้าพระนามว่าสิขี
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ของโลกทรงเหยียบไว้
จึงห่มหนังสัตว์เฉวียงบ่า
ได้ไหว้รอยพระบาทที่ประเสริฐแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๓๕ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๖. สัททสัญญิกวรรค] ๕. ทัณฑทายกเถราปทาน
[๑๕] เห็นต้นหงอนไก่งอกขึ้นอยู่บนแผ่นดินมีดอกบานสะพรั่ง
จึง(เด็ด)ถือมาพร้อมทั้งก้าน
ได้บูชารอยพระบาทที่วิจิตรด้วยลายจักร
[๑๖] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสโกสกโกรัณฑทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้
สโกสกโกรัณฑทายกเถราปทานที่ ๔ จบ
๕. ทัณฑทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระทัณฑทายกเถระ
(พระทัณฑทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๘] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเข้าไปยังป่าดงทึบ
ตัดไม้ไผ่ ทำเป็นไม้ขอ(สำหรับแขวนสิ่งของ)นำมาถวายแก่สงฆ์
[๑๙] ข้าพเจ้ากราบไหว้ภิกษุทั้งหลายผู้มีวัตรงาม
ด้วยจิตที่เลื่อมใสนั้น ครั้นถวายไม้ขอแล้ว
จึงบ่ายหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
[๒๐] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายไม้ขอไว้ในครั้งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๓๖ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๖. สัททสัญญิกวรรค] ๖. อัมพยาคุทายกเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายไม้ขอ
[๒๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระทัณฑทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้
ทัณฑทายกเถราปทานที่ ๕ จบ
๖. อัมพยาคุทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอัมพยาคุทายกเถระ
(พระอัมพยาคุทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๒] พระสัมพุทธเจ้า๑ผู้เป็นพระสยัมภูพระนามว่าสตรังสี
ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้ ออกจากสมาธิแล้ว
เสด็จเข้ามาหาข้าพเจ้าเพื่อภิกษา
[๒๓] ข้าพเจ้าเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว มีใจผ่องใส
ได้ถวายมะม่วงและข้าวยาคูแด่ท่านผู้มีใจผ่องใส ไม่มีที่สุด
[๒๔] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายมะม่วงและข้าวยาคู

เชิงอรรถ :
๑ คำว่า พระสัมพุทธเจ้า ในที่นี้หมายถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๓๗ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๖. สัททสัญญิกวรรค] ๗. สุปุฏกปูชกเถราปทาน
[๒๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอัมพยาคุทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
อัมพยาคุทายกเถราปทานที่ ๖ จบ
๗. สุปุฏกปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุปุฏกปูชกเถระ
(พระสุปุฏกปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๖] พระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
เสด็จออกจากที่พักกลางวันแล้ว
พระองค์เสด็จเที่ยวภิกษามาถึงที่พำนักของข้าพเจ้า
[๒๗] ลำดับนั้น ข้าพเจ้ามีปีติ มีใจยินดี
ได้ถวายเกลือห่อหนึ่งแด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด ผู้คงที่
แล้วบันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดกัปหนึ่ง
[๒๘] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายห่อเกลือไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายเกลือห่อหนึ่ง
[๒๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุปุฏกปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุปุฏกปูชกเถราปทานที่ ๗ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๓๘ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๖. สัททสัญญิกวรรค] ๙. สรณคมนิยเถราปทาน
๘. มัญจทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมัญจทายกเถระ
(พระมัญจทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๐] ข้าพเจ้าเลื่อมใส ได้ถวายเตียง ๑ ตัวด้วยมือของตน
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ผู้เจริญที่สุดในโลก ผู้คงที่
[๓๑] ข้าพเจ้าได้ยานพาหนะคือช้าง
ยานเทียมด้วยม้า และยานทิพย์บริบูรณ์
เพราะผลแห่งการถวายเตียงนั้น
ข้าพเจ้าจึงได้บรรลุความสิ้นอาสวะ
[๓๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายเตียงไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายเตียง
[๓๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมัญจทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
มัญจทายกเถราปทานที่ ๘ จบ
๙. สรณคมนิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสรณคมนิยเถระ
(พระสรณคมนิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๔] ครั้งนั้น ภิกษุและข้าพเจ้าผู้เป็นอาชีวกลงเรือไปด้วยกัน
เมื่อเรือกำลังจะอับปาง ภิกษุได้ให้สรณะแก่ข้าพเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๓๙ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๖. สัททสัญญิกวรรค] ๑๐. ปิณฑปาติกเถราปทาน
[๓๕] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ภิกษุได้ให้สรณะแก่ข้าพเจ้าไว้
ข้าพเจ้าจึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถึงสรณะ
[๓๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสรณคมนิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สรณคมนิยเถราปทานที่ ๙ จบ
๑๐. ปิณฑปาติกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปิณฑปาติกเถระ
(พระปิณฑปาติกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๗] ครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ
ประทับอยู่ในป่าดงทึบ
ข้าพเจ้าจากสวรรค์ชั้นดุสิตลงมายังมนุษยโลกนี้
ได้ถวายบิณฑบาต
[๓๘] ข้าพเจ้าครั้นถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระนามว่าติสสะ ผู้มีพระยศยิ่งใหญ่
ทำจิตของตนให้เลื่อมใสแล้ว ได้กลับไปยังสวรรค์ชั้นดุสิต
[๓๙] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายบิณฑบาต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๔๐ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๖. สัททสัญญิกวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๔๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปิณฑปาติกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปิณฑปาติกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
สัททสัญญิกวรรคที่ ๓๖ จบบริบูรณ์
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. สัททสัญญิกเถราปทาน ๒. ยวกลาปิยเถราปทาน
๓. กิงสุกปูชกเถราปทาน ๔. สโกสกโกรัณฑทายกเถราปทาน
๕. ทัณฑทายกเถราปทาน ๖. อัมพยาคุทายกเถราปทาน
๗. สุปุฏกปูชกเถราปทาน ๘. มัญจทายกเถราปทาน
๙. สรณคมนิยเถราปทาน ๑๐. ปิณฑปาติกเถราปทาน

และมีคาถา ๔๐ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๔๑ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๗. มันทารวปุปผิยวรรค] ๑. มันทารวปุปผิยเถราปทาน
๓๗. มันทารวปุปผิยวรรค
หมวดว่าด้วยพระมันทารวปุปผิยะเป็นต้น
๑. มันทารวปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระมันทารวปุปผิยเถระ
(พระมันทารวปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้า(แปลงร่าง)เป็นมาณพชื่อว่ามงคล
จากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมายังมนุษยโลกนี้ ถือดอกมณฑารพ
[๒] มากั้นไว้เหนือพระเศียรของพระพุทธเจ้า
พระนามว่าวิปัสสี ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
ประทับนั่งขัดสมาธิอยู่
ข้าพเจ้ากั้นอยู่ตลอด ๗ วันแล้ว
จึงกลับมายังเทวโลกอีก
[๓] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้บูชาพระพุทธเจ้าไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระมันทารวปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
มันทารวปุปผิยเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๔๒ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๗. มันทารวปุปผิยวรรค] ๓. ภิสมุฬาลทายกเถราปทาน
๒. กักการุปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกักการุปุปผิยเถระเป็นต้น
(พระกักการุปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕] ข้าพเจ้าจากสวรรค์ชั้นยามาลงมายังมนุษยโลกนี้
ได้ถือดอกฟักทิพย์มาบูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ผู้มีสิริ
[๖] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกักการุปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กักการุปุปผิยเถราปทานที่ ๒ จบ
๓. ภิสมุฬาลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระภิสมุฬาลทายกเถระ
(พระภิสมุฬาลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๘] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ
ทรงถึงความสำเร็จแห่งธรรมทั้งปวง
ทรงประสงค์วิเวก มีพระปัญญา
เสด็จมาที่สำนักของข้าพเจ้า
[๙] ข้าพเจ้าทำจิตให้เลื่อมใสในพระชินเจ้า
ผู้ประกอบด้วยพระมหากรุณา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๔๓ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๗. มันทารวปุปผิยวรรค] ๔. เกสรปุปผิยเถราปทาน
ได้ถือเหง้าบัวและรากบัวมาถวาย
แด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[๑๐] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายเหง้าบัวและรากบัวไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายเหง้าบัวและรากบัว
[๑๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระภิสมุฬาลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
ภิสมุฬาลทายกเถราปทานที่ ๓ จบ
๔. เกสรปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเกสรปุปผิยเถระ
(พระเกสรปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๒] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นวิทยาธรอยู่ที่ภูเขาหิมพานต์
ได้เห็นพระพุทธเจ้า ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
มีพระยศยิ่งใหญ่ กำลังเสด็จจงกรมอยู่
[๑๓] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าทูนดอกบุนนาค ๓ ดอกไว้บนศีรษะ
เข้าเฝ้าแล้วบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าเวสสภู
[๑๔] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๔๔ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๗. มันทารวปุปผิยวรรค] ๕. อังโกลปุปผิยเถราปทาน
[๑๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเกสรปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เกสรปุปผิยเถราปทานที่ ๔ จบ
๕. อังโกลปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอังโกลปุปผิยเถระ
(พระอังโกลปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๖] ครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมะ
ประทับอยู่ที่ภูเขาจิตรกูฏ
ข้าพเจ้าได้เห็นพระสยัมภูพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล้ว จึงเข้าเฝ้า
[๑๗] ขณะนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นต้นปรูมีดอกบานสะพรั่ง
จึงเลือกเก็บแล้วนำเข้าบูชา
พระชินสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมะ
[๑๘] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ทำกรรมไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๑๙] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอังโกลปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อังโกลปุปผิยเถราปทานที่ ๕ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๔๕ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๗. มันทารวปุปผิยวรรค] ๗. อุททาลกปุปผิยเถราปทาน
๖. กทัมพปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกทัมพปุปผิยเถระ
(พระกทัมพปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๐] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ ผู้เช่นกับทองคำมีค่า
มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ
กำลังเสด็จไประหว่างร้านตลาด
[๒๑] ข้าพเจ้านั่งอยู่ในปราสาทที่ประเสริฐได้เห็นพระองค์
ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกจึงประคองดอกกระทุ่มบูชา
[๒๒] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๓] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกทัมพปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กทัมพปุปผิยเถราปทานที่ ๖ จบ
๗. อุททาลกปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุททาลกปุปผิยเถระ
(พระอุททาลกปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๔] ครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุชาตะ
ประทับอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำคงคา
ข้าพเจ้าได้ถือดอกคูนไปบูชาพระองค์ ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๔๖ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๗. มันทารวปุปผิยวรรค] ๘. เอกจัมปกปุปผิยเถราปทาน
[๒๕] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุททาลกปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
อุททาลกปุปผิยเถราปทานที่ ๗ จบ
๘. เอกจัมปกปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระเอกจัมปกปุปผิยเถระ
(พระเอกจัมปกปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๗] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้สงบระงับ ประทับอยู่ระหว่างภูเขา
ข้าพเจ้าถือดอกจำปาดอกหนึ่ง
เข้าไปเฝ้าพระองค์ผู้ทรงเป็นนรชนผู้สูงสุด
[๒๘] มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ใช้มือทั้ง ๒ ประคองดอกไม้ขึ้นบูชาพระปัจเจกมุนี
ผู้สูงสุด ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
[๒๙] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๔๗ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๗. มันทารวปุปผิยวรรค] ๙. ติมิรปุปผิยเถราปทาน
[๓๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระเอกจัมปกปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
เอกจัมปกปุปผิยเถราปทานที่ ๘ จบ
๙. ติมิรปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระติมิรปุปผิยเถระ
(พระติมิรปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๑] ข้าพเจ้าเที่ยวไปตามกระแสน้ำริมฝั่งแม่น้ำจันทภาคา
ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
เหมือนต้นพญาไม้สาละมีดอกบานสะพรั่ง
[๓๒] ข้าพเจ้าเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ถือดอกดีหมีมาโปรยลงเหนือพระเศียร
บูชาพระปัจเจกมุนีผู้สูงสุด
[๓๓] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๓๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระติมิรปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ติมิรปุปผิยเถราปทานที่ ๙ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๔๘ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๗. มันทารวปุปผิยวรรค] ๑๐. สลฬปุปผิยเถราปทาน
๑๐. สลฬปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสลฬปุปผิยเถระ
(พระสลฬปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๕] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นกินนรอาศัยอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา
ขณะนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ
ทรงเป็นผู้องอาจกว่านรชน เสด็จจงกรมอยู่
[๓๖] จึงได้เลือกเก็บดอกช้างน้าวมา
ถวายแด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
พระมหาวีรเจ้าทรงสูดดมกลิ่นดอกช้างน้าว
ซึ่งมีกลิ่นหอมดังดอกไม้ทิพย์
[๓๗] ขณะที่ข้าพเจ้าดูอยู่นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ผู้มีความเพียรมาก ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ทรงรับแล้ว สูดดมกลิ่น
[๓๘] ข้าพเจ้าเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ถวายอภิวาทพระองค์ผู้สูงสุดแห่งเทวดาและมนุษย์
ประคองอัญชลีแล้ว กลับขึ้นไปยังภูเขาตามเดิม
[๓๙] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๔๙ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๗. มันทารวปุปผิยวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๔๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสลฬปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สลฬปุปผิยเถราปทานที่ ๑๐ จบ
มันทารวปุปผิยวรรคที่ ๓๗ จบบริบูรณ์
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. มันทารวปุปผิยเถราปทาน ๒. กักการุปุปผิยเถราปทาน
๓. ภิสมุฬาลทายกเถราปทาน ๔. เกสรปุปผิยเถราปทาน
๕. อังโกลปุปผิยเถราปทาน ๖. กทัมพปุปผิยเถราปทาน
๗. อุททาลกปุปผิยเถราปทาน ๘. เอกจัมปกปุปผิยเถราปทาน
๙. ติมิรปุปผิยเถราปทาน ๑๐. สลฬปุปผิยเถราปทาน

และมีคาถา ๔๐ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๕๐ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๘. โพธิวันทนวรรค] ๑. โพธิวันทกเถราปทาน
๓๘. โพธิวันทนวรรค
หมวดว่าด้วยพระโพธิวันทกะเป็นต้น
๑. โพธิวันทกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโพธิวันทกเถระ
(พระโพธิวันทกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าได้เห็นต้นแคฝอย
ซึ่งงอกขึ้นบนแผ่นดินงามรุ่งเรือง
จึงห่มผ้าเฉวียงบ่าแล้วประนมมือไหว้ต้นแคฝอย
[๒] ครั้นประคองอัญชลีแล้ว
ตั้งใจเคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้บริสุทธิ์ทั้งภายในทั้งภายนอก
หลุดพ้นดีแล้ว ไม่มีอาสวะ
[๓] ข้าพเจ้าได้ไหว้ต้นแคฝอย
ดุจไหว้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ที่ชาวโลกบูชา มีพระกรุณาญาณดุจสาคร เฉพาะพระพักตร์
[๔] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ไหว้ต้นโพธิ์ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการไหว้
[๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโพธิวันทกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โพธิวันทกเถราปทานที่ ๑ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๕๑ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๘. โพธิวันทนวรรค] ๒. ปาฏลิปุปผิยเถราปทาน
๒. ปาฏลิปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปาฏลิปุปผิยเถระ
(พระปาฏลิปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๖] พระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี
ผู้เป็นพระสยัมภู เป็นบุคคลผู้เลิศ
ทรงชนะมาร ห้อมล้อมด้วยพระสาวกของพระองค์
เสด็จเข้าไปยังกรุงพันธุมดี
[๗] ข้าพเจ้าห่อดอกแคฝอย ๓ ดอกไว้ที่ชายพก
ประสงค์จะอาบน้ำดำเกล้า จึงได้ไปยังฝั่งแม่น้ำ
[๘] ข้าพเจ้าออกจากกรุงพันธุมดี
ได้เห็นพระองค์ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
รุ่งเรืองดังดอกอุบลเขียว
โชติช่วงเหมือนดวงไฟใหญ่
[๙] องอาจดุจพญาเสือโคร่ง
ประเสริฐดุจไกรสรราชสีห์ผู้มีชาติสูง
เลิศกว่าสมณะทั้งหลาย มีหมู่ภิกษุแวดล้อม
กำลังเสด็จดำเนินไป
[๑๐] ข้าพเจ้าเลื่อมใสพระสุคต
ผู้ชำระมลทินคือกิเลสพระองค์นั้น
จึงได้ถือดอกแคฝอย ๓ ดอก
ไปบูชาพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[๑๑] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๕๒ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๘. โพธิวันทนวรรค] ๓. ตีณุปปลมาลิยเถราปทาน
[๑๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปาฏลิปุปผิยเถระ ได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปาฏลิปุปผิยเถราปทานที่ ๒ จบ
๓. ตีณุปปลมาลิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระตีณุปปลมาลิยเถระ
(พระตีณุปปลมาลิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๓] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นวานร
อาศัยอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา
ได้เห็นพระพุทธเจ้า ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
ประทับนั่งอยู่ระหว่างภูเขา
[๑๔] ทรงทำทิศทั้งปวงให้สว่างไสวอยู่
ดังต้นพญาไม้สาละมีดอกบานสะพรั่ง
ทรงประกอบด้วยพระลักษณะและอนุพยัญชนะ
ครั้นได้เห็นแล้วก็มีความปลื้มใจ
[๑๕] ข้าพเจ้ามีจิตเบิกบาน มีใจยินดีร่าเริงด้วยปีติ
ได้ใช้ดอกอุบล ๓ ดอกบูชาเหนือเศียรเกล้า
[๑๖] ครั้นใช้ดอกไม้บูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่แล้ว
เคารพนบนอบแล้วบ่ายหน้าหลีกไปทางทิศเหนือ
[๑๗] เมื่อข้าพเจ้ากำลังเดินกระโหย่งกลับไป ด้วยใจที่ผ่องใส
จึงพลัดตกไปในระหว่างภูเขาหิน ถึงความสิ้นชีวิตแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๕๓ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๘. โพธิวันทนวรรค] ๔. ปัตติปุปผิยเถราปทาน
[๑๘] ด้วยกรรมที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้ดีแล้วนั้น
และด้วยการตั้งเจตนาไว้มั่น
ข้าพเจ้าละชาติเดิมแล้ว
ได้ไปเกิดยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
[๑๙] ข้าพเจ้าได้ครองเทวสมบัติ ๓๐๐ ชาติ
และได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ชาติ
[๒๐] ในกัปที่ ๙๒ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า
[๒๑] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระตีณุปปลมาลิยเถระ ได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
ตีณุปปลมาลิยเถราปทานที่ ๓ จบ
๔. ปัตติปุปผิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปัตติปุปผิยเถระ
(พระปัตติปุปผิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๒] ครั้งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่พระนามว่าปทุมุตตระ
เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ชนทั้งปวงมาประชุมกันแห่พระสรีระไป
[๒๓] เมื่อนำพระสรีระไป เมื่อเขาประโคมกลองเภรีอยู่
ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ได้ใช้ดอกประดู่บูชา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๕๔ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๘. โพธิวันทนวรรค] ๕. สัตตปัณณิยเถราปทาน
[๒๔] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระสรีระ
[๒๕] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๒๖] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๒๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปัตติปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปัตติปุปผิยเถราปทานที่ ๔ จบ
๕. สัตตปัณณิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสัตตปัณณิยเถระ
(พระสัตตปัณณิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๘] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
พระนามว่าสุมนะ เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ได้ใช้ต้นตีนเป็ดบูชา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๕๕ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๘. โพธิวันทนวรรค] ๖. คันธมุฏฐิยเถราปทาน
[๒๙] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ต้นตีนเป็ดบูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยต้นตีนเป็ด
[๓๐] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๓๑] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๓๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสัตตปัณณิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สัตตปัณณิยเถราปทานที่ ๕ จบ
๖. คันธมุฏฐิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระคันธมุฏฐิยเถระ
(พระคันธมุฏฐิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๓] เมื่อมหาชนกำลังช่วยกันทำจิตกาธานอยู่
ขนของหอมต่าง ๆ มากองรวมกันแล้ว
ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ใช้ของหอมกำมือหนึ่งบูชา(จิตกาธาน)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๕๖ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๘. โพธิวันทนวรรค] ๗. จิตกปูชกเถราปทาน
[๓๔] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้บูชาจิตกาธานไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาจิตกาธาน
[๓๕] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๓๖] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๓๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระคันธมุฏฐิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
คันธมุฏฐิยเถราปทานที่ ๖ จบ
๗. จิตกปูชกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระจิตกปูชกเถระ
(พระจิตกปูชกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๘] เมื่อพระผู้มีพระภาคพระนามว่าปทุมุตตระ
เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
เมื่อมหาชนช่วยกันยก(พุทธสรีระ)ขึ้นบนจิตกาธานแล้ว
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกสาละบูชา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๕๗ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๘. โพธิวันทนวรรค] ๘. สุมนตาลวัณฏิยเถราปทาน
[๓๙] ในกัปที่ ๑๐๐,๐๐๐ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้ดอกไม้บูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาจิตกาธาน
[๔๐] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๔๑] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๔๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระจิตกปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
จิตกปูชกเถราปทานที่ ๗ จบ
๘. สุมนตาลวัณฏิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุมนตาลวัณฏิยเถระ
(พระสุมนตาลวัณฏิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๓] ข้าพเจ้าได้ถวายพัดใบตาลซึ่งอบด้วยดอกมะลิ
แด่พระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
ข้าพเจ้าทรงไว้ซึ่งยศใหญ่

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๕๘ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๘. โพธิวันทนวรรค] ๙. สุมนทามิยเถราปทาน
[๔๔] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายพัดใบตาลไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายพัดใบตาล
[๔๕] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๔๕] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๔๗] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุมนตาลวัณฏิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
สุมนตาลวัณฏิยเถราปทานที่ ๘ จบ
๙. สุมนทามิยเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระสุมนทามิยเถระ
(พระสุมนทามิยเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๘] ข้าพเจ้าได้ร้อยพวงมาลัยดอกมะลิแล้ว
ยืนทรง(ถือ)ไว้เบื้องพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาค
พระนามว่าสิทธัตถะ ผู้บริสุทธิ์ (ชำระกิเลส) มีตบะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๕๙ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๘. โพธิวันทนวรรค] ๑๐. กาสุมาริผลทายกเถราปทาน
[๔๙] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ใช้พวงดอกมะลิบูชาไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยพวงดอกมะลิ
[๕๐] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๕๑] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๕๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระสุมนทามิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
สุมนทามิยเถราปทานที่ ๙ จบ
๑๐. กาสุมาริผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกาสุมาริผลทายกเถระ
(พระกาสุมาริผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๕๓] ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้า ผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
โชติช่วงดังดอกกรรณิการ์ ผู้เจริญที่สุดในโลก
ทรงองอาจกว่านรชน ประทับนั่งอยู่ระหว่างภูเขา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๖๐ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๘. โพธิวันทนวรรค] ๑๐. กาสุมาริผลทายกเถราปทาน
[๕๔] ข้าพเจ้าเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
จึงประนมมือไหว้เหนือเศียรเกล้าแล้ว
ได้ถือผลมะรื่นไปถวายพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
[๕๕] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๕๖] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๕๗] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๕๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกาสุมาริผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้
กาสุมาริผลทายกเถราปทานที่ ๑๐ จบ
โพธิวันทนวรรคที่ ๓๘ จบบริบูรณ์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๖๑ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๘. โพธิวันทนวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. โพธิวันทกเถราปทาน ๒. ปาฏลิปุปผิยเถราปทาน
๓. ตีณุปปลมาลิยเถราปทาน ๔. ปัตติปุปผิยเถราปทาน
๕. สัตตปัณณิยเถราปทาน ๖. คันธมุฏฐิยเถราปทาน
๗. จิตกปูชกเถราปทาน ๘. สุมนตาลวัณฏิยเถราปทาน
๙. สุมนทามิยเถราปทาน ๑๐. กาสุมาริผลทายกเถราปทาน

มีคาถา ๕๙ คาถา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๖๒ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๑. อัมพฏผลทายกเถราปทาน
๓๙. อัมพฏผลวรรค
หมวดว่าด้วยพระอัมพฏผละเป็นต้น
๑. อัมพฏผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอัมพฏผลทายกเถระ
(พระอัมพฏผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] พระผู้มีพระภาคสัมพุทธเจ้า๑ พระนามว่าสตรังสี
ผู้เป็นพระสยัมภู ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
ทรงประสงค์วิเวก ได้เสด็จออกโคจรบิณฑบาต
[๒] ข้าพเจ้าถือผลไม้อยู่ ได้เห็นพระองค์ผู้องอาจกว่านรชน
จึงเข้าเฝ้า มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ถวายผลมะกอก
[๓] ในกัปที่ ๙๔ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๔] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๕] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว

เชิงอรรถ :
๑ คำว่า สัมพุทธเจ้า ในที่นี้หมายถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๖๓ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๒. ลพุชทายกเถราปทาน
[๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอัมพฏผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
อัมพฏผลทายกเถราปทานที่ ๑ จบ
๒. ลพุชทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระลพุชทายกเถระ
(พระลพุชทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๗] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเป็นคนเฝ้าสวนอาศัยอยู่ในกรุงพันธุมดี
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
กำลังเสด็จเหาะไปในอากาศ
[๘] ข้าพเจ้าได้ถือผลขนุนสำปะลอ
ไปถวายพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
พระองค์ผู้มีพระยศยิ่งใหญ่
ประทับยืนอยู่ในอากาศ ทรงรับ(ผลขนุน)แล้ว
[๙] นั่นเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าเกิดปีติ
นำความสุขมาให้ในปัจจุบัน
เพราะได้ถวายผลไม้แด่พระพุทธเจ้าด้วยใจที่ผ่องใส
[๑๐] ข้าพเจ้าได้ปีติและความสุข
อย่างสูงสุดเหลือล้นในครั้งนั้น
รัตนะย่อมเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าผู้บังเกิดในภพนั้น ๆ
[๑๑] ในกัปที่ ๙๑ นัปจากกัปนี้
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้ในครั้งนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๖๔ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๓. อุทุมพรผลทายกเถราปทาน
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๑๒] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๑๓] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๑๔] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระลพุชทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ลพุชทายกเถราปทานที่ ๒ จบ
๓. อุทุมพรผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระอุทุมพรผลทายกเถระ
(พระอุทุมพรผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑๕] พระพุทธเจ้าผู้เป็นบุรุษผู้สูงสุด
ประทับอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำนินนคา
ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีคือกิเลส
เป็นเอกอัครบุคคลมีพระหฤทัยตั้งมั่นด้วยดี
[๑๖] ข้าพเจ้ามีใจเลื่อมใสในพระองค์ผู้ชำระมลทินคือกิเลส
จึงได้ถือผลมะเดื่อไปถวายพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๖๕ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๔. ปิลักขผลทายกเถราปทาน
[๑๗] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๑๘] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๑๙] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๒๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระอุทุมพรผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
อุทุมพรผลทายกเถราปทานที่ ๓ จบ
๔. ปิลักขผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปิลักขผลทายกเถระ
(พระปิลักขผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๑] ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี
ผู้มีพระยศยิ่งใหญ่ที่แนวป่า
จึงมีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี ได้ถวายผลดีปลี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๖๖ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๕. ผารุสผลทายกเถราปทาน
[๒๒] ในกัปที่ ๑๑๘ (นับจากกัปนี้ไป)
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๒๓] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๒๔] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๒๕] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปิลักขผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
ปิลักขผลทายกเถราปทานที่ ๔ จบ
๕. ผารุสผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระผารุสผลทายกเถระ
(พระผารุสผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๒๖] ข้าพเจ้าได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้มีพระฉวีวรรณดังทองคำ
ผู้สมควรรับเครื่องบูชา เสด็จดำเนินอยู่ที่ถนน
จึงได้ถวายผลมะปรางแด่พระองค์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๖๗ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๖. วัลลิผลทายกเถราปทาน
[๒๗] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๒๘] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๒๙] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๓๐] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระผารุสผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้
ผารุสผลทายกเถราปทานที่ ๕ จบ
๖. วัลลิผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระวัลลิผลทายกเถระ
(พระวัลลิผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๑] ครั้งนั้น ชนทั้งปวงชักชวนกันไปยังป่า
ในครั้งนั้นพวกเขาแสวงหาผลไม้ ได้ผลไม้แล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๖๘ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๖. วัลลิผลทายกเถราปทาน
[๓๒] ในป่านั้น ข้าพเจ้าได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้เป็นพระสยัมภู ผู้ไม่ทรงพ่ายแพ้
จึงมีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ถวายผลเครือเถา(แตงโม)
[๓๓] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๓๔] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๓๕] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๓๖] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระวัลลิผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
วัลลิผลทายกเถราปทานที่ ๖ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๖๙ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๗. กทลิผลทายกเถราปทาน
๗. กทลิผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระกทลิผลทายกเถระ
(พระกทลิผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๓๗] ข้าพเจ้าได้เห็นพระศาสดาผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ทรงรุ่งเรืองดังดอกกรรณิการ์
โชติช่วงเหมือนดวงจันทร์วันเพ็ญและเหมือนต้นพฤกษาประทีป
[๓๘] ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ถือผลกล้วยไปถวายแด่พระศาสดา
ไหว้แล้วก็หลีกไป
[๓๙] ในกัปที่ ๓๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๔๐] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๔๑] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๔๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระกทลิผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
กทลิผลทายกเถราปทานที่ ๗ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๗๐ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๘. ปนสผลทายกเถราปทาน
๘. ปนสผลทายกเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปนสผลทายกเถระ
(พระปนสผลทายกเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๓] ครั้งนั้น พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าอัชชุนะ
ทรงเพียบพร้อมด้วยจรณะและเป็นพระมุนี ฉลาดในสมาธิ
ประทับอยู่ที่ภูเขาหิมพานต์
[๔๔] ข้าพเจ้าถือผลขนุนสุกสด ผลขนาดเท่าหม้อ
ได้ถวายพระศาสดาวางไว้ที่ต้นตีนเป็ด
[๔๕] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายผลไม้ไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้
[๔๖] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๔๗] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๔๘] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระปนสผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
ปนสผลทายกเถราปทานที่ ๘ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๗๑ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๙. โสณโกฏิวีสเถราปทาน
๙. โสณโกฏิวีสเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระโสณโกฏิวีสเถระ
(พระโสณโกฏิวีสเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๔๙] ในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี
ข้าพเจ้าได้สร้างถ้ำไว้แห่งหนึ่ง
ถวายแด่สงฆ์ผู้มาจากทิศทั้ง ๔ ในพันธุมาราชธานี
[๕๐] ข้าพเจ้าบริจาคผ้าหลายผืนไว้ลาดพื้นถ้ำ
ในครั้งนั้น ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส มีใจยินดี
ได้ทำความปรารถนาว่า
[๕๑] ข้าพเจ้าพึงให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงโปรดปราน
พึงได้บรรพชาและพึงสัมผัสพระนิพพาน
ซึ่งเป็นธรรมสูงสุด สงบอย่างยอดเยี่ยม
[๕๒] ด้วยกุศลมูลนั้นนั่นแล
ข้าพเจ้าระลึกชาติได้ถึง ๙๐ กัป
ข้าพเจ้าเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม
ได้สร้างบุญไว้รุ่งเรืองนัก
[๕๓] ด้วยผลกรรมที่เหลือจากนั้น ในภพสุดท้ายนี้
ข้าพเจ้าเกิดเป็นบุตรคนเดียวของอัครเศรษฐีในกรุงจัมปา
[๕๔] พอฟังข่าวข้าพเจ้าว่าเกิดแล้ว
บิดาก็มีความพอใจดังนี้ว่า
เราจะให้ทรัพย์ ๒๐ โกฏิแก่กุมารไม่ให้ลดหย่อนเลย
[๕๕] ขนยาวประมาณ ๔ นิ้ว เส้นละเอียด
มีสัมผัสอ่อนนุ่มเสมอเหมือนปุยนุ่นงดงาม
เกิดที่ฝ่าเท้าทั้ง ๒ ของข้าพเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๗๒ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๙. โสณโกฏิวีสเถราปทาน
[๕๖] ข้อนี้เป็นอาการพิเศษประการหนึ่งตลอด ๙๐ กัปที่ล่วงมา
ข้าพเจ้าไม่รู้สึกในเมื่อวางเท้าลง
บนภาคพื้นที่ไม่มีเครื่องลาดเลย
[๕๗] ข้าพเจ้าให้พระพุทธเจ้าโปรดปรานแล้วบวชเป็นบรรพชิต
ได้บรรลุอรหัตตผล และเป็นผู้เย็น ดับแล้ว
[๕๘] พระศาสดาผู้ทรงเห็นเหตุทั้งปวง
ทรงแสดงว่าข้าพเจ้าเป็นผู้เลิศกว่า
บรรดาภิกษุผู้ปรารภความเพียร
เป็นพระอรหันตขีณาสพ ได้อภิญญา ๖ มีฤทธิ์มาก
[๕๙] ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ไป
ข้าพเจ้าได้ถวายทานไว้ในครั้งนั้น
จึงไม่รู้จักทุคติเลย
นี้เป็นผลแห่งการถวายถ้ำ
[๖๐] กิเลสทั้งหลายข้าพเจ้าก็เผาได้แล้ว
ภพทั้งปวงข้าพเจ้าก็ถอนได้แล้ว
ข้าพเจ้าตัดกิเลสเครื่องผูกพันได้แล้วอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ดุจพญาช้างตัดเครื่องพันธนาการได้แล้วอยู่อย่างอิสระ
[๖๑] การที่ข้าพเจ้าได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้า
เป็นการมาดีแล้วโดยแท้
วิชชา ๓ ข้าพเจ้าได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว
[๖๒] คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว
คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำสำเร็จแล้ว ดังนี้แล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๗๓ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๑๐. พุทธาปทานชื่อปุพพกัมมปิโลติ
[๖๓] พระโสณโกฏิวีสเถระ เป็นหัวหน้าของภิกษุสงฆ์
ถูกถามปัญหาแล้วได้พยากรณ์ที่ใกล้สระใหญ่ชื่ออโนดาต ดังนี้แล
ได้ทราบว่า ท่านพระโสณโกฏิวีสเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้
โสณโกฏิวีสเถราปทานที่ ๙ จบ
๑๐. พุทธาปทานชื่อปุพพกัมมปิโลติ
ประวัติในอดีตชาติของพระพุทธเจ้าว่าด้วยบุพกรรมเก่า
(พระอานนทเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของพระพุทธเจ้าว่าด้วย
บุพกรรมเก่า จึงกล่าวว่า)
[๖๔] ณ พื้นศิลาที่น่ารื่นรมย์ ใกล้สระอโนดาต
โชติช่วงด้วยรัตนะต่าง ๆ
ในละแวกป่ามีดอกไม้มีกลิ่นหอมนานาชนิด
[๖๕] พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
มีหมู่ภิกษุหมู่ใหญ่ห้อมล้อม
ประทับนั่งที่ศิลาอาสน์นั้น
ทรงพยากรณ์บุพกรรมของพระองค์ว่า
[๖๖] ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงฟังกรรมของเรา
เราเห็นภิกษุ ผู้อยู่ป่าเป็นวัตร
จึงได้ถวายผ้าเก่าผืนหนึ่ง
[ก] ในกาลนั้น ข้าพเจ้าปรารถนาการตรัสรู้
เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก
ผลของการถวายผ้าเก่าให้ผลในความเป็นพระพุทธเจ้า
[ข] ในชาติปางก่อน เราเกิดเป็นนายโคบาล ต้อนโคไปเลี้ยง
เห็นแม่โคกำลังดื่มน้ำขุ่น จึงห้ามมันไว้
[ค] ด้วยผลกรรมนั้น ในภพสุดท้ายนี้ เรากระหายน้ำ
ก็ไม่ได้ดื่มน้ำตามความปรารถนา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๗๔ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๑๐. พุทธาปทานชื่อปุพพกัมมปิโลติ
[๖๗] ในชาติอื่น ๆ ในปางก่อน
เราเกิดเป็นนักเลงชื่อว่าปุนาลิ
ได้กล่าวตู่พระปัจเจกพุทธเจ้ามีนามว่าสุรภี ผู้ไม่ประทุษร้ายใคร
[๖๘] ด้วยผลกรรมนั้น เราจึงได้เวียนว่ายตายเกิด
อยู่ในนรกเป็นเวลานาน เสวยทุกขเวทนาหลายพันปี
[๖๙] ด้วยผลกรรมที่เหลืออยู่นั้น
ในภพสุดท้ายนี้ เราได้รับการกล่าวตู่
เพราะนางสุนทรีเป็นเหตุ
[๗๐] เพราะการกล่าวตู่พระเถระนามว่านันทะ
ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ผู้ครอบงำอันตรายทั้งปวง
เราจึงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในนรกเป็นเวลานาน
[๗๑] เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในนรกเป็นเวลานานถึง ๑๐๐,๐๐๐ ปี
ครั้นได้เกิดเป็นมนุษย์ ก็ได้รับการกล่าวตู่มาก
[๗๒] ด้วยผลกรรมที่เหลืออยู่นั้น
นางจิญจมาณวิกาจึงมากล่าวตู่เราด้วยคำไม่จริงท่ามกลางหมู่ชน
[๗๓] เราเกิดเป็นพราหมณ์
ผู้มีสุตะซึ่งประชาชนสักการบูชา
ได้สอนมนตร์ให้มาณพประมาณ ๕๐๐ คน ในป่าใหญ่
[๗๔] เราได้เห็นฤๅษีผู้น่าเกรงกลัว ผู้ได้อภิญญา ๕
มีฤทธิ์มาก มายังสำนักของเรา
เราจึงกล่าวตู่ฤๅษีผู้ไม่ประทุษร้ายใคร
[๗๕] ครั้งนั้น เราได้บอกพวกศิษย์ว่า
ฤๅษีตนนี้มักบริโภคกามคุณ
เพียงเราบอกเท่านั้น พวกมาณพก็พลอยเชื่อ
[๗๖] ตั้งแต่นั้นมา พวกมาณพทั้งหมด
ไปเที่ยวหาอาหารในตระกูลทั้งหลาย
พากันบอกประชาชนว่า ฤๅษีตนนี้มักบริโภคกามคุณ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๗๕ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๑๐. พุทธาปทานชื่อปุพพกัมมปิโลติ
[๗๗] ด้วยผลกรรมนั้น ภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านี้
ได้รับการกล่าวตู่ เพราะนางสุนทรีเป็นเหตุ
[๗๘] ในชาติก่อน เราได้ฆ่าน้องชายต่างมารดา
เพราะเหตุแห่งทรัพย์
จับโยนลงซอกภูเขา แล้วโยนหินทับไว้
[๗๙] ด้วยผลกรรมนั้น พระเทวทัตจึงผลักก้อนหินกลิ้งลงมา
สะเก็ดหินกระทบนิ้วหัวแม่เท้าของเรา (จนห้อเลือด)
[๘๐] ในชาติก่อน เรายังเป็นเด็กเล่นอยู่ที่หนทางใหญ่
ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
จึงหว่านก้อนกรวดไว้ที่หนทาง
[๘๑] ด้วยผลกรรมนั้น ในภพสุดท้ายนี้
พระเทวทัตจึงชักชวนนักแม่นธนู
ผู้เป็นนักฆ่า เพื่อฆ่าเรา
[๘๒] ในชาติก่อน เราเป็นนายควาญช้าง
ได้ไสช้างไล่พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เป็นพระมุนีสูงสุด
ซึ่งกำลังเที่ยวบิณฑบาต
[๘๓] ด้วยผลกรรมนั้น ช้างนาฬาคีรีเชือกดุร้าย
จึงวิ่งไล่เราในกรุงราชคฤห์อันประเสริฐ
[๘๔] ในชาติก่อน เราเป็นทหารราบ
ได้ใช้หอกฆ่าคนจำนวนมาก
ด้วยผลกรรมนั้น
เราจึงถูกไฟไหม้อย่างร้อนแรงในนรก
[๘๕] ด้วยผลกรรมที่เหลืออยู่
ในบัดนี้ ไฟนั้นยังตามมา
ไหม้ผิวหนังที่เท้าของเราทุกแห่ง เพราะกรรมยังไม่สิ้นไป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๗๖ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] ๑๐. พุทธาปทานชื่อปุพพกัมมปิโลติ
[๘๖] ในชาติก่อน เราเป็นเด็กเล็กลูกของชาวประมง
อาศัยอยู่ในเกวัฏฏคาม
เห็นชาวประมงฆ่าปลาแล้วเกิดความโสมนัส
[๘๗] ด้วยผลกรรมนั้น เราจึงปวดศีรษะ
ในเมื่อเจ้าศากยะทั้งหลายถูกฆ่า
คราวที่พระเจ้าวิฑูฑภะฆ่า
[๘๘] เราได้ด่าบริภาษเหล่าสาวกในศาสนา
ของพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะด้วยคำว่า
ท่านทั้งหลายจงขบเคี้ยว
จงฉันแต่ข้าวเหนียว อย่าได้ฉันข้าวสาลีเลย
[๘๙] ด้วยผลกรรมนั้น เรารับนิมนต์พราหมณ์
อยู่จำพรรษาในเมืองเวรัญชา
ได้ฉันแต่ข้าวเหนียว ตลอด ๓ เดือน
[๙๐] ในชาติก่อน เมื่อนักมวยกำลังชกกัน
เราได้กันบุตรชายนักมวยปล้ำไว้
ด้วยผลกรรมนั้น
เราจึงเกิดความทุกข์ที่สันหลัง(ปวดหลัง)
[๙๑] ในชาติก่อน เราเป็นหมอรักษาโรค
ได้ถ่ายยาให้ลูกชายเศรษฐี(ถึงแก่ความตาย)
ด้วยผลกรรมนั้น
เราจึงป่วยเป็นโรคปักขันทิกาพาธ
[๙๒] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าชื่อว่าโชติปาละ
ได้กล่าวกับพระสุคตพระนามว่ากัสสปะ
ว่า การตรัสรู้ที่โคนต้นโพธิ์จักมีมาแต่ที่ไหน
การตรัสรู้หาได้แสนยาก
[๙๓] ด้วยผลกรรมนั้น
เราจึงได้บำเพ็ญทุกรกิริยานานถึง ๖ ปี
ต่อจากนั้น จึงได้บรรลุพระโพธิญาณที่ตำบลอุรุเวลา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๗๗ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๓๙. อัมพฏผลวรรค] รวมอปทานที่มีในวรรค
[๙๔] แต่ว่า เราก็มิได้บรรลุพระโพธิญาณที่สูงสุดด้วยทางนี้
เราถูกกรรมในปางก่อนตักเตือนแล้ว
จึงแสวงหา(โพธิญาณ)ผิดทาง
[๙๕] เราสิ้นบาปสิ้นบุญแล้ว
ปราศจากความเร่าร้อนทุกอย่าง
ไม่มีความเศร้าโศก ไม่มีความคับแค้น
ไม่มีอาสวะ จักปรินิพพาน
[๙๖] พระพุทธชินเจ้าได้ทรงบรรลุกำลังแห่งอภิญญาทั้งปวงแล้ว
ทรงพยากรณ์โดยมุ่งหวังประโยชน์สำหรับหมู่ภิกษุ
ที่ใกล้สระใหญ่ชื่ออโนดาต ด้วยประการฉะนี้แล
ได้ทราบว่า พระผู้มีพระภาคได้ทรงภาษิตธรรมบรรยายพุทธาปทาน ชื่อปุพพ-
กัมมปิโลติ ซึ่งเป็นบุพจริตของพระองค์ ด้วยประการฉะนี้แล
พุทธาปทานชื่อปุพพกัมมปิโลติที่ ๑๐ จบ
อัมพฏผลวรรคที่ ๓๙ จบบริบูรณ์
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ

๑. อัมพฏผลทายกเถราปทาน ๒. ลพุชทายกเถราปทาน
๓. อุทุมพรผลทายกเถราปทาน ๔. ปิลักขผลทายกเถราปทาน
๕. ผารุสผลทายกเถราปทาน ๖. วัลลิผลทายกเถราปทาน
๗. กทลิผลทายกเถราปทาน ๘. ปนสผลทายกเถราปทาน
๙. โสณโกฏิวีสเถราปทาน ๑๐. พุทธาปทานชื่อว่าปุพพกัมมปิโลติ

บัณฑิตทั้งหลายนับได้ ๙๑ คาถา
ภาณวารที่ ๑๔ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๗๘ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๐. ปิลินทวัจฉวรรค] ๑. ปิลินทวัจฉเถราปทาน
๔๐. ปิลินทวัจฉวรรค
หมวดว่าด้วยพระปิลินทวัจฉะเป็นต้น
๑. ปิลินทวัจฉเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระปิลินทวัจฉเถระ
(พระปิลินทวัจฉเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[๑] ข้าพเจ้าเป็นคนเฝ้าประตูอยู่ที่กรุงหงสวดี
ได้รวบรวมโภคสมบัติเก็บไว้ในเรือนมากมายนับไม่ถ้วน
[๒] ครั้งนั้น ข้าพเจ้านั่งอยู่ในสถานที่สงัด
ทำใจให้ร่าเริง นั่งอยู่ในปราสาทที่ประเสริฐ
ได้คิดอย่างนี้ว่า
[๓] โภคสมบัติของเรามีมาก
ภายในบุรีของเราก็มั่งคั่ง
แม้พระราชาผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน
พระนามว่าอานนท์ ก็ทรงเชื้อเชิญเรา
[๔] พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ เป็นพระมุนี
เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้
และโภคสมบัติของเราก็มีอยู่
เราจักถวายทานแด่พระศาสดา
[๕] พระโอรสของพระราชาพระนามว่าปทุมะ
ทรงถวายทานอย่างประเสริฐ
คือช้างเชือกประเสริฐ บัลลังก์และพนักพิง
ประมาณไม่น้อย ในพระชินเจ้า
[๖] แม้เราก็จักถวายทาน
ในพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๗๙ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๐. ปิลินทวัจฉวรรค] ๑. ปิลินทวัจฉเถราปทาน
ทานอย่างประเสริฐที่ยังไม่เคยมีใครถวาย
เราจักเป็น (ผู้ถวาย) คนแรก
[๗] ข้าพเจ้าคิดถึงทานหลายอย่าง
ที่มีผลเป็นสุขในเพราะการบูชา
ก็ได้เห็นการถวายบริขาร
เป็นเหตุทำความคิดของข้าพเจ้าให้เต็มได้
[๘] ข้าพเจ้าจักถวายบริขาร
ในพระสงฆ์ซึ่งเป็นหมู่คณะที่ประเสริฐสุด
การถวายบริขารที่คนเหล่าอื่นยังไม่เคยถวาย
ข้าพเจ้าจักเป็นคนแรก
(การถึงพร้อมแห่งทานวัตถุ)
[๙] ขณะนั้น ข้าพเจ้าเข้าไปหาช่างจักสาน จ้างให้ทำร่ม
รวบรวมร่มได้ ๑๐๐,๐๐๐ คัน
[๑๐] รวบรวมผ้าได้ ๑๐๐,๐๐๐ ผืน
รวบรวมบาตรได้ ๑๐๐,๐๐๐ ใบ
[๑๑] จ้างช่างให้ทำมีดโกน มีดเล็ก เข็ม และมีดตัดเล็บ
ที่สมควร(แก่สมณบริโภค) แล้วให้วางไว้ภายใต้ร่ม
[๑๒] จ้างช่างให้ทำพัดใบตาล พัดขนปีกนกยูง แส้จามร
ผ้ากรองน้ำ ภาชนะน้ำมัน ให้สมควร (แก่สมณบริโภค)
[๑๓] จ้างช่างให้ทำกล่องเข็ม ผ้าอังสะ
ประคตเอว และเชิงรองบาตร ซึ่งทำอย่างสวยงาม
ให้สมควร(แก่สมณบริโภค)
[๑๔] ให้บรรจุเภสัชจนเต็มภาชนะสำหรับใส่ของบริโภค
และบรรจุขันสำริดให้วางไว้ภายใต้ร่ม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๘๐ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๐. ปิลินทวัจฉวรรค] ๑. ปิลินทวัจฉเถราปทาน
[๑๕] ให้บรรจุว่านน้ำ หญ้าคา ชะเอม ดีปลี พริก ผลสมอ
และขิงสด จนเต็มภาชนะทุกอย่าง
[๑๖] จ้างช่างให้ทำรองเท้า เขียงเท้า
ผ้าสำหรับเช็ดน้ำ และไม้เท้าคนแก่
อย่างสวยงาม ให้สมควร(แก่สมณบริโภค)
[๑๗] จ้างช่างให้ทำยารักษาไข้ ยาหยอดตา
ไม้ป้ายยาตา กระบอกกรองน้ำ
ลูกกุญแจ และกล่องลูกกุญแจ ซึ่งเย็บด้วยด้าย ๕ สี
[๑๘] สายโยค กระบอกเป่าควันไฟ ตะเกียงตั้ง
คนโทน้ำและผอบ ให้สมควร(แก่สมณบริโภค)
[๑๙] จ้างช่างให้ทำแหนบ กรรไกร
วัตถุขัดสนิมและถุงสำหรับใส่เภสัช
ให้สมควร(แก่สมณบริโภค)
[๒๐] จ้างช่างให้ทำเก้าอี้นอน ตั่งและบัลลังก์ ๔ เท้า
ให้สมควร(แก่สมณบริโภค)แล้วให้ตั้งไว้ภายใต้ร่ม
[๒๑] จ้างช่างให้ทำฟูกยัดด้วยขนสัตว์ ฟูกยัดด้วยนุ่น
ฟูกตั่งและหมอนทำอย่างดี
ให้สมควร(แก่สมณบริโภค)
[๒๒] จ้างช่างให้ทำจุรณสำหรับอาบ
ขี้ผึ้ง น้ำมันที่หุงด้วยมือ
และเตียงที่ปูด้วยแผ่นกระดานเล็ก ๆ
อันสะอาดพร้อมด้วยเครื่องลาด
[๒๓] เสนาสนะ ผ้าเช็ดเท้า ที่นอน
ที่นั่ง ไม้เท้า ไม้ชำระฟัน
กระเบื้อง ของหอมสำหรับไล้ทาศีรษะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๘๑ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๐. ปิลินทวัจฉวรรค] ๑. ปิลินทวัจฉเถราปทาน
[๒๔] ไม้สีไฟ ตั่งแผ่นกระดาน ฝาบาตร ถุงบาตร
กระบวยตักน้ำ เครื่องอบ (สีผงย้อมผ้า) รางย้อมผ้า
[๒๕] ไม้กวาด ผ้าอาบน้ำ ผ้าอาบน้ำฝน
ผ้านิสีทนะ ผ้าปิดฝี ผ้าอันตรวาสก (ผ้านุ่ง)
[๒๖] ผ้าอุตราสงค์(ผ้าห่ม) ผ้าสังฆาฏิ(ผ้าพาดบ่า)
ยานัตถุ์ น้ำบ้วนปาก น้ำส้ม
น้ำปลา น้ำผึ้ง นมส้ม น้ำปานะ
[๒๗] ขี้ผึ้ง ผ้าเก่า ผ้าเช็ดปาก ด้าย
สิ่งใดชื่อว่าเป็นของควรให้ทานมีอยู่
และสมควรแก่พระศาสดา
[๒๘] ข้าพเจ้ารวบรวมสิ่งนั้นทั้งหมดได้แล้ว
จึงเข้าเฝ้าพระเจ้าอานนท์
ครั้นเข้าเฝ้าพระราชาผู้นำหมู่ชน ผู้มีพระยศยิ่งใหญ่
ถวายบังคมด้วยเศียรเกล้าแล้วได้กราบทูลคำนี้ว่า
(การขอโอกาสถวายทาน)
[๒๙] เราทั้ง ๒ เจริญเติบโตมาด้วยกัน มียศร่วมกัน
ร่วมสุข ร่วมทุกข์ และประพฤติคล้อยตามกัน
[๓๐] ขอเดชะพระองค์ผู้ปราบข้าศึก
ทุกข์ใจที่เกี่ยวเนื่องกับพระองค์ยังมีอยู่
ขอเดชะพระองค์ผู้ขัตติยราช ถ้าพระองค์สามารถ
ก็ขอได้ทรงพระกรุณาบรรเทาทุกข์นั้นด้วยเถิด
[๓๑] พระราชาตรัสว่า
ทุกข์ของท่านก็เป็นทุกข์ของข้าพเจ้าด้วย
เราทั้ง ๒ มีใจตรงกัน
ท่านย่อมรู้ว่าสำเร็จ ถ้าท่านจะพึงเปลื้องทุกข์นั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๘๒ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๐. ปิลินทวัจฉวรรค] ๑. ปิลินทวัจฉเถราปทาน
[๓๒] ขอเดชะพระมหาราช
ขอจงทรงทราบทุกข์ของข้าพระพุทธเจ้า ซึ่งบรรเทาได้ยาก
พระองค์บันลือมากไป
ทรัพย์นี้ พระองค์ยังสละได้ยาก
[๓๓] คือสิ่งที่มีอยู่ในแว่นแคว้นประมาณเท่าใด
ชีวิตของข้าพระพุทธเจ้าประมาณเท่าใด
ถ้าพระองค์ต้องการสิ่งเหล่านี้
ข้าพระพุทธเจ้าก็จักให้อย่างไม่หวั่นไหว
[๓๔] ขอเดชะ พระองค์ทรงบันลือแล้ว
การบันลือมากนั้นผิด
ข้าพระพุทธเจ้าจักทราบพระองค์
วันนี้ ว่าทรงดำรงอยู่ในธรรมทั้งปวง
[๓๕] ท่านบีบคั้นหนักนัก
เมื่อข้าพเจ้าจะให้
ท่านจะได้ประโยชน์อะไรจากการที่ข้าพเจ้าถูกบีบคั้น
ท่านปรารถนาสิ่งใดจงบอกแก่ข้าพเจ้า
[๓๖] ขอเดชะพระมหาราช
ข้าพระพุทธเจ้าปรารถนาพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐยิ่ง
ข้าพระพุทธเจ้าจักนิมนต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เสวย
ชีวิตของข้าพระพุทธเจ้าอย่าเป็นโทษเลย
[๓๗] ข้าพเจ้าจะให้พรอย่างอื่นแก่ท่าน
ท่านอย่าขอพระตถาคตเลย
พระพุทธเจ้าไม่มีใครจะให้แก่ใคร ๆ ได้
เปรียบเหมือนแก้วมณีโชติรส
[๓๘] ขอเดชะ พระองค์ทรงบันลือแล้วมิใช่หรือว่า กระทั่งชีวิตที่มีอยู่
เมื่อพระองค์ประทานชีวิตได้
ก็ควรพระราชทานพระตถาคตได้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๘๓ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๐. ปิลินทวัจฉวรรค] ๑. ปิลินทวัจฉเถราปทาน
[๓๙] พระพุทธชินมหาวีรเจ้าควรงดไว้
ไม่พึงให้แก่ใคร ๆ ได้
เรารับปากให้ไม่ได้
ท่านจงเลือกเอาทรัพย์จนนับไม่ถ้วนเถิด
[๔๐] ข้าพระพุทธเจ้าจะต้องถึงการวินิจฉัย
พวกเราจักถามผู้วินิจฉัย
ผู้วินิจฉัยจักตัดสินละเอียดฉันใด
พวกเราจักสอบถามข้อนั้นฉันนั้น
[๔๑] ข้าพเจ้าจับพระหัตถ์พระราชา
พากันไปยังสถานที่วินิจฉัย
ได้กล่าวคำนี้ต่อหน้าผู้พิพากษาทั้งหลายว่า
[๔๒] ขอผู้พิพากษาจงฟังข้าพเจ้า
พระราชาได้พระราชทานพรแก่ข้าพเจ้า
พระองค์ไม่ยกเว้นอะไร ๆ ยอมให้ได้แม้กระทั่งชีวิต
[๔๓] เมื่อพระองค์พระราชทานพรแก่ข้าพเจ้าแล้ว
ข้าพเจ้าจึงขอพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
พระพุทธเจ้าเป็นอันพระราชาพระราชทาน
แก่ข้าพเจ้าดีแล้วมิใช่หรือ
ท่านทั้งหลายจงตัดความสงสัยของข้าพเจ้าด้วยเถิด
[๔๔] (ผู้พิพากษาทั้งหลายกล่าวว่า)
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
จะฟังคำของท่านและพระดำรัสของพระราชา
ผู้ปกครองแผ่นดิน
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายฟังคำของทั้ง ๒ ฝ่ายแล้ว
จักตัดความสงสัยในข้อนี้ได้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๘๔ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๐. ปิลินทวัจฉวรรค] ๑. ปิลินทวัจฉเถราปทาน
[๔๕] ขอเดชะ พระองค์พระราชทานทุกสิ่ง
ท่านผู้นี้ถือเอาทุกสิ่งแล้วหรือ พระเจ้าข้า
พระองค์ไม่ยกเว้นอะไร ๆ ยอมให้ได้แม้กระทั่งชีวิตหรือ
[๔๖] (พระราชาตรัสว่า)
เราได้รับความลำบาก
แสนสาหัสนักจนตลอดชีวิต
รู้ว่าผู้นี้ได้รับความทุกข์อย่างหนัก
จึงได้ให้สิ่งของที่ควรถือเอาไว้ทุกอย่าง
[๔๗] ขอเดชะ พระองค์ทรงเป็นผู้พ่ายแพ้
ควรจะพระราชทานพระตถาคตให้เขาไป
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายตัดความสงสัยของทั้ง ๒ ฝ่ายได้แล้ว
ขอท่านทั้ง ๒ จงตั้งอยู่ในคำมั่นสัญญาเถิด
[๔๘] พระราชาประทับอยู่ ณ ที่นั้นแล
ได้ตรัสกับผู้พิพากษาดังนี้ว่า
ท่านทั้งหลายพึงให้แก่เราโดยชอบบ้าง
เราจะได้พระพุทธเจ้าอีก
[๔๙] (ผู้พิพากษาได้กล่าวกับข้าพเจ้าว่า)
ท่านทำความดำริของท่านให้บริบูรณ์
นิมนต์พระตถาคตให้เสวยแล้ว
พึงถวายคืนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ให้แก่พระเจ้าอานนท์ผู้ทรงยศอีก
(กถาว่าด้วยการทูลนิมนต์)
[๕๐] ข้าพเจ้าไหว้ผู้พิพากษาและถวายบังคม
พระเจ้าอานนท์จอมกษัตริย์แล้ว
มีความยินดีปราโมทย์
ได้เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๘๕ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๐. ปิลินทวัจฉวรรค] ๑. ปิลินทวัจฉเถราปทาน
[๕๑] ครั้นเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ข้ามโอฆกิเลสได้แล้ว ไม่มีอาสวะ
ถวายอภิวาทด้วยเศียรเกล้าแล้ว
ได้กราบทูลดังนี้ว่า
[๕๒] ข้าแต่พระองค์ผู้มีพระจักษุ
ขอพระองค์พร้อมด้วยพระอรหันต์ ๑๐๐,๐๐๐ รูป โปรดรับนิมนต์
พระองค์เมื่อจะทำจิตของข้าพระองค์ให้ร่าเริง
ขอจงเสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของข้าพระองค์เถิด
[๕๓] พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ
ผู้ทรงรู้แจ้งโลก ผู้สมควรรับเครื่องบูชา
ผู้มีพระจักษุ ทรงรู้ความดำริของข้าพเจ้า
จึงทรงรับนิมนต์(ด้วยดุษณีภาพ)
[๕๔] ข้าพเจ้าทราบว่าพระองค์ทรงรับนิมนต์แล้ว
จึงถวายอภิวาทพระศาสดา
มีจิตร่าเริงเบิกบาน
เข้าไปยังนิเวศน์ของตน
(การตระเตรียมทาน)
[๕๕] ข้าพเจ้าประชุมมิตรและอำมาตย์แล้ว
ได้กล่าวคำนี้ว่า เราได้สิ่งที่ได้แสนยากแล้ว
เปรียบเหมือนได้แก้วมณีโชติรส
[๕๖] เราจักบูชาพระองค์ด้วยอะไร
พระชินเจ้ามีคุณหาประมาณมิได้
หาใครเปรียบมิได้ ไม่มีใครเทียบเท่า
ไม่มีใครเสมอ เป็นนักปราชญ์
ไม่มีบุคคลเปรียบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๘๖ }

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [๔๐. ปิลินทวัจฉวรรค] ๑. ปิลินทวัจฉเถราปทาน
[๕๗] หาผู้เสมอเหมือนเช่นนั้นมิได้
ไม่เป็นที่ ๒ (รองใคร) ทรงองอาจกว่านรชน
อธิการ๑ที่สมควรแก่พระพุทธเจ้า เราทำได้โดยยาก
[๕๘] ขอพวกเราจงช่วยกันรวบรวมดอกไม้ต่าง ๆ
มาทำมณฑปดอกไม้เถิด
นี้ย่อมสมควรแก่พระพุทธเจ้า
ถือเป็นการบูชาด้วยสิ่งทั้งปวง
[๕๙] ข้าพเจ้าใช้ดอกบัวขาบ ดอกบัวหลวง ดอกมะลิ
ดอกลำดวน ดอกจำปา ดอกกากะทิง ทำให้เป็นมณฑป
[๖๐] ปูลาดอาสนะ ๑๐๐,๐๐๐ ไว้ใต้เงาร่ม
อาสนะของข้าพเจ้าอยู่สุดท้าย มีค่าเกินร้อย
[๖๑] ปูลาดอาสนะ ๑๐๐,๐๐๐ ไว้ใต้เงาร่ม
จัดแจงข้าวและน้ำเสร็จแล้วให้คนไปกราบทูลภัตกาล
(เวลาอันสมควรเพื่อฉันภัตตาหาร)
[๖๒] เมื่อคนไปกราบทูลภัตกาลแล้ว
พระมหามุนีพระนามว่าปทุมุตตระ
พร้อมด้วยพระอรหันต์ ๑๐๐,๐๐๐ องค์
ได้เสด็จเข้ามายังนิเวศน์ของข้าพเจ้า
[๖๓] ร่มกั้นอยู่เบื้องบน ในมณฑปดอกไม้ที่บานสะพรั่ง
พระพุทธเจ้าผู้เป็นบุรุษผู้สูงสุด
ประทับนั่งพร้อมด้วยพระอรหันต์ ๑๐๐,๐๐๐ องค์
[๖๔] (ข้าพเจ้ากราบทูลว่า) ข้าแต่พระองค์ผู้มีพระจักษุ
ขอพระองค์โปรดทรงรับร่ม ๑๐๐,๐๐๐ คัน

เชิงอรรถ :
๑ อธิการ การกระทำที่ยิ่ง เช่น การบริจาคชีวิตเป็นต้น (ขุ.อป.อ. ๑/๑๖๘, และดูเทียบ ขุ.อป.อ. ๒/๕-๖/๒๓๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๒ หน้า :๕๘๗ }

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น