Google Analytics 4

ร่วมแชร์เป็นธรรมทานนะครับ

เล่มที่ ๓๔-๕ หน้า ๑๗๓ - ๒๑๕

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๔-๕ อภิธรรมปิฎกที่ ๐๑ ธัมมสังคนี



พระอภิธรรมปิฎก
ธัมมสังคณี
_________
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] ทุกมาติกา สุขุมุทุกะ
อินทริยทุกะ

รูปที่เป็นจักขุนทรีย์ก็มี (๗๑๐) รูปที่ไม่เป็นจักขุนทรีย์ก็มี (๗๑๑)

รูปที่เป็นโสตินทรีย์ก็มี ฯลฯ รูปที่เป็นฆานินทรีย์ ฯลฯ รูปที่เป็นชิวหินทรีย์

ฯลฯ รูปที่เป็นกายินทรีย์ก็มี (๗๑๒) รูปที่ไม่เป็นกายินทรีย์ก็มี (๗๑๓)
รูปที่เป็นอิตถินทรีย์ก็มี (๗๑๔) รูปที่ไม่เป็นอิตถินทรีย์ก็มี (๗๑๕)
รูปที่เป็นปุริสินทรีย์ก็มี (๗๑๖) รูปที่ไม่เป็นปุริสินทรีย์ก็มี (๗๑๗)
รูปที่เป็นชีวิตินทรีย์ก็มี (๗๑๘) รูปที่ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ก็มี (๗๑๙)

อินทริยทุกะ จบ
สุขุมรูปทุกะ

รูปที่เป็นกายวิญญัติก็มี (๗๒๐) รูปที่ไม่เป็นกายวิญญัติก็มี (๗๒๑)
รูปที่เป็นวจีวิญญัตติก็มี (๗๒๒) รูปที่ไม่เป็นวจีวิญญัติก็มี (๗๒๓)
รูปที่เป็นอากาสธาตุก็มี (๗๒๔) รูปที่ไม่เป็นอากาสธาตุก็มี (๗๒๕)
รูปที่เป็นอาโปธาตุก็มี (๗๒๖) รูปที่ไม่เป็นอาโปธาตุก็มี (๗๒๗)
รูปที่เป็นลหุตารูปก็มี (๗๒๘) รูปที่ไม่เป็นลหุตารูปก็มี (๗๒๙)
รูปที่เป็นมุทุตารูปก็มี (๗๓๐) รูปที่ไม่เป็นมุทุตารูปก็มี (๗๓๑)
รูปที่เป็นกัมมัญญตารูปก็มี (๗๓๒) รูปที่ไม่เป็นกัมมัญญตารูปก็มี (๗๓๓)
รูปที่เป็นอุปจยรูปก็มี (๗๓๔) รูปที่ไม่เป็นอุปจยรูปก็มี (๗๓๕)
รูปที่เป็นสันตติรูปก็มี (๗๓๖) รูปที่ไม่เป็นสันตติรูปก็มี (๗๓๗)
รูปที่เป็นชรตารูปก็มี (๗๓๘) รูปที่ไม่เป็นชรตารูปก็มี (๗๓๙)
รูปที่เป็นอนิจจตารูปก็มี (๗๔๐) รูปที่ไม่เป็นอนิจจตารูปก็มี (๗๔๑)
รูปที่เป็นกวฬิงการาหารก็มี (๗๔๒) รูปที่ไม่เป็นกวฬิงการาหาร๑ ก็มี (๗๔๓)

สุขุมรูปทุกะ จบ
รวมรูปหมวดละ ๒ อย่างนี้
ทุกมาติกา จบ

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๓๓/๑๕

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๗๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] ติกมาติกา ปกิณณกติกะ
ติกมาติกา
รวมรูปหมวดละ ๓
ปกิณณกติกะ
อัชฌัตติกอุปาทาติกะ
[๕๘๕] รูปที่เป็นภายใน เป็นอุปาทายรูป (๗๔๔) รูปที่เป็นภายนอก เป็น
อุปาทายรูปก็มี (๗๔๕) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นอุปาทายรูปก็มี (๗๔๖)
อัชฌัตติกอุปาทินนติกะ
รูปที่เป็นภายใน เป็นรูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ๑ (๗๔๗)
รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือก็มี (๗๔๘)
รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือก็มี (๗๔๙)
อัชฌัตติกอุปาทินนุปาทานิยติกะ
รูปที่เป็นภายใน เป็นรูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็น
อารมณ์ของอุปาทาน (๗๕๐) รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูปที่กรรมอันประกอบด้วย
ตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี (๗๕๑) รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูป
ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี (๗๕๒)
อัชฌัตติกอนิทัสสนติกะ
รูปที่เป็นภายใน เป็นรูปที่เห็นไม่ได้ (๗๕๓) รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูปที่เห็นได้
ก็มี (๗๕๔) รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูปที่เห็นไม่ได้ก็มี (๗๕๕)
อัชฌัตติกสัปปฏิฆติกะ
รูปที่เป็นภายใน เป็นรูปที่กระทบได้ (๗๕๖) รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูปที่
กระทบได้ก็มี (๗๕๗) รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูปที่กระทบไม่ได้ก็มี (๗๕๘)

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.สงฺ.อ. ๙๐

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๗๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] ติกมาติกา ปกิณณกติกะ
อัชฌัตติกอินทริยติกะ
รูปที่เป็นภายใน เป็นอินทริยรูป (๗๕๙) รูปที่เป็นภายนอก เป็นอินทริยรูปก็มี
(๗๖๐) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นอินทริยรูปก็มี (๗๖๑)
อัชฌัตติกมหาภูตติกะ
รูปที่เป็นภายในไม่เป็นมหาภูตรูป (๗๖๒) รูปที่เป็นภายนอก เป็นมหาภูตรูปก็มี
(๗๖๓) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นมหาภูตรูปก็มี (๗๖๔)
อัชฌัตติกนวิญญัตติติกะ
รูปที่เป็นภายในไม่เป็นวิญญัตติรูป (๗๖๕) รูปที่เป็นภายนอก เป็นวิญญัตติรูป
ก็มี (๗๖๖) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นวิญญัตติรูปก็มี (๗๖๗)
อัชฌัตติกนจิตตสมุฏฐานติกะ
รูปที่เป็นภายในไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน (๗๖๘) รูปที่เป็นภายนอก มีจิต
เป็นสมุฏฐานก็มี (๗๖๙) รูปที่เป็นภายนอก ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐานก็มี (๗๗๐)
อัชฌัตติกนจิตตสหภูติกะ
รูปที่เป็นภายในไม่เกิดพร้อมกับจิต (๗๗๑) รูปที่เป็นภายนอก ที่เกิดพร้อมกับ
จิตก็มี (๗๗๒) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เกิดพร้อมกับจิตก็มี (๗๗๓)
อัชฌัตติกนจิตตานุปริวัตติติกะ
รูปที่เป็นภายในไม่เป็นไปตามจิต (๗๗๔) รูปที่เป็นภายนอก เป็นไปตามจิต
ก็มี (๗๗๕) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นไปตามจิตก็มี (๗๗๖)
อัชฌัตติกโอฬาริกติกะ
รูปที่เป็นภายใน เป็นรูปหยาบ (๗๗๗) รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูปหยาบก็มี
(๗๗๘) รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูปละเอียดก็มี (๗๗๙)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๗๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] ติกมาติกา วัตถุติกะ
อัชฌัตติกสันติเกติกะ
รูปที่เป็นภายใน เป็นรูปใกล้ (๗๘๐) รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูปไกลก็มี (๗๘๑)
รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูปใกล้ก็มี (๗๘๒)
ปกิณณกติกะ จบ
วัตถุติกะ
พาหิรจักขุสัมผัสสัสสนวัตถุติกะ
รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นที่อาศัยเกิดของจักขุสัมผัส (๗๘๓) รูปที่เป็นภายใน
เป็นที่อาศัยเกิดของจักขุสัมผัสก็มี (๗๘๔) รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นที่อาศัยเกิดของ
จักขุสัมผัสก็มี (๗๘๕)
พาหิรจักขุสัมผัสสชาเวทนายนวัตถุติกะ
รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นที่อาศัยเกิดของเวทนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ ของ
สัญญา ฯลฯ ของเจตนา ฯลฯ ของจักขุวิญญาณ (๗๘๖) รูปที่เป็นภายใน เป็น
ที่อาศัยเกิดของจักขุวิญญาณก็มี (๗๘๗) รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นที่อาศัยเกิดของ
จักขุวิญญาณก็มี (๗๘๘)
พาหิรโสตสัมผัสสัสสนวัตถุติกาทิติกะ
รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นที่อาศัยเกิดของโสตสัมผัส ฯลฯ ของฆานสัมผัส ฯลฯ
ของชิวหาสัมผัส ฯลฯ ของกายสัมผัส (๗๘๙) รูปที่เป็นภายใน เป็นที่อาศัยเกิดของ
กายสัมผัสก็มี (๗๙๐) รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นที่อาศัยเกิดของกายสัมผัสก็มี (๗๙๑)
พาหิรกายสัมผัสสชาเวทนายนวัตถุติกาทิติกะ
รูปที่เป็นภายนอกไม่ เป็นที่อาศัยเกิดของเวทนาที่เกิดแต่กายสัมผัส ฯลฯ ของ
สัญญา ฯลฯ ของเจตนา ฯลฯ ของกายวิญญาณ (๗๙๒) รูปที่เป็นภายใน เป็น
ที่อาศัยเกิดของกายวิญญาณก็มี (๗๙๓) รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นที่อาศัยเกิดของ
กายวิญญาณก็มี (๗๙๔)
วัตถุติกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๗๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] ติกมาติกา อายตนติกะ
อารัมมณติกะ
อัชฌัตติกจักขุสัมผัสสัสสนารัมมณติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นอารมณ์ของจักขุสัมผัส (๗๙๕) รูปที่เป็นภายนอก เป็น
อารมณ์ของจักขุสัมผัสก็มี (๗๙๖) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นอารมณ์ของจักขุสัมผัส
ก็มี (๗๙๗)
อัชฌัตติกจักขุสัมผัสสชาเวทนายนารัมมณติกาทิติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นอารมณ์ของเวทนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ ของสัญญา
ฯลฯ ของเจตนา ฯลฯ ของจักขุวิญญาณ (๗๙๘) รูปที่เป็นภายนอก เป็นอารมณ์
ของจักขุวิญญาณก็มี (๗๙๙) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นอารมณ์ของจักขุวิญญาณ
ก็มี (๘๐๐)
อัชฌัตติกโสตสัมผัสสัสสนารัมมณติกาทิติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นอารมณ์ของโสตสัมผัส ฯลฯ ของฆานสัมผัส ฯลฯ ของ
ชิวหาสัมผัส ฯลฯ ของกายสัมผัส (๘๐๑) รูปที่เป็นภายนอก เป็นอารมณ์ของกาย
สัมผัสก็มี (๘๐๒) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นอารมณ์ของกายสัมผัสก็มี (๘๐๓)
อัชฌัตติกกายสัมผัสสชาเวทนายนารัมมณติกาทิติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นอารมณ์ของเวทนาที่เกิดแต่กายสัมผัส ฯลฯ ของสัญญา
ฯลฯ ของเจตนา ฯลฯ ของกายวิญญาณ (๘๐๔) รูปที่เป็นภายนอก เป็นอารมณ์
ของกายวิญญาณก็มี (๘๐๕) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นอารมณ์ของกายวิญญาณ
ก็มี (๘๐๖)
อารัมมณติกะ จบ
อายตนติกะ
พาหิรนจักขายตนติกะ
รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นจักขายตนะ (๘๐๗) รูปที่เป็นภายใน เป็นจักขายตนะ
ก็มี (๘๐๘) รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นจักขายตนะก็มี (๘๐๙)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๗๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] ติกมาติกา ธาตุติกะ
พาหิรนโสตายตนาทิติกะ
รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นโสตายตนะ ฯลฯ ไม่เป็นฆานายตนะ ฯลฯ ไม่เป็น
ชิวหายตนะ ฯลฯ ไม่เป็นกายายตนะ (๘๑๐) รูปที่เป็นภายใน เป็นกายายตนะก็มี
(๘๑๑) รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นกายายตนะก็มี (๘๑๒)
อัชฌัตติกนรูปายตนติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นรูปายตนะ (๘๑๓) รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูปายตนะก็มี
(๘๑๔) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นรูปายตนะก็มี (๘๑๕)
อัชฌัตติกนสัททายตนติกาทิติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นสัททายตนะ ฯลฯ ไม่เป็นคันธายตนะ ฯลฯ ไม่
เป็นรสายตนะ ฯลฯ ไม่เป็นโผฏฐัพพายตนะ (๘๑๖) รูปที่เป็นภายนอก เป็น
โผฏฐัพพายตนะก็มี (๘๑๗) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นโผฏฐัพพายตนะก็มี (๘๑๘)
อายตนติกะ จบ
ธาตุติกะ
พาหิรนจักขุธาตุติกะ
รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นจักขุธาตุ (๘๑๙) รูปที่เป็นภายใน เป็นจักขุธาตุก็มี
(๘๒๐) รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นจักขุธาตุก็มี (๘๒๑)
พาหิรนโสตธาตุติกาทิติกะ
รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นโสตธาตุ ฯลฯ ไม่เป็นฆานธาตุ ฯลฯ ไม่เป็นชิวหาธาตุ
ฯลฯ ไม่เป็นกายธาตุ (๘๒๒) รูปที่เป็นภายใน เป็นกายธาตุก็มี (๘๒๓) รูปที่เป็นภายใน
ไม่เป็นกายธาตุก็มี (๘๒๔)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๗๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] ติกมาติกา อินทริยติกะ
อัชฌัตติกนรูปธาตุติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นรูปธาตุ (๘๒๕) รูปที่เป็นภายนอก เป็นรูปธาตุก็มี (๘๒๖)
รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นรูปธาตุก็มี (๘๒๗)
อัชฌัตติกนสัททธาตุติกาทิติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นสัททธาตุ ฯลฯ ไม่เป็นคันธธาตุ ฯลฯ ไม่เป็นรสธาตุ
ฯลฯ ไม่เป็นโผฏฐัพพธาตุ (๘๒๘) รูปที่เป็นภายนอก เป็นโผฏฐัพพธาตุก็มี (๘๒๙)
รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นโผฏฐัพพธาตุก็มี (๘๓๐)
ธาตุติกะ จบ
อินทริยติกะ
พาหิรนจักขุนทริยติกะ
รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นจักขุนทรีย์ (๘๓๑) รูปที่เป็นภายใน เป็นจักขุนทรีย์
ก็มี (๘๓๒) รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นจักขุนทรีย์ก็มี (๘๓๓)
พาหิรนโสตินทริยติกาทิติกะ
รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นโสตินทรีย์ ฯลฯ ไม่เป็นฆานินทรีย์ ฯลฯ ไม่เป็น
ชิวหินทรีย์ ฯลฯ ไม่เป็นกายินทรีย์ (๘๓๔) รูปที่เป็นภายใน เป็นกายินทรีย์ก็มี (๘๓๕)
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นกายินทรีย์ก็มี (๘๓๖)
อัชฌัตติกนอิตถินทริยติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นอิตถินทรีย์ (๘๓๗) รูปที่เป็นภายนอก เป็นอิตถินทรีย์
ก็มี (๘๓๘) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นอิตถินทรีย์ก็มี (๘๓๙)
อัชฌัตติกนปุริสินทริยติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นปุริสินทรีย์ (๘๔๐) รูปที่เป็นภายนอก เป็นปุริสินทรีย์
ก็มี (๘๔๑) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นปุริสินทรีย์ก็มี (๘๔๒)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๗๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] ติกมาติกา สุขุมรูปติกะ
อัชฌัตติกนชีวิตินทริยติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ (๘๔๓) รูปที่เป็นภายนอก เป็นชีวิตินทรีย์
ก็มี (๘๔๔) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นชีวิตินทรีย์ก็มี (๘๔๕)
อินทริยติกะ จบ
สุขุมรูปติกะ
อัชฌัตติกนกายวิญญัตติติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นกายวิญญัติ (๘๔๖) รูปที่เป็นภายนอก เป็น
กายวิญญัติก็มี (๘๔๗) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นกายวิญญัติก็มี (๘๔๘)
อัชฌัตติกนวจีวิญญัตติติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นวจีวิญญัติ (๘๔๙) รูปที่เป็นภายนอก เป็นวจีวิญญัติ
ก็มี (๘๕๐) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นวจีวิญญัติก็มี (๘๕๑)
อัชฌัตติกนอากาสธาตุติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นอากาสธาตุ (๘๕๒) รูปที่เป็นภายนอก เป็นอากาสธาตุก็มี
(๘๕๓) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นอากาสธาตุก็มี (๘๕๔)
อัชฌัตติกนอาโปธาตุติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นอาโปธาตุ (๘๕๕) รูปที่เป็นภายนอก เป็นอาโปธาตุก็มี
(๘๕๖) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นอาโปธาตุก็มี (๘๕๗)
อัชฌัตติกนรูปัสสลหุตาติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นลหุตารูป (๘๕๘) รูปที่เป็นภายนอก เป็นลหุตารูปก็มี
(๘๕๙) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นลหุตารูปก็มี (๘๖๐)
อัชฌัตติกนรูปัสสมุทุตาติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นมุทุตารูป (๘๖๑) รูปที่เป็นภายนอก เป็นมุทุตารูปก็มี
(๘๖๒) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นมุทุตารูปก็มี (๘๖๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๘๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] ติกมาติกา สุขุมรูปติกะ
อัชฌัตติกนรูปัสสกัมมัญญตาติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นกัมมัญญตารูป (๘๖๔) รูปที่เป็นภายนอก เป็น
กัมมัญญตารูปก็มี (๘๖๕) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นกัมมัญญตารูปก็มี (๘๖๖)
อัชฌัตติกนรูปัสสอุปจยติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นอุปจยรูป (๘๖๗) รูปที่เป็นภายนอก เป็นอุปจยรูป
ก็มี (๘๖๘) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นอุปจยรูปก็มี (๘๖๙)
อัชฌัตติกนรูปัสสสันตติติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นสันตติรูป (๘๗๐) รูปที่เป็นภายนอก เป็นสันตติรูป
ก็มี (๘๗๑) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นสันตติรูปก็มี (๘๗๒)
อัชฌัตติกนรูปัสสชรตาติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นชรตารูป (๘๗๓) รูปที่เป็นภายนอก เป็นชรตารูป
ก็มี (๘๗๔) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นชรตารูปก็มี (๘๗๕)
อัชฌัตติกนรูปัสสอนิจจตาติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นอนิจจตารูป (๘๗๖) รูปที่เป็นภายนอก เป็นอนิจจตารูป
ก็มี (๘๗๗) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นอนิจจตารูปก็มี (๘๗๘)
อัชฌัตติกนกวฬิงการาหารติกะ
รูปที่เป็นภายใน ไม่เป็นกวฬิงการาหาร (๘๗๙) รูปที่เป็นภายนอก เป็น
กวฬิงการาหารก็มี (๘๘๐) รูปที่เป็นภายนอก ไม่เป็นกวฬิงการาหาร๑ ก็มี (๘๘๑)
สุขุมรูปติกะ จบ
รวมรูปหมวดละ ๓ อย่างนี้
ติกมาติกา จบ

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๓๓/๑๕

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๘๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] จตุกกมาติกา
จตุกกมาติกา
รวมรูปหมวดละ ๔
อุปาทาอุปาทินนจตุกกะ
[๕๘๖] รูปที่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิ
ยึดถือก็มี (๘๘๒) รูปที่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและ
ทิฏฐิไม่ยึดถือก็มี (๘๘๓) รูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปที่กรรมอันประกอบด้วย
ตัณหาและทิฏฐิยึดถือก็มี (๘๘๔) รูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปที่กรรมอัน
ประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือก็มี (๘๘๕)
อุปาทาอุปาทินนุปาทานิยจตุกกะ
รูปที่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็น
อารมณ์ของอุปาทานก็มี (๘๘๖) รูปที่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปที่กรรมอันประกอบ
ด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี (๘๘๗) รูปที่ไม่เป็น
อุปาทายรูป เป็นรูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของ
อุปาทานก็มี (๘๘๘) รูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหา
และทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี (๘๘๙)
อุปาทาสัปปฏิฆจตุกกะ
รูปที่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปที่กระทบได้ก็มี (๘๙๐) รูปที่เป็นอุปาทายรูป เป็น
รูปที่กระทบไม่ได้ก็มี (๘๙๑) รูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปที่กระทบได้ก็มี (๘๙๒)
รูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปที่กระทบไม่ได้ก็มี (๘๙๓)
อุปาทาโอฬาริกจตุกกะ
รูปที่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปหยาบก็มี (๘๙๔) รูปที่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูป
ละเอียดก็มี (๘๙๕) รูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปหยาบก็มี (๘๙๖) รูปที่ไม่เป็น
อุปาทายรูป เป็นรูปละเอียดก็มี (๘๙๗)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๘๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] จตุกกมาติกา
อุปาทาทูเรจตุกกะ
รูปที่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปไกลก็มี (๘๙๘) รูปที่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปใกล้
ก็มี (๘๙๙) รูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูป เป็นรูปไกลก็มี (๙๐๐) รูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูป
เป็นรูปใกล้ก็มี (๙๐๑)
อุปาทินนสนิทัสสนจตุกกะ
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ เป็นรูปที่เห็นได้ก็มี (๙๐๒)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ เป็นรูปที่เห็นไม่ได้ก็มี (๙๐๓)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ เป็นรูปที่เห็นได้ก็มี (๙๐๔)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ เป็นรูปที่เห็นไม่ได้ก็มี (๙๐๕)
อุปาทินนสัปปฏิฆจตุกกะ
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ เป็นรูปที่กระทบได้ก็มี (๙๐๖)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ เป็นรูปที่กระทบไม่ได้ก็มี (๙๐๗)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ เป็นรูปที่กระทบได้ก็มี (๙๐๘)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ เป็นรูปที่กระทบไม่ได้ก็มี (๙๐๙)
อุปาทินนมหาภูตจตุกกะ
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ เป็นมหาภูตรูปก็มี (๙๑๐)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ ไม่เป็นมหาภูตรูปก็มี (๙๑๑)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ เป็นมหาภูตรูปก็มี (๙๑๒)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ ไม่เป็นมหาภูตรูปก็มี (๙๑๓)
อุปาทินนโอฬาริกจตุกกะ
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ เป็นรูปหยาบก็มี (๙๑๔)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ เป็นรูปละเอียดก็มี (๙๑๕)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ เป็นรูปหยาบก็มี (๙๑๖)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ เป็นรูปละเอียดก็มี (๙๑๗)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๘๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] จตุกกมาติกา
อุปาทินนทูเรจตุกกะ
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ เป็นรูปไกลก็มี (๙๑๘)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ เป็นรูปใกล้ก็มี (๙๑๙)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ เป็นรูปไกลก็มี (๙๒๐)
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ เป็นรูปใกล้ก็มี (๙๒๑)
อุปาทินนุปาทานิยสนิทัสสนจตุกกะ
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของอุปาทาน
เป็นรูปที่เห็นได้ก็มี (๙๒๒) รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็น
อารมณ์ของอุปาทาน เป็นรูปที่เห็นไม่ได้ก็มี (๙๒๓) รูปที่กรรมอันประกอบด้วย
ตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน เป็นรูปที่เห็นได้ก็มี (๙๒๔) รูป
ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน เป็นรูป
ที่เห็นไม่ได้ก็มี (๙๒๕)
อุปาทินนุปาทานิยสัปปฏิฆจตุกกะ
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของอุปาทาน
เป็นรูปที่กระทบได้ก็มี (๙๒๖) รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็น
อารมณ์ของอุปาทาน เป็นรูปที่กระทบไม่ได้ก็มี (๙๒๗) รูปที่กรรมอันประกอบ
ด้วยด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน เป็นรูปที่กระทบได้
ก็มี (๙๒๘) รูปที่กรรมอันประกอบด้วยด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์
ของอุปาทาน เป็นรูปที่กระทบไม่ได้ก็มี (๙๒๙)
อุปาทินนุปาทานิยมหาภูตจตุกกะ
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของอุปาทาน
เป็นมหาภูตรูปก็มี (๙๓๐) รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็น
อารมณ์ของอุปาทาน ไม่เป็นมหาภูตรูปก็มี (๙๓๑) รูปที่กรรมอันประกอบด้วยด้วย
ตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน เป็นมหาภูตรูปก็มี (๙๓๒) รูป
ที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน ไม่เป็น
มหาภูตรูปก็มี (๙๓๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๘๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] จตุกกมาติกา
อุปาทินนุปาทานิยโอฬาริกจตุกกะ
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของอุปาทาน
เป็นรูปหยาบก็มี (๙๓๔) รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็น
อารมณ์ของอุปาทาน เป็นรูปละเอียดก็มี (๙๓๕) รูปที่กรรมอันประกอบด้วยด้วย
ตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน เป็นรูปหยาบก็มี (๙๓๖) รูปที่
กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน เป็นรูป
ละเอียดก็มี (๙๓๗)
อุปาทินนุปาทานิยทูเรจตุกกะ
รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของอุปาทาน
เป็นรูปไกลก็มี (๙๓๘) รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์
ของอุปาทาน เป็นรูปใกล้ก็มี (๙๓๙) รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่
ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน เป็นรูปไกลก็มี (๙๔๐) รูปที่กรรมอันประกอบ
ด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน เป็นรูปใกล้ก็มี (๙๔๑)
สัปปฏิฆอินทริยจตุกกะ
รูปที่กระทบได้เป็นอินทริยรูปก็มี (๙๔๒) รูปที่กระทบไม่ได้เป็นอินทริยรูปก็มี
(๙๔๓) รูปที่กระทบไม่ได้เป็นอินทริยรูปก็มี (๙๔๔) รูปที่กระทบไม่ได้ไม่เป็นอินทริย-
รูปก็มี (๙๔๕)
สัปปฏิฆมหาภูตจตุกกะ
รูปที่กระทบได้เป็นมหาภูตรูปก็มี (๙๔๖) รูปที่กระทบได้ไม่เป็นมหาภูตรูปก็มี
(๙๔๗) รูปที่กระทบไม่ได้เป็นมหาภูตรูปก็มี (๙๔๘) รูปที่กระทบไม่ได้ไม่เป็นมหา-
ภูตรูปก็มี (๙๔๙)
อินทริยโอฬาริกจตุกกะ
รูปที่เป็นอินทริยรูป เป็นรูปหยาบก็มี (๙๕๐) รูปที่เป็นอินทริยรูป เป็นรูป
ละเอียดก็มี (๙๕๑) รูปที่ไม่เป็นอินทริยรูป เป็นรูปหยาบก็มี (๙๕๒) รูปที่ไม่เป็น
อินทริยรูป เป็นรูปละเอียดก็มี (๙๕๓)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๘๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] จตุกกมาติกา
อินทริยทูเรจตุกกะ
รูปที่เป็นอินทริยรูป เป็นรูปไกลก็มี (๙๕๔) รูปที่เป็นอินทริยรูป เป็นรูปใกล้ก็มี
(๙๕๕) รูปที่ไม่เป็นอินทริยรูป เป็นรูปไกลก็มี (๙๕๖) รูปที่ไม่เป็นอินทริยรูปเป็น
รูปใกล้ก็มี (๙๕๗)
มหาภูตโอฬาริกจตุกกะ
รูปที่เป็นมหาภูตรูป เป็นรูปหยาบก็มี (๙๕๘) รูปที่เป็นมหาภูตรูป เป็นรูป
ละเอียดก็มี (๙๕๙) รูปที่ไม่เป็นมหาภูตรูป เป็นรูปหยาบก็มี (๙๖๐) รูปที่ไม่เป็น
มหาภูตรูป เป็นรูปละเอียดก็มี (๙๖๑)
มหาภูตทูเรจตุกกะ
รูปที่เป็นมหาภูตรูป เป็นรูปไกลก็มี (๙๖๒) รูปที่เป็นมหาภูตรูป เป็นรูปใกล้
ก็มี (๙๖๓) รูปที่ไม่เป็นมหาภูตรูป เป็นรูปไกลก็มี (๙๖๔) รูปที่ไม่เป็นมหาภูตรูป
เป็นรูปใกล้ก็มี (๙๖๕)
ทิฏฐาทิจตุกกะ
รูปเป็นรูปที่เห็นได้ เป็นรูปที่สดับได้ เป็นรูปที่ทราบได้ เป็นรูปที่รู้แจ้งได้๑
(๙๖๖)
รวมรูปหมวดละ ๔ อย่างนี้
จตุกกมาติกา จบ

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๓๓/๑๖

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๘๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] สัตตกมาติกา
ปัญจกมาติกา
รวมรูปหมวดละ ๕
[๕๘๗] รูปที่เป็นปฐวีธาตุ (๙๖๗) รูปที่เป็นอาโปธาตุ (๙๖๘) รูปที่เป็นเตโชธาตุ
(๙๖๙) รูปที่เป็นวาโยธาตุ (๙๗๐) รูปที่เป็นอุปาทายรูป๑(๙๗๑)
รวมรูปหมวดละ ๕ อย่างนี้
ปัญจกมาติกา จบ
ฉักกมาติกา
รวมรูปหมวดละ ๖
[๕๘๘] รูปที่จักขุวิญญาณรู้ได้ รูปที่โสตวิญญาณรู้ได้ รูปที่ฆานวิญญาณรู้ได้
รูปที่ชิวหาวิญญาณรู้ได้ รูปที่กายวิญญาณรู้ได้ รูปที่มโนวิญญาณรู้ได้๑ (๙๗๒)
รวมรูปหมวดละ ๖ อย่างนี้
ฉักกมาติกา จบ
สัตตกมาติกา
รวมรูปหมวดละ ๗
[๕๘๙] รูปที่จักขุวิญญาณรู้ได้ รูปที่โสตวิญญาณรู้ได้ รูปที่ฆานวิญญาณรู้ได้
รูปที่ชิวหาวิญญาณรู้ได้ รูปที่กายวิญญาณรู้ได้ รูปที่มโนธาตุรู้ได้ รูปที่มโนวิญญาณ-
ธาตุรู้ได้๑ (๙๗๓)
รวมรูปหมวดละ ๗ อย่างนี้
สัตตกมาติกา จบ

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๓๓/๑๖

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๘๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] ทสกมาติกา
อัฏฐกมาติกา
รวมรูปหมวดละ ๘
[๕๙๐] รูปที่จักขุวิญญาณรู้ได้ รูปที่โสตวิญญาณรู้ได้ รูปที่ฆานวิญญาณรู้ได้
รูปที่ชิวหาวิญญาณรู้ได้ รูปที่กายวิญญาณรู้ได้ ที่มีสัมผัสเป็นสุขก็มี ที่มีสัมผัสเป็น
ทุกข์ก็มี รูปที่มโนธาตุรู้ได้ รูปที่มโนวิญญาณธาตุรู้ได้๑ (๙๗๔)
รวมรูปหมวดละ ๘ อย่างนี้
อัฏฐกมาติกา จบ
นวกมาติกา
รวมรูปหมวดละ ๙
[๕๙๑] รูปที่เป็นจักขุนทรีย์ รูปที่เป็นโสตินทรีย์ รูปที่เป็นฆานินทรีย์ รูปที่เป็น
ชิวหินทรีย์ รูปที่เป็นกายินทรีย์ รูปที่เป็นอิตถินทรีย์ รูปที่เป็นปุริสินทรีย์ รูปที่เป็น
ชีวิตินทรีย์ รูปที่ไม่เป็นอินทรีย์๑ (๙๗๕)
รวมรูปหมวดละ ๙ อย่างนี้
นวกมาติกา จบ
ทสกมาติกา
รวมรูปหมวดละ ๑๐
[๕๙๒] รูปที่เป็นจักขุนทรีย์ รูปที่เป็นโสตินทรีย์ รูปที่เป็นฆานินทรีย์ รูปที่เป็น
ชิวหินทรีย์ รูปที่เป็นกายินทรีย์ รูปที่เป็นอิตถินทรีย์ รูปที่เป็นปุริสินทรีย์ รูปที่
เป็นชีวิตินทรีย์ รูปที่ไม่เป็นอินทรีย์๑ ที่กระทบได้ก็มี ที่กระทบไม่ได้ก็มี (๙๗๖-๙๘๑)
รวมรูปหมวดละ ๑๐ อย่างนี้
ทสกมาติกา จบ

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๓๓/๑๖

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๘๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ เอกกนิทเทส
เอกาทสกมาติกา
รวมรูปหมวดละ ๑๑
[๕๙๓] รูปที่เป็นจักขายตนะ รูปที่เป็นโสตายตนะ รูปที่เป็นฆานายตนะ รูปที่
เป็นชิวหายตนะ รูปที่เป็นกายายตนะ รูปที่เป็นรูปายตนะ รูปที่เป็นสัททายตนะ รูป
ที่เป็นคันธายตนะ รูปที่เป็นรสายตนะ รูปที่เป็นโผฏฐัพพายตนะ รูปที่เห็นไม่ได้และ
กระทบไม่ได้๑ ซึ่งนับเนื่องในธัมมายตนะ (๙๘๒-๙๘๔)
รวมรูปหมวดละ ๑๑ อย่างนี้
เอกาทสกมาติกา จบ
มาติกา จบ
รูปวิภัตติ
เอกกนิทเทส
[๕๙๔] รูปทั้งหมดไม่เป็นเหตุ ไม่มีเหตุ วิปปยุตจากเหตุ มีปัจจัยปรุงแต่ง ถูก
ปัจจัยปรุงแต่ง เป็นรูป เป็นโลกิยะ เป็นอารมณ์ของอาสวะ เป็นอารมณ์ของสังโยชน์
เป็นอารมณ์ของคันถะ เป็นอารมณ์ของโอฆะ เป็นอารมณ์ของโยคะ เป็นอารมณ์ของ
นิวรณ์ เป็นอารมณ์ของปรามาส เป็นอารมณ์ของอุปาทาน เป็นอารมณ์ของกิเลส
เป็นอัพยากฤต รับรู้อารมณ์ไม่ได้ ไม่เป็นเจตสิก วิปปยุตจากจิต ไม่เป็นวิบากและไม่
เป็นเหตุให้เกิดวิบาก กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองแต่เป็นอารมณ์ของกิเลส ไม่ใช่มีทั้ง
วิตกและวิจาร ไม่ใช่ไม่มีวิตกมีเพียงวิจาร ไม่มีทั้งวิตกและวิจาร ไม่สหรคตด้วยปีติ
ไม่สหรคตด้วยสุข ไม่สหรคตด้วยอุเบกขา ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและ
มรรคเบื้องบน ๓ ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคและมรรคเบื้องบน ๓
ไม่เป็นเหตุให้ถึงปฏิสนธิ จุติ และนิพพาน ไม่เป็นของเสขบุคคลและอเสขบุคคล เป็น

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๓๓/๑๖

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๘๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
ปริตตะ เป็นกามาวจร ไม่เป็นรูปาวจร ไม่เป็นอรูปาวจร นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ ไม่ใช่
ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ เป็นธรรมชาติไม่แน่นอน ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์
เป็นธรรมที่เกิดขึ้น อันวิญญาณ ๖ รู้ได้ เป็นธรรมชาติไม่เที่ยง ถูกชราครอบงำ๑
รวมรูปหมวดละ ๑ อย่างนี้
เอกกนิทเทส จบ
ทุกนิทเทส
ปกิณณกทุกะ
อุปาทาภาชนีย์
[๕๙๕] รูปที่เป็นอุปาทายรูป นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ โสตายตนะ ฆานายตนะ ชิวหายตนะ กายายตนะ รูปายตนะ
สัททายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ กายวิญญัติ
วจีวิญญัติ อากาสธาตุ ลหุตารูป มุทุตารูป กัมมัญญตารูป อุปจยรูป สันตติรูป
ชรตารูป อนิจจตารูป และกวฬิงการาหาร
จักขายตนะ
[๕๙๖] รูปที่เป็นจักขายตนะ นั้นเป็นไฉน
จักษุใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ สัตว์นี้ เคยเห็น กำลังเห็น จักเห็น หรือพึงเห็นรูปที่เห็นได้กระทบได้ด้วย
จักษุใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าจักขุบ้าง จักขายตนะบ้าง จักขุธาตุบ้าง
จักขุนทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง วัตถุบ้าง
เนตรบ้าง นัยนาบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นจักขายตนะ๒
[๕๙๗] รูปที่เป็นจักขายตนะ นั้นเป็นไฉน

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๓๓/๑๔ ๒ อภิ.วิ. ๓๕/๑๕๖/๘๐

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๙๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
จักษุใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ รูปที่เห็นได้และกระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ หรือ
พึงกระทบ ที่จักษุใดซึ่งเห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าจักขุบ้าง จักขายตนะบ้าง
จักขุธาตุบ้าง จักขุนทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง
วัตถุบ้าง เนตรบ้าง นัยนาบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นจักขายตนะ
[๕๙๘] รูปที่เป็นจักขายตนะ นั้นเป็นไฉน
จักษุใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ จักษุใด เห็นไม่ได้ เคยกระทบ กระทบแล้ว กำลังกระทบ จักกระทบ หรือ
พึงกระทบที่รูปซึ่งเห็นได้และกระทบได้ นี้ชื่อว่าจักขุบ้าง จักขายตนะบ้าง จักขุธาตุ
บ้าง จักขุนทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง วัตถุบ้าง
เนตรบ้าง นัยนาบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นจักขายตนะ
[๕๙๙] รูปที่เป็นจักขายตนะ นั้นเป็นไฉน
จักษุใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ เพราะอาศัยจักษุใด จักขุสัมผัสปรารภรูปเป็นอารมณ์ เคยเกิด กำลังเกิด
จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัยจักษุใด เวทนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ
สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ จักขุวิญญาณปรารภรูปเป็นอารมณ์ เคยเกิด กำลังเกิด
จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัยจักษุใด จักขุสัมผัสมีรูปเป็นอารมณ์ เคย
เกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัยจักษุใด เวทนาที่เกิดจาก
จักขุสัมผัส ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ จักขุวิญญาณมีรูปเป็นอารมณ์ เคย
เกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด นี้ชื่อว่าจักขุบ้าง จักขายตนะบ้าง จักขุธาตุบ้าง
จักขุนทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง วัตถุบ้าง
เนตรบ้าง นัยนาบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นจักขายตนะ
โสตายตนะ
[๖๐๐] รูปที่เป็นโสตายตนะ นั้นเป็นไฉน
โสตะใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ สัตว์นี้ เคยฟัง กำลังฟัง จักฟัง หรือพึงฟังเสียงที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๙๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
ด้วยโสตะใด ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าโสตะบ้าง โสตายตนะบ้าง โสตธาตุ
บ้าง โสตินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง
วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นโสตายตนะ๑
[๖๐๑] รูปที่เป็นโสตายตนะ นั้นเป็นไฉน
โสตะใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ เสียงที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ หรือ
พึงกระทบ ที่โสตะใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าโสตะบ้าง โสตายตนะบ้าง
โสตธาตุบ้าง โสตินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง
วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นโสตายตนะ
[๖๐๒] รูปที่เป็นโสตายตนะ นั้นเป็นไฉน
โสตะใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ โสตะใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ
หรือพึงกระทบเสียงที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าโสตะบ้าง โสตายตนะบ้าง
โสตธาตุบ้าง โสตินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง
วัตถุบ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นโสตายตนะ
[๖๐๓] รูปที่เป็นโสตายตนะ นั้นเป็นไฉน
โสตะใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ เพราะอาศัยโสตะใด โสตสัมผัสปรารภเสียงเป็นอารมณ์ เคยเกิด กำลัง
เกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัยโสตะใด เวทนาที่เกิดแต่โสตสัมผัส ฯลฯ
สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ โสตวิญญาณปรารภเสียงเป็นอารมณ์ เคยเกิด กำลังเกิด
จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ อาศัยโสตะใด โสตสัมผัสมีเสียงเป็นอารมณ์ เคยเกิด
กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัยโสตะใด เวทนาที่เกิดแต่โสตสัมผัส
ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ โสตวิญญาณมีเสียงเป็นอารมณ์ เคยเกิด กำลัง
เกิด จักเกิด หรือพึงเกิด นี้ชื่อว่าโสตะบ้าง โสตายตนะบ้าง โสตธาตุบ้าง
โสตินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง วัตถุบ้าง
ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นโสตายตนะ

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๑๕๗/๘๐

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๙๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
ฆานายตนะ
[๖๐๔] รูปที่เป็นฆานายตนะ นั้นเป็นไฉน
ฆานะใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ สัตว์นี้ เคยดม กำลังดม จักดม หรือพึงดมกลิ่นที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้
ด้วยฆานะใด ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าฆานะบ้าง ฆานายตนะบ้าง ฆานธาตุ
บ้าง ฆานินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง วัตถุบ้าง
ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นฆานายตนะ๑
[๖๐๕] รูปที่เป็นฆานายตนะ นั้นเป็นไฉน
ฆานะใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ กลิ่นที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ หรือ
พึงกระทบที่ฆานะใด ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าฆานะบ้าง ฆานายตนะบ้าง
ฆานธาตุบ้าง ฆานินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง
วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นฆานายตนะ
[๖๐๖] รูปที่เป็นฆานายตนะ นั้นเป็นไฉน
ฆานะใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ ฆานะใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ
หรือพึงกระทบ กลิ่นที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าฆานะบ้าง ฆานายตนะบ้าง
ฆานธาตุบ้าง ฆานินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง
วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นฆานายตนะ
[๖๐๗] รูปที่เป็นฆานายตนะ นั้นเป็นไฉน
ฆานะใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ เพราะอาศัยฆานะใด ฆานสัมผัสปรารภกลิ่นเป็นอารมณ์ เคยเกิด กำลัง
เกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัยฆานะใด เวทนาที่เกิดแต่ฆานสัมผัส
ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ ฆานวิญญาณปรารภกลิ่น เคยเกิด กำลังเกิด
จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัยฆานะใด ฆานสัมผัสมีกลิ่นเป็นอารมณ์

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๑๕๘/๘๐

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๙๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัยฆานะใด เวทนาที่เกิดแต่
ฆานสัมผัส ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ ฆานวิญญาณ มีกลิ่นเป็นอารมณ์
เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด นี้ชื่อว่าฆานะบ้าง ฆานายตนะบ้าง
ฆานธาตุบ้าง ฆานินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง
วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นฆานายตนะ
ชิวหายตนะ
[๖๐๘] รูปที่เป็นชิวหายตนะ นั้นเป็นไฉน
ชิวหาใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้
แต่กระทบได้ สัตว์นี้เคยลิ้ม กำลังลิ้ม จักลิ้ม หรือพึงลิ้มรสที่เห็นไม่ได้แต่กระทบ
ได้ด้วยชิวหาใด ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าชิวหาบ้าง ชิวหายตนะบ้าง
ชิวหาธาตุบ้าง ชิวหินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง
เขตบ้าง วัตถุบ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นชิวหายตนะ๑
[๖๐๙] รูปที่เป็นชิวหายตนะ นั้นเป็นไฉน
ชิวหาใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ รสที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ หรือพึง
กระทบที่ชิวหาใด ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าชิวหาบ้าง ชิวหายตนะบ้าง
ชิวหาธาตุบ้าง ชิวหินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง
เขตบ้าง วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นชิวหายตนะ
[๖๑๐] รูปที่เป็นชิวหายตนะ นั้นเป็นไฉน
ชิวหาใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ ชิวหาใด ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ
หรือพึงกระทบ รสที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าชิวหาบ้าง ชิวหายตนะบ้าง
ชิวหาธาตุบ้าง ชิวหินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง
เขตบ้าง วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นชิวหายตนะ

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๑๕๙/๘๑

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๙๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
[๖๑๑] รูปที่เป็นชิวหายตนะ นั้นเป็นไฉน
ชิวหาใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ เพราะอาศัยชิวหาใด ชิวหาสัมผัสปรารภรสเป็นอารมณ์ เคยเกิด กำลัง
เกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัยชิวหาใด เวทนาที่เกิดแต่ชิวหาสัมผัส
ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ ชิวหาวิญญาณ ปรารภรส เคยเกิด กำลังเกิด
จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัยชิวหาใด ชิวหาสัมผัสมีรสเป็นอารมณ์
เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัยชิวหาใด เวทนาที่เกิด
แต่ชิวหาสัมผัส ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ ชิวหาวิญญาณมีรสเป็นอารมณ์
เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด นี้ชื่อว่าชิวหาบ้าง ชิวหายตนะบ้าง
ชิวหาธาตุบ้าง ชิวหินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง
เขตบ้าง วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นชิวหายตนะ
กายายตนะ
[๖๑๒] รูปที่เป็นกายายตนะ นั้นเป็นไฉน
กายใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ สัตว์นี้เคยถูกต้อง กำลังถูกต้อง จักถูกต้อง หรือพึงถูกต้อง โผฏฐัพพะ
ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ด้วยกายใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่ากายบ้าง
กายายตนะบ้าง กายธาตุบ้าง กายินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง
ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นกายายตนะ๑
[๖๑๓] รูปที่เป็นกายายตนะ นั้นเป็นไฉน
กายใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ โผฏฐัพพะที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ
หรือพึงกระทบที่กายใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่ากายบ้าง กายายตนะบ้าง
กายธาตุบ้าง กายินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง
วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นกายายตนะ
[๖๑๔] รูปที่เป็นกายายตนะ นั้นเป็นไฉน

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๑๖๐/๘๑

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๙๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
กายใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ กายใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ หรือ
พึงกระทบที่โผฏฐัพพะที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่ากายบ้าง กายายตนะบ้าง
กายธาตุบ้าง กายินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง
วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นกายายตนะ
[๖๑๕] รูปที่เป็นกายายตนะ นั้นเป็นไฉน
กายใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ นับเนื่องในอัตภาพ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ เพราะอาศัยกายใด กายสัมผัสปรารภโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์ เคยเกิด
กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัยกายใด เวทนาที่เกิดแต่กายสัมผัส
ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ กายวิญญาณ ปรารภโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์
เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัยกายใด กายสัมผัสมี
โผฏฐัพพะเป็นอารมณ์ เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะอาศัย
กายใด เวทนาที่เกิดแต่กายสัมผัส ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ กายวิญญาณ
มีโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์ เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด นี้ชื่อว่ากายบ้าง
กายายตนะบ้าง กายธาตุบ้าง กายินทรีย์บ้าง โลกบ้าง ทวารบ้าง สมุทรบ้าง
ปัณฑระบ้าง เขตบ้าง วัตถุบ้าง ฝั่งนี้บ้าง บ้านว่างบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นกายายตนะ
รูปายตนะ
[๖๑๖] รูปที่เป็นรูปายตนะ นั้นเป็นไฉน
รูปใดเป็นสีต่าง ๆ อาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นได้ และกระทบได้ ได้แก่ สีเขียว
สีเหลือง สีแดง สีขาว สีดำ สีหงสบาท สีคล้ำ สีเขียวใบไม้ สีม่วง ยาว สั้น
ละเอียด หยาบ กลม รี สี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม แปดเหลี่ยม สิบหกเหลี่ยม ลุ่ม ดอน
เงา แดด แสงสว่าง มืด เมฆ หมอก ควัน ละออง แสงจันทร์ แสงอาทิตย์ แสงดาว
แสงกระจก แสงแก้วมณี แสงสังข์ แสงแก้วมุกดา แสงแก้วไพฑูรย์ แสงทอง
แสงเงิน หรือรูปแม้อื่นใดที่เป็นสีต่าง ๆ อาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นได้และกระทบได้
มีอยู่ สัตว์นี้เคยเห็น กำลังเห็น จักเห็น หรือพึงเห็นรูปใด ที่เห็นได้และกระทบได้ด้วย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๙๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
จักษุที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่ารูปบ้าง รูปายตนะบ้าง รูปธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่า
เป็นรูปายตนะ๑
[๖๑๗] รูปที่เป็นรูปายตนะ นั้นเป็นไฉน
รูปใด เป็นสีต่าง ๆ อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นรูปที่เห็นได้และกระทบได้ ได้แก่
สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว สีดำ สีหงสบาท สีคล้ำ สีเขียวใบไม้ สีม่วง ยาว สั้น
ละเอียด หยาบ กลม รี สี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม แปดเหลี่ยม สิบหกเหลี่ยม ลุ่ม ดอน
เงา แดด แสงสว่าง มืด เมฆ หมอก ควัน ละออง แสงจันทร์ แสงอาทิตย์ แสงดาว
แสงกระจก แสงแก้วมณี แสงสังข์ แสงแก้วมุกดา แสงแก้วไพฑูรย์ แสงทอง
แสงเงิน หรือรูปแม้อื่นใด ที่เป็นสีต่าง ๆ อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นรูปที่เห็นได้และ
กระทบได้ มีอยู่ จักษุที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ
หรือพึงกระทบที่รูปใดซึ่งเห็นได้และกระทบได้ นี้ชื่อว่ารูปบ้าง รูปายตนะบ้าง รูปธาตุ
บ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นรูปายตนะ
[๖๑๘] รูปที่เป็นรูปายตนะ นั้นเป็นไฉน
รูปใด เป็นสีต่าง ๆ อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นรูปที่เห็นได้และกระทบได้ ได้แก่
สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว สีดำ สีหงสบาท สีคล้ำ สีเขียวใบไม้ สีม่วง ยาว สั้น
ละเอียด หยาบ กลม รี สี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม แปดเหลี่ยม สิบหกเหลี่ยม ลุ่ม ดอน
เงา แดด แสงสว่าง มืด เมฆ หมอก ควัน ละออง แสงจันทร์ แสงอาทิตย์ แสงดาว
แสงกระจก แสงแก้วมณี แสงสังข์ แสงแก้วมุกดา แสงแก้วไพฑูรย์ แสงทอง
แสงเงิน หรือรูปแม้อื่น ที่เป็นสีต่าง ๆ อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นรูปที่เห็นได้และกระทบ
ได้ มีอยู่ รูปใดที่เห็นได้และกระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ หรือพึง
กระทบที่จักษุใดซึ่งเห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่ารูปบ้าง รูปายตนะบ้าง รูปธาตุบ้าง
รูปนี้ชื่อว่าเป็นรูปายตนะ
[๖๑๙] รูปที่เป็นรูปายตนะ นั้นเป็นไฉน
รูปใดที่เป็นสีต่าง ๆ อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นรูปที่เห็นได้และกระทบได้ ได้แก่
สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว สีดำ สีหงสบาท สีคล้ำ สีเขียวใบไม้ สีม่วง ยาว

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๑๖๒/๘๒

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๙๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
สั้น ละเอียด หยาบ กลม รี สี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม แปดเหลี่ยม สิบหกเหลี่ยม ลุ่ม
ดอน เงา แดด แสงสว่าง มืด เมฆ หมอก ควัน ละออง แสงจันทร์ แสงอาทิตย์
แสงดาว แสงกระจก แสงแก้วมณี แสงสังข์ แสงแก้วมุกดา แสงแก้วไพฑูรย์
แสงทอง แสงเงิน หรือรูปแม้อื่นใดที่เป็นสีต่าง ๆ ซึ่งอาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นรูปที่
เห็นได้และกระทบได้ มีอยู่ เพราะปรารภรูปใด จักขุสัมผัสอาศัยจักษุ เคยเกิด
กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะปรารภรูปใด เวทนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส
ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ จักขุวิญญาณอาศัยจักษุ เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด
หรือพึงเกิด ฯลฯ จักขุสัมผัส มีรูปใดเป็นอารมณ์ อาศัยจักษุ เคยเกิด กำลังเกิด
จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เวทนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา
ฯลฯ จักขุวิญญาณมีรูปใดเป็นอารมณ์ อาศัยจักษุ เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือ
พึงเกิด นี้ชื่อว่ารูปบ้าง รูปายตนะบ้าง รูปธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นรูปายตนะ
สัททายตนะ
[๖๒๐] รูปที่เป็นสัททายตนะ นั้นเป็นไฉน
เสียงใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นเสียงที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ได้แก่ เสียง
กลอง เสียงตะโพน เสียงสังข์ เสียงบัณเฑาะว์ เสียงขับร้อง เสียงประโคม เสียง
กรับ เสียงปรบมือ เสียงร้องของสัตว์ เสียงกระทบกันแห่งธาตุ เสียงลม เสียงน้ำ
เสียงมนุษย์ เสียงอมนุษย์ หรือเสียงแม้อื่นใดอาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ มีอยู่ สัตว์นี้ เคยฟัง กำลังฟัง จักฟัง หรือพึงฟังเสียงใดที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ด้วยโสตปสาทที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าสัททะบ้าง สัททายตนะบ้าง
สัททธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นสัททายตนะ๑
[๖๒๑] รูปที่เป็นสัททายตนะ นั้นเป็นไฉน
เสียงใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นเสียงที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ได้แก่ เสียง
กลอง เสียงตะโพน เสียงสังข์ เสียงบัณเฑาะว์ เสียงขับร้อง เสียงประโคม เสียง
กรับ เสียงปรบมือ เสียงร้องของสัตว์ เสียงกระทบกันของธาตุ เสียงลม เสียงน้ำ

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๑๖๓/๘๓

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๙๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
เสียงมนุษย์ เสียงอมนุษย์ หรือเสียงแม้อื่นใดอาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้
มีอยู่ โสตปสาทที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ หรือ
พึงกระทบที่เสียงใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าสัททะบ้าง สัททายตนะบ้าง
สัททธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นสัททายตนะ
[๖๒๒] รูปที่เป็นสัททายตนะ นั้นเป็นไฉน
เสียงใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ได้แก่ เสียงกลอง เสียง
ตะโพน เสียงสังข์ เสียงบัณเฑาะว์ เสียงขับร้อง เสียงประโคม เสียงกรับ เสียง
ปรบมือ เสียงร้องของสัตว์ เสียงกระทบกันของธาตุ เสียงลม เสียงน้ำ เสียงมนุษย์
เสียงอมนุษย์ หรือเสียงแม้อื่นใดอาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ มีอยู่
เสียงใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ หรือพึงกระทบ
ที่โสตปสาทที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าสัททะบ้าง สัททายตนะบ้าง สัททธาตุบ้าง
รูปนี้ชื่อว่าเป็นสัททายตนะ
[๖๒๓] รูปที่เป็นสัททายตนะ นั้นเป็นไฉน
เสียงใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นเสียงที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ได้แก่ เสียงกลอง
เสียงตะโพน เสียงสังข์ เสียงบัณเฑาะว์ เสียงขับร้อง เสียงประโคม เสียงกรับ เสียง
ปรบมือ เสียงร้องของสัตว์ เสียงกระทบกันของธาตุ เสียงลม เสียงน้ำ เสียงมนุษย์
เสียงอมนุษย์ หรือเสียงแม้อื่นใดอาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ มีอยู่
เพราะปรารภเสียงใด โสตสัมผัสอาศัยโสตปสาท เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือ
พึงเกิด ฯลฯ เพราะปรารภเสียงใด เวทนาที่เกิดแต่โสตสัมผัส ฯลฯ สัญญา ฯลฯ
เจตนา ฯลฯ โสตวิญญาณอาศัยโสตปสาท เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือ
พึงเกิด ฯลฯ โสตสัมผัสมีเสียงใดเป็นอารมณ์ อาศัยโสตปสาท เคยเกิด กำลังเกิด
จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เวทนา ที่เกิดแต่โสตสัมผัส ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา
ฯลฯ โสตวิญญาณมีเสียงใดเป็นอารมณ์ อาศัยโสตปสาท เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด
หรือพึงเกิด นี้ชื่อว่าสัททะบ้าง สัททายตนะบ้าง สัททธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็น
สัททายตนะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๑๙๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
คันธายตนะ
[๖๒๔] รูปที่เป็นคันธายตนะ นั้นเป็นไฉน
กลิ่นใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นกลิ่นที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ได้แก่ กลิ่นรากไม้
กลิ่นแก่นไม้ กลิ่นเปลือกไม้ กลิ่นใบไม้ กลิ่นดอกไม้ กลิ่นผลไม้ กลิ่นบูด กลิ่นเน่า
กลิ่นหอม กลิ่นเหม็น หรือกลิ่นแม้อื่นใดซึ่งอาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบ
ได้ มีอยู่ สัตว์นี้เคยดม กำลังดม จักดม หรือพึงดมกลิ่นใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้
ด้วยฆานปสาทที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าคันธะบ้าง คันธายตนะบ้าง คันธธาตุ
บ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นคันธายตนะ๑
[๖๒๕] รูปที่เป็นคันธายตนะ นั้นเป็นไฉน
กลิ่นใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นกลิ่นที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ได้แก่ กลิ่นรากไม้
กลิ่นแก่นไม้ กลิ่นเปลือกไม้ กลิ่นใบไม้ กลิ่นดอกไม้ กลิ่นผลไม้ กลิ่นบูด กลิ่นเน่า
กลิ่นหอม กลิ่นเหม็น หรือกลิ่นแม้อื่นใดซึ่งอาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบ
ได้ มีอยู่ ฆานปสาทที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ
หรือพึงกระทบที่กลิ่นใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าคันธะบ้าง คันธายตนะบ้าง
คันธธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นคันธายตนะ
[๖๒๖] รูปที่เป็นคันธายตนะ นั้นเป็นไฉน
กลิ่นใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นกลิ่นที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ได้แก่ กลิ่น
รากไม้ กลิ่นแก่นไม้ กลิ่นเปลือกไม้ กลิ่นใบไม้ กลิ่นดอกไม้ กลิ่นผลไม้ กลิ่นบูด กลิ่น
เน่า กลิ่นหอม กลิ่นเหม็น หรือกลิ่นแม้อื่นใด ซึ่งอาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ มีอยู่ กลิ่นใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ จักกระทบ
หรือพึงกระทบที่ฆานปสาทซึ่งเห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าคันธะบ้าง คันธายตนะ
บ้าง คันธธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นคันธายตนะ
[๖๒๗] รูปที่เป็นคันธายตนะ นั้นเป็นไฉน
กลิ่นใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นกลิ่นที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ได้แก่ กลิ่น
รากไม้ กลิ่นแก่นไม้ กลิ่นเปลือกไม้ กลิ่นใบไม้ กลิ่นดอกไม้ กลิ่นผลไม้ กลิ่นบูด กลิ่น

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๑๖๔/๘๓

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๐๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
เน่า กลิ่นหอม กลิ่นเหม็น หรือกลิ่นแม้อื่นใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ มีอยู่ เพราะปรารภกลิ่นใด ฆานสัมผัสอาศัยฆานปสาท เคยเกิด กำลัง
เกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะปรารภกลิ่นใด เวทนาที่เกิดแต่ฆานสัมผัส
ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ ฆานวิญญาณอาศัยฆานปสาท เคยเกิด กำลังเกิด
จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ ฆานสัมผัส มีกลิ่นใดเป็นอารมณ์ อาศัยฆานปสาท
เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เวทนาที่เกิดแต่ฆานสัมผัส ฯลฯ
สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ ฆานวิญญาณมีกลิ่นใดเป็นอารมณ์ อาศัยฆานปสาท
เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด นี้ชื่อว่าคันธะบ้าง คันธายตนะบ้าง
คันธธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นคันธายตนะ
รสายตนะ
[๖๒๘] รูปที่เป็นรสายตนะ นั้นเป็นไฉน
รสใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นรสที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ได้แก่ รสรากไม้ รส
ลำต้น รสเปลือกไม้ รสใบไม้ รสดอกไม้ รสผลไม้ รสเปรี้ยว หวาน ขม เผ็ด เค็ม ขื่น
เฝื่อน ฝาด อร่อย ไม่อร่อย หรือรสแม้อื่นใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ มีอยู่ สัตว์นี้เคยลิ้ม กำลังลิ้ม จักลิ้ม หรือพึงลิ้มรสใดที่เห็นไม่ได้แต่
กระทบได้ด้วยชิวหาปสาทที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่ารสบ้าง รสายตนะบ้าง
รสธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นรสายตนะ๑
[๖๒๙] รูปที่เป็นรสายตนะ นั้นเป็นไฉน
รสใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นรสที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ได้แก่ รสรากไม้
รสลำต้น รสเปลือกไม้ รสใบไม้ รสดอกไม้ รสผลไม้ รสเปรี้ยว หวาน ขม เผ็ด เค็ม
ขื่น เฝื่อน ฝาด อร่อย ไม่อร่อย หรือรสแม้อื่นใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นไม่ได้
แต่กระทบได้ มีอยู่ ชิวหาปสาทที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ
จักกระทบ หรือพึงกระทบที่รสใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่ารสบ้าง รสายตนะ
บ้าง รสธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นรสายตนะ

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๑๖๕/๘๔

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๐๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
[๖๓๐] รูปที่เป็นรสายตนะ นั้นเป็นไฉน
รสใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นรสที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ได้แก่ รสรากไม้
รสลำต้น รสเปลือกไม้ รสใบไม้ รสดอกไม้ รสผลไม้ รสเปรี้ยว หวาน ขม เผ็ด
เค็ม ขื่น เฝื่อน ฝาด อร่อย ไม่อร่อย หรือรสแม้อื่นใดอาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็น
ไม่ได้แต่กระทบได้ มีอยู่ รสใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ
จักกระทบ หรือพึงกระทบที่ชิวหาปสาทซึ่งเห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่ารสบ้าง
รสายตนะบ้าง รสธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นรสายตนะ
[๖๓๑] รูปที่เป็นรสายตนะ นั้นเป็นไฉน
รสใด อาศัยมหาภูตรูป ๔ เป็นรสที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ ได้แก่ รสรากไม้
รสลำต้น รสเปลือกไม้ รสใบไม้ รสดอกไม้ รสผลไม้ รสเปรี้ยว หวาน ขม เผ็ด เค็ม
ขื่น เฝื่อน ฝาด อร่อย ไม่อร่อย หรือรสแม้อื่นใดซึ่งอาศัยมหาภูตรูป ๔ ที่เห็นไม่ได้
แต่กระทบได้ มีอยู่ เพราะปรารภรสใด ชิวหาสัมผัสอาศัยชิวหาปสาท เคยเกิด กำลัง
เกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะปรารภรสใด เวทนาที่เกิดแต่ชิวหาสัมผัส ฯลฯ
สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ ชิวหาวิญญาณ อาศัยชิวหาปสาท เคยเกิด กำลังเกิด
จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ ชิวหาสัมผัสมีรสใดเป็นอารมณ์ อาศัยชิวหาปสาท เคยเกิด
กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เวทนาที่เกิดแต่ชิวหาสัมผัส ฯลฯ สัญญา ฯลฯ
เจตนา ฯลฯ ชิวหาวิญญาณ มีรสใดเป็นอารมณ์ อาศัยชิวหาปสาท เคยเกิด กำลัง
เกิด จักเกิด หรือพึงเกิด นี้ชื่อว่ารสบ้าง รสายตนะบ้าง รสธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่า
เป็นรสายตนะ
อิตถินทรีย์
[๖๓๒] รูปที่เป็นอิตถินทรีย์ นั้นเป็นไฉน
ทรวดทรงหญิง เครื่องหมายประจำเพศหญิง กิริยาหญิง อาการหญิง สภาพ
หญิง ภาวะหญิง ของสตรี รูปนี้ชื่อว่าเป็นอิตถินทรีย์๑

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๒๒๐/๑๔๖

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๐๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
ปุริสินทรีย์
[๖๓๓] รูปที่เป็นปุริสินทรีย์ นั้นเป็นไฉน
ทรวดทรงชาย เครื่องหมายประจำเพศชาย กิริยาชาย อาการชาย สภาพ
ชาย ภาวะชาย ของบุรุษ รูปนี้ชื่อว่าเป็นปุริสินทรีย์๑
ชีวิตินทรีย์
[๖๓๔] รูปที่เป็นชีวิตินทรีย์ นั้นเป็นไฉน
อายุ ความดำรงอยู่ ความเป็นไป กิริยาที่ให้เป็นไป อาการที่สืบเนื่องกัน
ความดำเนินไป ความหล่อเลี้ยง ชีวิต ชีวิตินทรีย์แห่งสภาวธรรมที่เป็นรูปเหล่านั้น
รูปนี้ชื่อว่าเป็นชีวิตินทรีย์๑
กายวิญญัติ
[๖๓๕] รูปที่เป็นกายวิญญัติ นั้นเป็นไฉน
ความเข้มแข็ง กิริยาที่เข้มแข็งด้วยดี ภาวะที่เข้มแข็งด้วยดี การแสดงให้รู้ความ
หมาย กิริยาที่แสดงให้รู้ความหมาย ภาวะที่แสดงให้รู้ความหมายแห่งกายของ
บุคคลผู้มีจิตเป็นกุศล มีจิตเป็นอกุศล มีจิตเป็นอัพยากฤต ก้าวไปอยู่ ถอยกลับ
อยู่ แลดูอยู่ เหลียวดูอยู่ คู้เข้าอยู่ หรือเหยียดออกอยู่ รูปนี้ชื่อว่าเป็น
กายวิญญัติ
วจีวิญญัติ
[๖๓๖] รูปที่เป็นวจีวิญญัติ นั้นเป็นไฉน
การพูด การเปล่งวาจา การเจรจา การกล่าว การป่าวร้อง การโฆษณา
วาจา วจีเภท แห่งบุคคลผู้มีจิตเป็นกุศล มีจิตเป็นอกุศล มีจิตเป็นอัพยากฤต นี้
เรียกว่า วาจา การแสดงให้รู้ความหมาย กิริยาที่แสดงให้รู้ความหมาย ภาวะที่
แสดงให้รู้ความหมายด้วยวาจานั้น รูปนี้ชื่อว่าเป็นวจีวิญญัติ

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๒๒๐/๑๔๖

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๐๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
อากาสธาตุ
[๖๓๗] รูปที่เป็นอากาสธาตุ นั้นเป็นไฉน
อากาศ ธรรมชาติที่นับว่าอากาศ ความว่างเปล่า ธรรมชาติที่นับว่าความว่าง
เปล่า ช่องว่าง ธรรมชาติที่นับว่าช่องว่าง ซึ่งมหาภูตรูป ๔ ถูกต้องไม่ได้ รูปนี้ชื่อว่า
เป็นอากาสธาตุ
ลหุตารูป
[๖๓๘] รูปที่เป็นลหุตารูป นั้นเป็นไฉน
ความเบา ความรวดเร็ว ความไม่เชื่องช้า ความไม่หนักแห่งรูป รูปนี้ชื่อว่าเป็น
ลหุตารูป
มุทุตารูป
[๖๓๙] รูปที่เป็นมุทุตารูป นั้นเป็นไฉน
ความอ่อน ภาวะที่อ่อน ความไม่แข็ง ความไม่กระด้างแห่งรูป รูปนี้ชื่อว่าเป็น
มุทุตารูป
กัมมัญญตารูป
[๖๔๐] รูปที่เป็นกัมมัญญตารูป นั้นเป็นไฉน
ความควรแก่การงาน กิริยาที่ควรแก่การงาน ภาวะที่ควรแก่การงานแห่งรูป
รูปนี้ชื่อว่าเป็นกัมมัญญตารูป
อุปจยรูป
[๖๔๑] รูปที่เป็นอุปจยรูป นั้นเป็นไฉน
ความแรกเกิดแห่งอายตนะ นั้นเป็นความเกิดขึ้นแห่งรูป รูปนี้ชื่อว่าเป็น
อุปจยรูป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๐๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ อุปาทาภาชนีย์
สันตติรูป
[๖๔๒] รูปที่เป็นสันตติรูป นั้นเป็นไฉน
ความเจริญแห่งรูป นั้นเป็นความสืบต่อแห่งรูป รูปนี้ชื่อว่าเป็นสันตติรูป
ชรตารูป
[๖๔๓] รูปที่เป็นชรตารูป นั้นเป็นไฉน
ความชรา ความคร่ำคร่า ความมีฟันหลุด ความมีผมหงอก ความมีหนังเหี่ยว
ความเสื่อมอายุ ความหง่อมแห่งอินทรีย์แห่งรูป รูปนี้ชื่อว่าเป็นชรตารูป
อนิจจตารูป
[๖๔๔] รูปที่เป็นอนิจจตารูป นั้นเป็นไฉน
ความสิ้นไป ความเสื่อมไป ความแตก ความทำลาย ความไม่เที่ยง
ความอันตรธานแห่งรูป รูปนี้ชื่อว่าเป็นอนิจจตารูป
กวฬิงการาหารรูป
[๖๔๕] รูปที่เป็นกวฬิงการาหาร นั้นเป็นไฉน
ข้าวสุก ขนมสด ขนมแห้ง ปลา เนื้อ นมสด นมส้ม เนยใส เนยข้น น้ำมัน
น้ำผึ้ง น้ำอ้อย หรือรูปแม้อื่น มีอยู่ ที่พึงกินทางปาก ขบเคี้ยว กลืนกิน อิ่มท้อง
ซึ่งมีโอชาเป็นเหตุให้สัตว์ในสถานที่นั้น ๆ ดำรงชีพอยู่ได้ รูปนี้ชื่อว่าเป็นกวฬิง-
การาหาร
รูปนี้ชื่อว่าเป็นอุปาทายรูป
อุปาทาภาชนีย์ จบ
ปฐมภาณวารในรูปกัณฑ์ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๐๕ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ
อนุปาทารูป
[๖๔๖] รูปที่ไม่เป็นอุปาทายรูป นั้นเป็นไฉน
โผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ
โผฏฐัพพายตนะ
[๖๔๗] รูปที่เป็นโผฏฐัพพายตนะ นั้นเป็นไฉน
ปฐวีธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ที่แข็ง อ่อน ละเอียด หยาบ มีสัมผัสเป็นสุข
มีสัมผัสเป็นทุกข์ หนัก เบา สัตว์นี้เคยถูกต้อง กำลังถูกต้อง จักถูกต้อง หรือพึง
ถูกต้องโผฏฐัพพะใด ที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ด้วยกายปสาทที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้
นี้ชื่อว่าโผฏฐัพพะบ้าง โผฏฐัพพายตนะบ้าง โผฏฐัพพธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็น
โผฏฐัพพายตนะ๑
[๖๔๘] รูปที่เป็นโผฏฐัพพายตนะ นั้นเป็นไฉน
ปฐวีธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ที่แข็ง อ่อน ละเอียด หยาบ มีสัมผัสเป็นสุข มี
สัมผัสเป็นทุกข์ หนัก เบา กายที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ กำลังกระทบ
จักกระทบ หรือพึงกระทบ ที่โผฏฐัพพะใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้ชื่อว่าโผฏฐัพพะ
บ้าง โผฏฐัพพายตนะบ้าง โผฏฐัพพธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นโผฏฐัพพายตนะ
[๖๔๙] รูปที่เป็นโผฏฐัพพายตนะ นั้นเป็นไฉน
ปฐวีธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ที่แข็ง อ่อน ละเอียด หยาบ มีสัมผัสเป็นสุข มี
สัมผัสเป็นทุกข์ หนัก เบา โผฏฐัพพะใดที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ เคยกระทบ
กำลังกระทบ จักกระทบ หรือพึงกระทบที่กายปสาทที่เห็นไม่ได้แต่กระทบได้ นี้
ชื่อว่าโผฏฐัพพะบ้าง โผฏฐัพพายตนะบ้าง โผฏฐัพพธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็น
โผฏฐัพพายตนะ
[๖๕๐] รูปที่เป็นโผฏฐัพพายตนะ นั้นเป็นไฉน
ปฐวีธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ที่แข็ง อ่อน ละเอียด หยาบ มีสัมผัสเป็นสุข มี
สัมผัสเป็นทุกข์ หนัก เบา เพราะปรารภโผฏฐัพพะใด กายสัมผัสอาศัยกายปสาทรูป

เชิงอรรถ :
๑ อภิ.วิ. ๓๕/๑๖๖/๘๔

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๐๖ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ
เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เพราะปรารภโผฏฐัพพะใด เวทนาที่
เกิดแต่กายสัมผัส ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ กายวิญญาณ อาศัยกายปสาท
เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ กายสัมผัสมีโผฏฐัพพะใดเป็นอารมณ์
อาศัยกายปสาท เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด ฯลฯ เวทนาที่เกิดแต่กาย
สัมผัส ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนา ฯลฯ กายวิญญาณมีโผฏฐัพพะใดเป็นอารมณ์
อาศัยกายปสาท เคยเกิด กำลังเกิด จักเกิด หรือพึงเกิด นี้ชื่อว่าโผฏฐัพพะบ้าง
โผฏฐัพพายตนะบ้าง โผฏฐัพพธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นโผฏฐัพพายตนะ
อาโปธาตุ
[๖๕๑] รูปที่เป็นอาโปธาตุ นั้นเป็นไฉน
ความเอิบอาบ ธรรมชาติที่เอิบอาบ ความเหนียว ธรรมชาติที่เหนียว
ธรรมชาติเป็นเครื่องเกาะกุมรูป รูปนี้ชื่อว่าเป็นอาโปธาตุ
รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นอุปาทายรูป
อุปาทินนรูป
[๖๕๒] รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิยึดถือ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ โสตายตนะ ฆานายตนะ ชิวหายตนะ กายายตนะ อิตถินทรีย์
ปุริสินทรีย์ และชีวิตินทรีย์ หรือรูปแม้อื่น มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ
รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อากาสธาตุ อาโปธาตุ อุปจยรูป สันตติรูป และ
กวฬิงการาหาร อันกรรมแต่งขึ้น รูปนี้ชื่อว่ากรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิ
ยึดถือ
อนุปาทินนรูป
[๖๕๓] รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือ นั้นเป็นไฉน
สัททายตนะ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ ลหุตารูป มุทุตารูป กัมมัญญตารูป
ชรตารูป และอนิจจตารูป หรือรูปแม้อื่น มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ
รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อากาสธาตุ อาโปธาตุ อุปจยรูป สันตติรูป และ
กวฬิงการาหาร อันกรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปนี้ชื่อว่ากรรมอันประกอบด้วยตัณหาและ
ทิฏฐิไม่ยึดถือ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๐๗ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ
อุปาทินนุปาทานิยรูป
[๖๕๔] รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของ
อุปาทาน นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ และชีวิตินทรีย์
หรือรูปแม้อื่น มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ
อากาสธาตุ อาโปธาตุ อุปจยรูป สันตติรูป และกวฬิงการาหาร อันกรรมแต่งขึ้น
รูปนี้ชื่อว่ากรรมอันประกอบด้วยตัณหาทิฏฐิยึดถือและเป็นอารมณ์ของอุปาทาน
อนุปาทินนุปาทานิยรูป
[๖๕๕] รูปที่กรรมอันประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์
ของอุปาทาน นั้นเป็นไฉน
สัททายตนะ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ ลหุตารูป มุทุตารูป กัมมัญญตารูป
ชรตารูป และอนิจจตารูป หรือรูปแม้อื่น มีอยู่ ได้แก่ รูปายตนะ คันธายตนะ
รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ อากาสธาตุ อาโปธาตุ อุปจยรูป สันตติรูป และ
กวฬิงการาหาร (อาหารคือคำข้าว) อันกรรมไม่ได้แต่งขึ้น รูปนี้ชื่อว่ากรรมอัน
ประกอบด้วยตัณหาและทิฏฐิไม่ยึดถือแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน
สนิทัสสนรูป
[๖๕๖] รูปที่เห็นได้ นั้นเป็นไฉน
รูปายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเห็นได้
อนิทัสสนรูป
[๖๕๗] รูปที่เห็นไม่ได้ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าเห็นไม่ได้
สัปปฏิฆรูป
[๖๕๘] รูปที่กระทบได้ นั้นเป็นไฉน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๐๘ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ
จักขายตนะ โสตายตนะ ฆานายตนะ ชิวหายตนะ กายายตนะ รูปายตนะ
สัททายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ และโผฏฐัพพายตนะ รูปนี้ชื่อว่ากระทบได้
อัปปฏิฆรูป
[๖๕๙] รูปที่กระทบไม่ได้ นั้นเป็นไฉน
อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่ากระทบไม่ได้
อินทริยรูป
[๖๖๐] รูปที่เป็นอินทรีย์ นั้นเป็นไฉน
จักขุนทรีย์ โสตินทรีย์ ฆานินทรีย์ ชิวหินทรีย์ กายินทรีย์ อิตถินทรีย์
ปุริสินทรีย์ และชีวิตินทรีย์ รูปนี้ชื่อว่าเป็นอินทรีย์
อนินทริยรูป
[๖๖๑] รูปที่ไม่เป็นอินทรีย์ นั้นเป็นไฉน
รูปายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นอินทรีย์
มหาภูตรูป
[๖๖๒] รูปที่เป็นมหาภูตรูป นั้นเป็นไฉน
โผฏฐัพพายตนะ และอาโปธาตุ รูปนี้ชื่อว่าเป็นมหาภูตรูป
นมหาภูตรูป
[๖๖๓] รูปที่ไม่เป็นมหาภูตรูป นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นมหาภูตรูป
วิญญัตติรูป
[๖๖๔] รูปที่เป็นวิญญัตติรูป นั้นเป็นไฉน
กายวิญญัติ และวจีวิญญัติ รูปนี้ชื่อว่าเป็นวิญญัตติรูป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๐๙ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ
นวิญญัตติรูป
[๖๖๕] รูปที่ไม่เป็นวิญญัตติรูป นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นวิญญัตติรูป
จิตตสมุฏฐานรูป
[๖๖๖] รูปที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน นั้นเป็นไฉน
กายวิญญัติ และวจีวิญญัติ หรือรูปแม้อื่น มีอยู่ ที่เกิดแต่จิต มีจิตเป็นเหตุ
มีจิตเป็นสมุฏฐาน ได้แก่ รูปายตนะ สัททายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ
โผฏฐัพพายตนะ อากาสธาตุ อาโปธาตุ ลหุตารูป มุทุตารูป กัมมัญญตารูป
อุปจยรูป สันตติรูป และกวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่ามีจิตเป็นสมุฏฐาน
นจิตตสมุฏฐานรูป
[๖๖๗] รูปที่ไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ ชรตารูป
และอนิจจตารูป หรือรูปแม้อื่น มีอยู่ ที่ไม่เกิดจากจิต ไม่มีจิตเป็นเหตุ ไม่มีจิตเป็น
สมุฏฐาน ได้แก่ รูปายตนะ สัททายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ
อากาสธาตุ อาโปธาตุ ลหุตารูป มุทุตารูป กัมมัญญตารูป อุปจยรูป สันตติรูป
และกวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่มีจิตเป็นสมุฏฐาน
จิตตสหภูรูป
[๖๖๘] รูปที่เกิดพร้อมกับจิต นั้นเป็นไฉน
กายวิญญัติ และวจีวิญญัติ รูปนี้ชื่อว่าเกิดพร้อมกับจิต
นจิตตสหภูรูป
[๖๖๙] รูปที่ไม่เกิดพร้อมกับจิต นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เกิดพร้อมกับจิต

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๑๐ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส ปกิณณกทุกะ
จิตตานุปริวัตติรูป
[๖๗๐] รูปที่เป็นไปตามจิต นั้นเป็นไฉน
กายวิญญัติ และวจีวิญญัติ รูปนี้ชื่อว่าเป็นไปตามจิต
นจิตตานุปริวัตติรูป
[๖๗๑] รูปที่ไม่เป็นไปตามจิต นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นไปตามจิต
อัชฌัตติกรูป
[๖๗๒] รูปที่เป็นภายใน นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กายายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเป็นภายใน
พาหิรรูป
[๖๗๓] รูปที่เป็นภายนอก นั้นเป็นไฉน
รูปายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหารรูป รูปนี้ชื่อว่าเป็นภายนอก
โอฬาริกรูป
[๖๗๔] รูปหยาบ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ รูปนี้ชื่อว่ารูปหยาบ
สุขุมรูป
[๖๗๕] รูปละเอียด นั้นเป็นไฉน
อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่ารูปละเอียด
ทูเรรูป
[๖๗๖] รูปไกล นั้นเป็นไฉน
อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่ารูปไกล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๑๑ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส วัตถุทุกะ
สัตติเกรูป
[๖๗๗] รูปใกล้ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ รูปนี้ชื่อว่ารูปใกล้
ปกิณณกทุกะ จบ
วัตถุทุกะ
[๖๗๘] รูปเป็นที่อาศัยเกิดของจักขุสัมผัส นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเป็นที่อาศัยเกิดของจักขุสัมผัส
[๖๗๙] รูปไม่เป็นที่อาศัยเกิดของจักขุสัมผัส นั้นเป็นไฉน
โสตายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นที่อาศัยเกิดของจักขุสัมผัส
[๖๘๐] รูปเป็นที่อาศัยเกิดของเวทนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ ของ
สัญญา ฯลฯ ของเจตนา ฯลฯ ของจักขุวิญญาณ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเป็นที่อาศัยเกิดของจักขุวิญญาณ
[๖๘๑] รูปไม่เป็นที่อาศัยเกิดของจักขุวิญญาณ นั้นเป็นไฉน
โสตายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นที่อาศัยเกิดของจักขุวิญญาณ
[๖๘๒] รูปเป็นที่อาศัยเกิดของโสตสัมผัส ฯลฯ ของฆานสัมผัส ฯลฯ
ของชิวหาสัมผัส ฯลฯ ของกายสัมผัส นั้นเป็นไฉน
กายายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเป็นที่อาศัยเกิดของกายสัมผัส
[๖๘๓] รูปไม่เป็นที่อาศัยเกิดของกายสัมผัส นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นที่อาศัยเกิดของกายสัมผัส
[๖๘๔] รูปเป็นที่อาศัยเกิดของเวทนาที่เกิดแต่กายสัมผัส ฯลฯ ของ
สัญญา ฯลฯ ของเจตนา ฯลฯ ของกายวิญญาณ นั้นเป็นไฉน
กายายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเป็นที่อาศัยเกิดของกายวิญญาณ
[๖๘๕] รูปไม่เป็นที่อาศัยเกิดของกายวิญญาณ นั้นเป็นไฉน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๑๒ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส อารัมมณกทุกะ
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นที่อาศัยเกิดของกาย-
วิญญาณ
วัตถุทุกะ จบ
อารัมมณทุกะ
[๖๘๖] รูปที่เป็นอารมณ์ของจักขุสัมผัส นั้นเป็นไฉน
รูปายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเป็นอารมณ์ของจักขุสัมผัส
[๖๘๗] รูปที่ไม่เป็นอารมณ์ของจักขุสัมผัส นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นอารมณ์ของจักขุสัมผัส
[๖๘๘] รูปที่เป็นอารมณ์ของเวทนาที่เกิดแต่จักขุสัมผัส ฯลฯ ของสัญญา
ฯลฯ ของเจตนา ฯลฯ ของจักขุวิญญาณ นั้นเป็นไฉน
รูปายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเป็นอารมณ์ของจักขุวิญญาณ
[๖๘๙] รูปที่ไม่เป็นอารมณ์ของจักขุวิญญาณ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นอารมณ์ของจักขุวิญญาณ
[๖๙๐] รูปที่เป็นอารมณ์ของโสตสัมผัส ฯลฯ ของฆานสัมผัส ฯลฯ ของ
ชิวหาสัมผัส ฯลฯ ของกายสัมผัส นั้นเป็นไฉน
โผฏฐัพพายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเป็นอารมณ์ของกายสัมผัส
[๖๙๑] รูปที่ไม่เป็นอารมณ์ของกายสัมผัส นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นอารมณ์ของกายสัมผัส
[๖๙๒] รูปที่เป็นอารมณ์ของเวทนาที่เกิดแต่กายสัมผัส ฯลฯ ของสัญญา
ฯลฯ ของเจตนา ฯลฯ ของกายวิญญาณ นั้นเป็นไฉน
โผฏฐัพพายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเป็นอารมณ์ของกายวิญญาณ
[๖๙๓] รูปที่ไม่เป็นอารมณ์ของกายวิญญาณ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นอารมณ์ของกายวิญญาณ
อารัมมณทุกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๑๓ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส อายตนทุกะ
อายตนทุกะ
[๖๙๔] รูปที่เป็นจักขายตนะ นั้นเป็นไฉน
จักษุใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ ฯลฯ นี้ชื่อว่าบ้านว่างบ้าง รูปนี้
ชื่อว่าเป็นจักขายตนะ
[๖๙๕] รูปที่ไม่เป็นจักขายตนะ นั้นเป็นไฉน
โสตายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นจักขายตนะ
[๖๙๖] รูปที่เป็นโสตายตนะ ฯลฯ เป็นฆานายตนะ ฯลฯ เป็นชิวหายตนะ
ฯลฯ เป็นกายายตนะ นั้นเป็นไฉน
กายใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ ฯลฯ นี้ชื่อว่าบ้านว่างบ้าง รูปนี้
ชื่อว่าเป็นกายายตนะ
[๖๙๗] รูปที่ไม่เป็นกายายตนะ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นกายายตนะ
[๖๙๘] รูปที่เป็นรูปายตนะ นั้นเป็นไฉน
รูปใด เป็นสีต่าง ๆ อาศัยมหาภูตรูป ๔ ฯลฯ นี้ชื่อว่ารูปธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่า
เป็นรูปายตนะ
[๖๙๙] รูปที่ไม่เป็นรูปายตนะ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นรูปายตนะ
[๗๐๐] รูปที่เป็นสัททายตนะ ฯลฯ เป็นคันธายตนะ ฯลฯ เป็นรสายตนะ
ฯลฯ เป็นโผฏฐัพพายตนะ นั้นเป็นไฉน
ปฐวีธาตุ ฯลฯ นี้ชื่อว่าโผฏฐัพพธาตุบ้าง รูปนี้ชื่อว่าเป็นโผฏฐัพพายตนะ
[๗๐๑] รูปที่ไม่เป็นโผฏฐัพพายตนะ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นโผฏฐัพพายตนะ
อายตนทุกะ จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๑๔ }

พระอภิธรรมปิฎก ธัมมสังคณี [๒. รูปกัณฑ์] รูปวิภัตติ ทุกนิทเทส อินทริยทุกะ
ธาตุทุกะ
[๗๐๒] รูปที่เป็นจักขุธาตุ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเป็นจักขุธาตุ
[๗๐๓] รูปที่ไม่เป็นจักขุธาตุ นั้นเป็นไฉน
โสตายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นจักขุธาตุ
[๗๐๔] รูปที่เป็นโสตธาตุ ฯลฯ เป็นฆานธาตุ ฯลฯ เป็นชิวหาธาตุ ฯลฯ
เป็นกายธาตุ นั้นเป็นไฉน
กายายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเป็นกายธาตุ
[๗๐๕] รูปที่ไม่เป็นกายธาตุ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นกายธาตุ
[๗๐๖] รูปที่เป็นรูปธาตุ นั้นเป็นไฉน
รูปายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเป็นรูปธาตุ
[๗๐๗] รูปที่ไม่เป็นรูปธาตุ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นรูปธาตุ
[๗๐๘] รูปที่เป็นสัททธาตุ ฯลฯ เป็นคันธธาตุ ฯลฯ เป็นรสธาตุ ฯลฯ
เป็นโผฏฐัพพธาตุ นั้นเป็นไฉน
โผฏฐัพพายตนะ รูปนี้ชื่อว่าเป็นโผฏฐัพพธาตุ
[๗๐๙] รูปที่ไม่เป็นโผฏฐัพพธาตุ นั้นเป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ กวฬิงการาหาร รูปนี้ชื่อว่าไม่เป็นโผฏฐัพพธาตุ
ธาตุทุกะ จบ
อินทริยทุกะ
[๗๑๐] รูปที่เป็นจักขุนทรีย์ นั้นเป็นไฉน
จักษุใด เป็นปสาทรูป อาศัยมหาภูตรูป ๔ ฯลฯ นี้ชื่อว่าบ้านว่างบ้าง รูปนี้
ชื่อว่าเป็นจักขุนทรีย์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๓๔ หน้า :๒๑๕ }

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น